10 Things : Dangerous Food-Drug Interactions 10 อาหารที่ไม่ควรกินคู่กับยา | Isuue 163
อาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่แล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ยังมีข้อยกเว้นอยู่บ้างเมื่อรับประทานควบคู่กับยา ซึ่งจะทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ต่อร่างกาย เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
10) ขิง
ขิงมีฤทธิ์ร้อนสามารถแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ต้านการอักเสบ และอาการปวดไมเกรนได้ แต่การกินขิงมากเกินไปจะทำให้กระเพาะมีกรดสูง อาจทำให้มีอาการเลือดออกในกระเพาะได้ ถ้ากินขิงพร้อมยาต้องระวังผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ขิงจะไปลดระดับความดันเลือดและระดับน้ำตาลในต่ำลงจึงไม่ควรกินร่วมกันนั่นเอง
9) พริก
ด้วยความแสบเผ็ดร้อนของพริก ความจริงคนป่วยและคนกินเผ็ดไม่ได้ไม่ควรรับประทานเป็นอย่างยิ่ง แต่คุณสมบัติของพริกก็มีอยู่หลายประการ ตั้งแต่แก้อาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เพราะในเม็ดพริกเองมีสารแคปไซซินอยู่นั่นเอง เหตุผลที่ไม่ควรกินพริกคู่กับยา เพราะจะไปลดการดูดซึมของยากลุ่ม ACE inhibitors ในผู้ป่วยโรคไตที่เป็นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหืด และกลุ่มของยาต้านอาการซึมเศร้านั่นเอง
8) โสม
เราทราบดีกว่าสรรพคุณของโสมบำรุงกำลังและร่างกาย แต่ถ้าหากกินร่วมกับยามีผลในเรื่องการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้อาจทำให้นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ เป็นโรคระบบประสาทได้ สรรพคุณของโสมยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่การกินร่วมกับยาเบาหวานจะทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำลงมากเกินไป
7) ชะเอม
สรรพคุณของชะเอมคือขับเสมหะ บรรเทาอาการเจ็บคอ บำรุงกำลัง โดยมีสาร Licorice หรือ Glycyrrhizin เป็นส่วนประกอบสำคัญมีผลให้คนที่เป็นโรคหัวใจที่ต้องใช้ยาจำพวก Digoxin จะถูกลดประสิทธิภาพลง แถมอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ ในรายของผู้ที่เป็นโรคความดันก็มีการห้ามกินชะเอมอีกด้วย
6) แปะก๊วย
ปกติแปะก๊วยเป็นสมุนไพรที่ช่วยบำรุงสมอง แต่ถ้ากินร่วมกับยาต้านโรคซึมเศร้า และยาแก้อักเสบ จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า ในส่วนของคนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้เช่นกัน
5) กระเทียม
ในกระเทียมมีสารอัลลิซิน ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล แต่ถ้ากินร่วมกับยารักษาความดันโลหิตสูง ยาเบาหวาน อาจทำให้ระดับอินซูลินต่ำลงจนเกินไป นอกจากนี้ไม่ควรกินร่วมกับยาแอสไพริน วาร์ฟาริน ในกลุ่มคนที่เลือดออกง่ายเพราะจะทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า
4) ผลไม้ตระกูลส้ม
เหมือนจะดูขัดแย้งกับผลไม้ที่คนป่วยรับประทานได้ แต่บางงานวิจัยบอกว่า ผลไม้เหล่านี้จะไปลดการทำงานของเอนไซม์ ทำให้ยาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้มีประสิทธิภาพ แถมยังทำให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้น มีผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงจนเกิดอันตราย ผู้ป่วยที่กินยาความดัน ยาลดไขมันในเลือด ยาคลายเครียด จึงควรหลีกเลี่ยง
3) นม
เนื่องจากนมมีแคลเซียม แมกนีเซียม และเคซีน ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมของยา เมื่อกินยาและนมพร้อมกันจะทำให้สารของยาไม่สามารถออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพได้ แต่ถ้าใครกินยาแล้วอยากดื่มนมแนะนำให้ทิ้งระยะห่างไว้มากกว่า 2 ชั่วโมงขึ้นไป
2) ช็อกโกแลต
สำหรับกลุ่มคนที่กินยาลดความดันควรหลีกเลี่ยง เพราะช็อกโกแลตมีไทรามีน ที่ช่วยกระตุ้นให้ความดันโรหิตสูง ถ้าหากกินร่วมกับยาโรคซึมเศร้าเซเลจิลีน (Selegiline) อาจเกิดการปวดหัวรุนแรงได้ นอกจากนี้ช็อกโกแลต ยังมีกาแฟอีนที่มีผลต่อคนเป็นโรคไทรอยด์ และผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอีกด้วย
1) กะหล่ำปลี
เป็นผักที่อยู่คู่ครัวของไทยมานาน แต่ในรายของผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวเลือด วาร์ฟาริน (Warfarin) ไม่ควรกินอย่างยิ่งเพราะ กะหล่ำปลีกินร่วมกับยาจะมีผลต่อระดับความแข็งตัวของเลือด จึงต้องระวังเป็นอย่างมาก