วันนี้พามาจิบชายามบ่ายอีกแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและไม่เหมือนที่ไหนนั่นก็คือความเก๋าของคาเฟ่แห่งนี้ที่มีอายุอานามกว่า 50 ปี อยู่คู่กับโรงแรมดุสิตธานีมาตั้งแต่แรกเริ่ม เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของคาเฟ่ในยุคแรก ๆ เลยก็ว่าได้ 

ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่โซนบาร์ เป็นส่วนที่ตั้งอยู่ใจกลางร้าน เดินเข้ามาก็เห็นเลย โซนที่ 2 เป็นส่วนที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นมา ตกแต่งด้วยภาพที่แสดงให้เห็นเรื่องราวของดุสิตธานี

ส่วนโซนที่ 3 เป็นโซนห้องกระจกที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ สีสันอันเขียวขจีของต้นไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสุดๆ เราเลือกนั่งโซนนี้แหละ

เริ่มจากชั้นบนสุด Tier Mousse มูสสูตรพิเศษของทางร้าน จะมีสลับกันไประหว่างช็อกโกแลตกับมะม่วง วันนี้ที่เราได้ชิมเป็นช็อกโกแลต ตรงกลางเป็นไวท์ช็อกโกแลต ท็อปด้านบนด้วยมินิมาการ็อง รสชาติของมาการ็องก็จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ตามฤดูกาลของผลไม้ ด้านข้างเป็น Chocolate Box เป็นเนื้อเค้กที่ชุบด้วยช็อกโกแลต

ชั้นที่ 2 มีทาร์ตช็อกโกแลตที่ไม่ธรรมดามีถั่วแมคคาเดเมียเคลือบบาง ๆ ด้วยคาราเมล รสชาติหวานน้อยกำลังดี อันนี้ดีเพราะเราไม่ทานหวานมาก ต่อด้วยเค้กมูส ซึ่งด้านในจะเป็นเยลลี่ที่ทำมาจากราสเบอรี่ ให้เนื้อสัมผัสอย่างนุ่มเนียน ต่อด้วยเลมอนเมอแรงค์ทาร์ต เป็นทาร์ตที่เนื้อเนียนเด้ง ท็อปด้านบนด้วยเมอแรง และป้ายผงทองเพื่อเพิ่มความหรูหรา ไม่เหมือนที่อื่นอย่างแน่นอน

ชั้นถัดมา เริ่มด้วยสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการดื่ม Afternoon Tea นั่นคือ สโคน ทานคู่กับมาสคาโปนชีส ถัดมาเป็นแยมบลูเบอรี่เป็นแบบโฮมเมดทำเอง มีส่วนผสมของชินนามอน และยังมีของคาวอีก 3 อย่าง สกัดกุ้ง มิโซะมาโย เสิร์ฟมาในช้อนทองคำ เป็นการนำเอามิโซะไปผสมกับมายองเนส ปรุงรสนิดหน่อยทานคู่กับกุ้งสับท็อปด้วยคาเวีย ถัดมาเป็นโวโลวองซ์ ขนมอบของฝรั่งเศส สอดใส้ด้วยชิกเก้น โบโลเนสหรือชิกเกนรากู รสชาติกรุบกรอบ  ต่อด้วยเครปที่โด่งดังมานานทานด้วยดิลครีมชีส สโมสแซลมอนกับแครปเปอร์แล้วก็ม้วน นุ่ม และทานง่าย 

ทั้งหมดนี้ลูกค้าสามารถเลือกชาหรือกาแฟได้ตามเมนู และด้วยราคาที่สมเหตุสมผลบวกกับความเป็นดุสิตธานี คุ้มค่าเกินราคาอย่างแน่นอน

How To Go

ดุสิต กูร์เมต์ ตั้งอยู่ภายในรั้วบ้านดุสิตธานี ห่างจากปากซอยศาลาแดงเพียง 100 เมตร 
สามารถเดินทางมาได้ทั้งรถยนต์ รวมถึง BTS และ MRT

Afternoon Tea เริ่ม 14.00 - 17.00 น. (470 บาท / 1 เซ็ต)