สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : โรซ่า...แบรนด์ที่ใกล้ชิดคนไทย | Issue 163

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : โรซ่า...แบรนด์ที่ใกล้ชิดคนไทย | Issue 163

หากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นแบรนด์โรซ่า ต้องย้อนไปถึงรุ่นก่อตั้งธุรกิจของครอบครัว ต้นตระกูลวังพัฒนมงคล คุณพ่อของคุณสุวิทย์ ชายหนุ่มผู้เดินทางมาจากเมืองจีน เขาตั้งใจมาสร้างตัวและครอบครัวที่เมืองไทย โดยเริ่มต้นการทำธุรกิจจากร้าน เฮ่งน่ำทอง ยี่ปั๊ว ตัวแทนจำหน่ายซื้อขายสินค้าประเภทนมข้นหวาน น้ำตาลทราย แต่เมื่อทำไปได้ระยะหนึ่งเขาค้นพบว่าการเป็นพ่อค้าคนกลางนั้นไม่ใช่คำตอบที่ใช่ เพราะต้องขายของให้คนอื่น แต่ไม่มีสินค้าของตัวเอง เขาเลยเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ “ชาตราสามแพะ” และต่อยอดมาทำผลิตภัณฑ์ซีอิ๊วซึ่งกำลังได้รับความนิยมในเวลานั้น ตราสามแพะเลยกลายเป็นยี่ห้อของซอสถั่วเหลืองด้วย และต่อมาซอสมะเขือเทศก็เป็นที่นิยม แต่ยังไม่มียี่ห้อที่ผลิตในเมืองไทย อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ ผู้ที่เห็นโอกาสและทำก่อนย่อมสำเร็จก่อน แบรนด์ “โรซ่า” จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว

หลาย ๆ ธุรกิจต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะพิษสถานการณ์โควิด-19 แต่กับธุรกิจอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารปรุงสำเร็จนั้น หลายคนคิดว่าต้องโตขึ้นในช่วงที่ผู้คนต้องกักตัวเป็นแน่ 

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : ธุรกิจอาหาร หลายคนบอกว่าช่วงโควิดไม่น่าจะได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบคงไม่มาก เพราะว่าเห็นคนแห่กักตุนกันเยอะ ก็เป็นความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง ผมจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับว่า ผลิตภัณฑ์เรามันมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป และเครื่องปรุงรสอาหารสำเร็จรูป หลายท่านคงจะเห็นว่า ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ทุกคนจะแห่กักตุนสินค้าสำเร็จรูปเข้าไปในบ้านกันเยอะมาก เรียกได้ว่าในห้างสรรพสินค้า ส่งเข้าไปเท่าไหร่ก็ขายกันหมดเลย อาจเรียกได้ว่ามันเป็น Demand ความต้องการหลอก คือ มันเป็น Demand ของการตื่นตกใจ และซื้อเข้าไปกักตุน พอเข้าไปจริง ๆ ในบางบ้านผ่านไป 3-4 เดือน ก็ยังไม่บริโภค ผลมันจะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าสินค้าที่เคยขายได้จะค่อย ๆ ดรอปลง เพราะว่าสต๊อกสินค้าในบ้านยังเต็มอยู่ ยังมีเยอะอยู่ แต่ก็ยังดีนะครับที่ยังมีเรื่องของตู้ปันสุขเข้ามา ซึ่งตู้ปันสุขเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้คนบางคนที่ซื้อของเก็บไว้เยอะในสมัยนั้น แต่ตอนนี้ที่บ้านเหลือ นั่นเป็นน้ำใจของคนไทยที่งดงามแบบ เมื่อมีคนที่มีมากที่มีล้น แต่จะมีบางส่วนที่ขาด ก็จะเอาของที่ตุนไว้ไปบริจาคที่ตู้ปันสุข

ส่วนที่ 2 คือ ซอสปรุงอาหาร หรือซอสปรุงรส ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่อาจจะไม่ใช่ทางตรงเช่นเดียวกับพี่น้องผู้ประกอบการด้านร้านอาหาร บางคนโดนผลกระทบโดยตรง ร้านปิดทำมาหากินไม่ได้ ทำการค้าไม่ได้ เราก็กระทบเหมือนกัน เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ผู้ใช้ซอสปรุงรส ซอสสำเร็จ ซอสพริก คือกลุ่มร้านอาหาร ทำให้ยอดขายของเราในช่วงที่มีการปิดร้านอาหาร การชัตดาวน์ ยอดขายหายไปเกินครึ่ง แต่ก็เช่นเดียวกันครับ ภายหลังเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ยอดก็เริ่มกลับมา และเริ่มทยอยดีขึ้นเรื่อย ๆ ผมเชื่อว่าก็คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่ยอดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่เมื่อเทียบแล้วก็ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ถือว่าเป็นได้รับผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาก ๆ ก็เรียกได้ว่า สามารถประคับประคองตัวเองให้สามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้

เชื่อมรสชาติความสุขของครอบครัว

หลังจากโรซ่าทำธุรกิจซอสมะเขือเทศ ธุรกิจก็โตขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกำลังการผลิต ทำให้ช่วงหนึ่งวัตถุดิบเกิดขาดตลาด ทำให้โรซ่าต้องสต๊อกของและทำโรงงาน Tomato Paste ด้วยตัวเอง เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอตลอดปี แต่ก็เกิดปัญหาสต๊อกวัตถุดิบมากเกินกว่าการผลิตในเวลานั้น ทำให้ครอบครัววังพัฒนมงคล ต้องหันหัวเรือเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดจากเดิมนั้นคือ “ปลาซาร์ดีนในซอสมะเขือเทศ” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าปลากระป๋องนั่นแหละ ทำให้โรซ่ากลายเป็นแบรนด์ไทยเจ้าแรกที่ใช้ซอสมะเขือเทศแท้ ๆ มาเป็นส่วนประกอบ ทำให้โรซ่ากลายเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมที่สุดในตอนนั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ โรโซ่ามีส่วนแบ่งการตลาดถึง 80% ในไลน์ปลากระป๋องเกรดคุณภาพ

นอกจากโรซ่าจะเป็นเจ้าตลาดซอสมะเขือเทศในเมืองไทยแล้ว ยังแตกไลน์เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย อาทิ ปลากระป๋องโรซ่า และ โรซ่าพร้อมทาน เช่น กับข้าวพร้อมทาน, สปาเก็ตตี้พร้อมทาน, ซุปพร้อมทาน, โจ๊กพร้อมทาน, ข้าวพร้อมทาน เป็นต้น

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : เราจัดแคมเปญโรซ่าแฟมิลี่ฟู๊ด เพิ่งเริ่มทำได้มาประมาณ 2 ปี หลังจากที่เราพบว่า สินค้าของโรซ่าในพอร์ตมีสินค้าอาหารที่ค่อนข้างครบถ้วน เรามีอาหารสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋อง อาหารที่บรรจุอยู่ในซอง อาหารพร้อมทาน โรซ่าพร้อม มีเครื่องปรุงรสครบเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำมันหอย ซอสปรุงอาหาร หรือซอสผัดต่าง ๆ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้โรซ่าแบรนด์เดียว

เชื่อไหมครับว่าโรซ่า เป็นแบรนด์ไทยที่ปีหน้าจะมีอายุครบ 50 ปี เป็นแบรนด์ไทยที่อยู่คู่สังคมไทยมาครึ่งศตวรรษ และคงจะมีแคมเปญฉลองครบ 50 ปี แต่เราจะบอกว่า 50 ปีของโรซ่าที่อยู่มาตรงนี้ เรามีความรู้สึกว่าโรซ่าเป็นแบรนด์หนึ่งที่อยู่คู่สังคมไทย และการที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เราเชื่อว่าต่อจากนี้ไปเราจะเข้าไปอยู่ในครัวเรือนไทยให้ได้มากที่สุด

ปีที่แล้วเรามีแคมเปญเรื่องโต๊ะวิเศษ เราต้องการบอกกับสังคมไทยว่า ขอให้โรซ่าเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านของท่าน เราเชื่อว่าโรซ่าจะนำความสุขมาสู่โต๊ะอาหารของท่านได้ ผมคิดว่าจะต้องมีความทรงจำที่ดี ๆ หรืออาจจะไม่ดีแต่มีความทรงจำมากมายที่อยู่กับโต๊ะอาหาร บางคนตอนเด็ก ๆ โต๊ะอาหารเป็นทั้งโต๊ะทำการบ้าน โต๊ะที่คุยกับคุณพ่อคุณแม่ โต๊ะที่บางทีไปโรงเรียนแล้วเจอปัญหาอะไรก็กลับมาเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง หรือบางทีก็โดนคุณพ่อคุณแม่ดุบนโต๊ะอาหาร หรือหนักกว่านั้น บางคนโตขึ้นเป็นหนุ่มเป็นสาวอกหัก อาจจะกลับมานั่งร้องไห้กับคุณพ่อคุณแม่ที่โต๊ะอาหาร เหล่านี้เป็นโต๊ะอาหารทุกบ้านนั้นมีเรื่องราวดี ๆ ให้เรามีความทรงจำที่ดีกลับมา แต่ความทรงจำที่ดีของโต๊ะอาหารนั้นที่จะดึงให้ทุกคนมาอยู่บนโต๊ะอาหารได้ มันก็คือรสชาติของอาหาร ไม่มีอาหารที่ไหนที่ดีที่สุดและอร่อยที่สุดเท่ากับอาหารที่ได้ทำจากครอบครัวเราเอง 

โรซ่าอยากเข้าไปมีบทบาทตรงนี้ที่ทำให้การทำอาหารในครอบครัวสะดวกรวดเร็ว และท้ายที่สุดแล้วมันเป็นฝีมือและรสชาติที่บอกได้ว่า บ้านใครบ้านมัน สูตรใครสูตรมัน โรซ่าเป็นผู้ช่วย แต่ด้วยการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เราสามารถช่วยท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซอสต่าง ๆ หรือบางคนต้องการความรวดเร็วมากกว่านั้น อาหารสำเร็จรูปเราก็มี เหล่านี้เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่โรซ่าอยากให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เราจึงใช้แคมเปญนี้ที่ว่า โรซ่าเชื่อมรสชาติความสุขของครอบครัว” เราจะเดินหน้าต่อไปข้างหน้า ปีที่ 50  ของโรซ่า เราจะยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความมุ่งมั่นว่า เราอยากเป็นสมาชิกหนึ่งในสังคมไทย และอยากเข้าไปอยู่ในครัวเรือนไทยให้มากที่สุด เพื่อเชื่อมรสชาติความสุขของครอบครัวไทย

เลือกอาหารอย่างปลอดภัย

เชื่อไหมว่าครั้งหนึ่งแบรนด์โรซ่าเกือบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์อาหารเมืองไทย เนื่องจากมีช่วงหนึ่งประสบปัญหาเรื่องธุรกิจอย่างหนักทำให้แบรนด์โรซ่าถูกขายทอดตลาดไปอยู่กับบริษัทอื่นนานหลายปี ระหว่างที่รอดำเนินการทางกฎหมาย คุณสุวิทย์และคุณประมิตร (พี่ชาย) ยังคงสู้ต่อในธุรกิจอาหาร ก่อตั้ง บริษัท ไฮคิวผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2529 เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ไฮคิว แต่เมื่อธนาคารนำเอาตราสินค้านี้มาขายทอดตลาด สองแกนนำแห่งครอบครัววังพัฒนมงคล ก็ทุ่มเงินเข้าไปประมูลด้วยมูลค่าที่สูงในสมัยนั้น จนกระทั่งได้แบรนด์โรซ่ากลับมา และต่อยอดจนธุรกิจประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง และกลายเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน 

นอกจากซอสมะเขือเทศ อาหารกระป๋อง ได้กลายเป็นตัวชูโรงของแบรนด์ ต่อมาโรซ่าได้พัฒนาเปลี่ยนผัดกาดดองกระป๋องให้มาอยู่ในซองอลูมิเนียม ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการถนอมอาหารเป็นเจ้าแรกของไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นอีกครั้ง

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : ถ้าพูดถึงประวัติศาสตร์นำอาหารมาบรรจุในผลิตภัณฑ์ มันมีมากว่าร้อยปีแล้ว ปัจจุบันมีการบรรจุไว้ในกระป๋องโดยส่วนใหญ่เก็บได้ 3 ปี ขวดแก้ว 2 ปี ถ้าเป็นขวดพลาสติกก็ประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง ถ้าเป็นซองอะลูมิเนียมก็ประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารด้วย เหล่านี้ระยะเวลาในการเก็บ เป็นระยะเวลาในการพิสูจน์ ผ่านการทดลองมานานแล้ว ว่ามันปลอดภัยจริง ๆ 

สำหรับบางท่านที่รู้สึกยังไม่มั่นใจผมแนะนำให้เลือกสินค้าที่ผลิตมาใหม่ที่สุด วันนี้มีลูกค้าเราหลายรายที่มีกฎซึ่ง เราเรียกว่ากฎ 70/30 หมายความว่า สมมุติสินค้ามีอายุเก็บได้ 100 วัน เขาจะต้องเลือกสินค้าเวลาที่เราไปส่งให้เขา ต้องผลิตมาไม่เกิน 30 วัน เราจึงเรียกว่าหลัก 70/30 ซึ่งอันนี้ก็กลับมาถึงการสร้างแบรนด์ ถ้าแบรนด์คุณเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค หรือเรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ขายดีจำหน่ายเร็ว ปัญหานี้จะไม่เกิดเพราะพอวางสินค้าปุ๊บมันก็ถูกซื้อออกไป จึงเข้าไปอยู่ในหลัก 70/30 พอดี นั่นหมายความว่าผู้ผลิตรายนี้ หรือผู้ค้าปลีกรายนี้ใช้หลัก 70/30 ก็ถือว่าเข้มงวดมาก เพราะถือว่าอายุจริง ๆ ของสินค้าคุณคือ 100 วัน แต่ถ้าอายุคุณผลิตมาเกิน 30 วันปุ๊บเขาไม่เอาเลย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเหลืออีก 70 วันอย่างนี้เป็นต้น

ตรงนี้ถือว่าเป็นเคล็ดลับในการเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปสำหรับคนที่รู้สึกว่า ต้องการความใส่ใจเรื่องสุขภาพจริง ๆ นอกจากดูเรื่องแพคเกจจิ้งที่จะต้องคงรูป ไม่มีรอยบุบ ไม่มีจุด หรืออะไรต่าง ๆ เข้าใจว่าทุกคนคงรู้เรื่องนี้ดี ไม่มีรอยบุบ ไม่มีรอยถลอก ไม่มีรอยรั่ว อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

อีกอันหนึ่งที่เป็นทริคในการซื้อของสดของใหม่ คือ ให้ดูวันผลิต โดยมากแล้วผมว่าไม่เกิน 6 เดือน ถือว่าเป็น The Best แล้ว แต่ว่าไม่ได้หมายถึงว่าเกิน 6 เดือนแล้วรับประทานไม่ได้ คือกินได้ตามที่ระบุไว้ในฉลาก ตามลักษณะแพคเกจจิ้งแต่ละชนิด และอาหารที่ใส่ไว้อยู่ข้างใน

ยกตัวอย่างเช่น กระป๋อง ถ้าใส่ปลาลงไปในกระป๋องเราเก็บไว้ได้ 3 ปี เพราะว่าปลากระป๋องนั้นมีความเป็นกรดที่ไม่สูงมาก แต่ถ้าเมื่อไรที่เราเอาปลากระป๋องมาใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก เราจะลดระยะเวลาการเก็บเหลือ 2 ปี เพราะว่าซอสมะเขือเทศ หรือซอสพริกมีความเป็นกรดที่สูงกว่า เรากังวลว่ามันจะไปกัดกร่อนสารที่เคลือบกระป๋องออกมาได้ ระยะการเก็บก็สั้นลง ข้อแนะนำอีกอย่าง คือถ้าหมดอายุแล้วอย่ารับประทาน 

สำหรับเรามีกฎว่า ถ้าร้านค้าที่จำหน่าย หรือผู้บริโภคที่เก็บสินค้าของเราจนหมดอายุ ถึงแม้จะไม่ใช่ความผิดของเรา ให้ติดต่อเข้ามาที่บริษัท เราเปลี่ยนให้ทุกกระป๋อง เปลี่ยนให้ทุกขวด เพราะถือว่าเราต้องรับผิดชอบ หรือถ้าเราไม่รับผิดชอบ
แล้วปล่อยให้สินค้าเหล่านี้ไปสู่ท้องตลาด หรือมีใครก็ได้ที่พูดง่าย ๆ ว่าไปขายในราคาถูก เพื่อระบายสินค้านั้นออกไป คนกินไปเลยมีปัญหาเกิดขึ้น มันเป็นแบรนด์เรา เราก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราใส่ใจดูแลเรื่องนี้ ด้วยการที่ทำให้สินค้าเราหมุนเร็ว นำสินค้าที่ใหม่สู่ท้องตลาด และรับผิดชอบสินค้าเราทุกชิ้นที่อยู่ในท้องตลาดที่มีปัญหาในกรณีที่มีข้อผิดพลาด เช่นลืมหยิบมาจำหน่าย หรือเอาไปซุกซ่อนแล้วมันหมดอายุ เราเปลี่ยนให้ลูกค้าทั้งหมด หรือแม้แต่ผู้บริโภคซื้อไปเก็บไว้ที่บ้าน สินค้าเก็บนานแล้วหมดอายุ ติดต่อเข้ามาที่บริษัท เราเปลี่ยนให้จริง ๆ

ทำอาหารให้มีคุณภาพ

ช่วงนี้คำว่าอาหารเพื่อสุขภาพ กำลังเป็นคำที่มาแรงมาก เพราะในปัจจุบันคนใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ และการกินมากขึ้น ความรู้ข้อมูลในการกินเพื่อสุขภาพหรือเพื่อบำบัดโรคกลายเป็นหัวข้อที่คนส่วนใหญ่สนใจ ฉะนั้นเมื่อพูดถึงอาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง หลายคนอาจเคยมีความคิดว่าสารอาหารอาจลดลง แต่ลองมาฟังข้อมูลนี้กันก่อน

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : ผมต้องบอกว่า เป็นความโชคดีของโรซ่า เพราะผลิตภัณฑ์ที่เราทำไม่ได้มีผลเสียต่อสุขภาพเลย ถ้าเราทำผลิตภัณฑ์บางอย่างแล้วมีผลเสียต่อสุขภาพ ผมจะตอบคำถามนี้ยากมาก เพราะฉะนั้นผมแยกเป็น 3 ประเด็น ของผลิตภัณฑ์ทุกชนิด คือ 1. มีผลเสียต่อสุขภาพ 2.นี่คือกลาง ๆ ไม่ดี ไม่เสีย 3.มีผลดีต่อสุขภาพ

วันนี้อาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่ มันอยู่ตรงกลาง ผมไม่ได้บอกว่าเราดีแต่อยู่ตรงกลาง ผมอธิบายแบบนี้ ไฟแดง ไฟเหลือง ไฟเขียว ไฟแดง คือ อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ สีเหลืองคือกลาง ๆ ส่วนสีเขียวคือ ดีต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่เค้าเรียกว่าไฟเหลือง ไฟแดงเราไม่มี ทีนี้จะทำให้สินค้าบางตัวเป็นสีเขียวได้อย่างไร ดังนั้นต้องเป็นเรื่องนวัตกรรมของผู้ผลิต แต่อาหารสำเร็จรูปผมเรียนอย่างหนึ่งว่า ปัญหาที่ผู้ผลิตมักจะเจอในช่วงที่ผ่านมาคือ การทำสินค้าสุขภาพ บางทีต้องแลกกับรสชาติที่มันสูญเสียไปเช่น ถ้าเราจะทำน้ำปลา หรือซีอิ๊วที่ลดโซเดียม เราต้องใช้เกลือโพแทสเซียมมาแทน ซึ่งโพรแทสเซียมมันจะมีรสชาติเฟื่อน ๆ นิดหนึ่ง แต่โซเดียมนั้นหายไปแน่ ๆ ถ้าบางคนกินก็จะรู้สึกว่า รสชาติมันไม่เหมือนกับซีอิ๊วที่กินประจำ ซอสบางชนิด ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกนี่แหละครับ ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่เยอะพอสมควร และจะทำอย่างไรที่จะเอาน้ำตาลออกไป และหาสารที่มีความหวานแทนน้ำตาลเข้ามา

สมัยหนึ่งเราใช้ซอสพิทอล มันเป็นอนุพันธ์ของแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ใช้ไปแล้วมันก็มีผลข้างเคียงเยอะ รสชาติมันจะเฟื่อน บางคนกินมากอาจจะถึงขั้นท้องเสียได้ แต่ช่วงหลังเราพบว่ามันมีสารสกัดตัวหนึ่งที่ดีมาก คือ หญ้าหวาน เราเอาหญ้าหวานเข้ามาแทนน้ำตาล ปรากฏว่าได้ผลค่อนข้างดี รสชาติหวานใกล้เคียงกับน้ำตาล 

ไลโคปีนตัวจริงเรื่องสุขภาพดี

มะเขือเทศ นอกจากจะเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในโลกแล้ว ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน เอ, เค, พี, บี 1 และ บี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้น จะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว และยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น มะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วยเช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น

มีงานวิจัยมะเขือเทศออกมาว่าการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากเพราะจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมาก และดีต่อสุขภาพผิวอย่างเห็นได้ชัดเจน

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : โรซ่ามีโปรดักส์ตัวหนึ่งที่เป็นไฟเขียวแท้จริง ๆ คือ ซอสมะเขือเทศโรซ่าไลโคปีน ซึ่งเราไม่ใช้น้ำตาล แต่ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล แล้วทุกคนก็รู้ว่า มะเขือเทศมีไลโคปีน เพราะไลโคปีน คือ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น เรารู้ว่าปริมาณไลโคปีนที่ร่างกายต้องการต่อวันเท่าไหร่ ถ้ากินซอสมะเขือเทศให้ได้ปริมาณนั้น ซอสมะเขือเทศสูตรปกติต้องกินวันหนึ่งถึง 6-7 ช้อนโต๊ะ ซึ่งน้อยคนที่วันหนึ่งจะกินซอสมะเขือเทศวันหนึ่ง 6-7 ช้อนโต๊ะ เพราะฉะนั้นเราจึงพัฒนาซอสมะเขือเทศไลโคปีนขึ้นมา นั่นคือเราเติมไลโคปีนที่สกัดจากมะเขือเทศ และเติมลงไปในซอส เพื่อให้กินได้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้ไลโคปีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับน้ำตาลมากมาย เพราะถ้าไปกินซอสมะเขือเทศ สูตรปกติ 6 ช้อนโต๊ะ ก็จะได้ปริมาณน้ำตาลที่ค่อนข้างมากเกินไป นี่เป็นนวัตกรรมแบบหนึ่งที่ตอบโจทย์ที่ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น 

ในการที่จะนำสิ่งที่ดี ๆ มาสู่ผู้บริโภค แต่ว่าจะทำอย่างไรให้ปัญหาเดิม ๆ ลดไปก็คือสินค้าสุขภาพ คุณจะทำอย่างไรให้มันอร่อยด้วย ประการที่ 2 คือ การทำสินค้าสุขภาพที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ พอบอกว่าเพื่อสุขภาพปุ๊บ ราคาจะแพงกว่าสินค้าปกติขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็ 50% ในกลุ่มซอสนะครับไปดูได้เลย หรือกลุ่มอาหารสำเร็จรูปก็แล้วแต่ ไม่ใช่ผู้ผลิตเอากำไรเกินควร แต่เนื่องจากพอความอร่อยมันสู้ตัวเดิมไม่ได้ ตลาดมันก็แคบลงมันก็เล็กลง พอตลาดมันเล็กลงปุ๊บ พวกผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปก็ผลิตแบบ Mass Product ไม่ได้พอปริมาณไม่ได้ ราคาต้นทุนต่อหน่วยของสินค้ามันก็เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องขายในราคาสูงกว่าสูตรปกติค่อนข้างมาก 

แต่ถ้าเรากลับไปแก้ปัญหาในเรื่องของรสชาติได้ เรื่องความอร่อย คุณภาพของสินค้าได้ทำให้การบริโภคเป็นที่นิยม วันหนึ่งราคาของสินค้าเพื่อสุขภาพมันจะถูกลงมา และมันจะใกล้เคียงกับสินค้าสูตรปกติ และวันนั้นตลาดมันจะเข้าสู่
จุดเปลี่ยน กลายเป็นว่า สนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น หรือต่อไปเป็นข้อบังคับของกฎหมายด้วยซ้ำที่คุณจะต้องใส่ฉลากโภชนาการ แต่ตอนนี้มีการใส่ฉลากโภชนาการแล้ว วันหนึ่งต้องระบุด้วยซ้ำว่าสินค้าคุณอยู่ในกลุ่มไฟแดง ไฟเหลือง หรือไฟเขียว

ใส่ใจสังคม

อีกกิจกรรมที่ทำควบคู่ไปพร้อมกับการเติบโตทางธุรกิจ คือ การสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม โปรเจคเรื่อง CSR ของโรซ่าจึงมีมากมาย และเป็นโปรเจคที่มีความต่อเนื่อง และได้ทำงานร่วมกับภาครัฐ โรซ่าได้ทำโปรเจคเหล่านี้ในเขตภาคอีสานตอนบน แถบจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร บึงกาฬ เหตุที่เริ่มจากจุดเหล่านี้ก็เพราะตรงนั้นมีโรงงานของโรซ่าอยู่โรงงานหนึ่ง ชื่อบริษัทโรซ่าเกษตรอุตสาหกรรม ดินแดนตรงนั้น คือ พื้นที่ในการปลูกมะเขือเทศ และมะเขือเทศตรงนั้นนั่นคือวัตถุดิบต้นน้ำของโรซ่าที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักของแบรนด์ 

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : การจะให้คนยอมรับผลิตภัณฑ์ของคุณได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณจะต้องให้เขารับรู้ว่าคุณเป็นคนดี เช่นคุณจะคบกับใคร อยากจะให้เพื่อนคนไหนเดินเข้าไปในบ้าน เดินผ่านหน้าบ้าน ก็ทักเขาให้แวะมากินน้ำกินท่ากันหน่อย คุณต้องรู้สึกว่าคน ๆ นั้นเป็นคนดี ที่เราพูดคุยได้เพราะเราชวนเข้าบ้านได้ กินน้ำกินท่ากินข้าวก่อนได้ เช่นเดียวกัน แบรนด์จะให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นคนดีหรือมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องทำกิจกรรมพวกนี้ นั่นคือหลังจากที่เราได้แบรนด์โรซ่ากลับมา

มะเขือเทศที่เราเก็บเกี่ยวได้ในแต่ละปี เป็นมะเขือเทศเข้มข้น และส่งให้กับโรงงานในเครือที่ทำปลากระป๋อง และทำซอสมะเขือเทศส่งไปขายทั่วประเทศ ทั่วโลก โดยใช้ภาคอีสานตอนบน ที่เป็นเหมือนบ้านเกิดเป็นแหล่งกำเนิดของผลิตภัณฑ์โรซ่าทุกชนิด เพราะฉะนั้นเราอยากจะทำอะไรที่คืนสู่สังคม ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดที่เราจะกลับไปทำในแผ่นดินที่เราเรียกมันว่าเป็นบ้านเกิดของเรา ก็คือภาคอีสานตอนบน

เศรษฐกิจพอเพียง

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เราเห็นความเป็นไปหลาย ๆ อย่างในโลก สุดท้ายชีวิตทุกสรรพสิ่งบนโลกนั้นตั้งอยู่บนสัจธรรมของชีวิต ดังเช่นกฎไตรลักษณ์ในพุทธศาสนา คือการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เราได้เห็นบริษัทธุรกิจข้ามชาติหลายแห่งปิดกิจการในเมืองไทย ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต้องหยุดชะงัก โรงแรมบางแห่งปิดกิจการ บริษัททัวร์ หรือธุรกิจขนส่ง ก็โดนผลกระทบอย่างจัง ถ้ามองให้ลึกเข้าไปอีก จะเห็นได้ว่าคนไทยที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ ด้วยจากสภาวะเศรษฐกิจทำให้คนต้องตกงานเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีอีกหลายธุรกิจที่ยังอยู่รอด และผ่านสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ได้

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : ต้องออกตัวก่อนนะครับ ผมอาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่บางคนก็ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบหนักจริง ๆ จากสถานการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ คือบางรายถึงขั้นปิดกิจการเลย ต้องดูลูกน้องอีกเป็นร้อย ต้องยอมรับเลยว่าถ้าเป็นตัวผมเอง ก็คิดว่ายากกว่าจะหาทางออกได้ แต่ว่าเท่าที่คิดได้อย่างแรก คือ อยากให้นึกถึงแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 เราต้องกลับมาสู่เศรษฐกิจพอเพียง ผมเชื่อว่าหลังผ่านสถานการณ์โควิด-19 น่าจะเห็นคนไทยหลาย ๆ คน ที่เป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แล้วตกงานในช่วงนั้นกลับไปบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดทำไร่ทำนา คุณอาจจะมีพื้นที่ไม่เยอะ 10 ไร่ 20 ไร่ แต่หลายคนก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าที่แค่นั้นถ้าเราทำตามแนวทางของท่าน เราก็สามารถที่จะเลี้ยงดูครอบครัวและชีวิตเราได้ แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ผมเชื่อว่าจะมีอีกหลาย ๆ คนที่กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้น

ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติก่อน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดครับ ตั้งสติและดูให้ชัด ๆ ว่าตอนนี้เรากำลังเจอปัญหาอะไร ทางออกมีไหม ลองประมวลมา 1 2 3 4 5 มีอะไรบ้าง ใช้สติคิดให้ดี ๆ ไม่ต้องตกใจ คิดให้ดี ๆ ว่าเราจะหาทางออกได้อย่างไร แล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการลงมือทำ บนพื้นฐานที่เราต้องเชื่อว่าเราทำได้ ถ้าคุณลงมือทำแล้วคุณไม่มั่นใจว่าคุณทำได้ อย่าทำเลยครับ หาแนวทางที่คุณคิดว่าคุณมั่นใจว่าคุณทำได้ แต่ต้องทำบนพื้นฐานที่คุณเชื่อว่าคุณทำได้ แล้วคุณจะผ่านมันไปได้จริง ๆ พลังมันเกิดจากความมั่นใจ ผมอยากให้กำลังใจแบบนี้ แต่ความมั่นใจมันต้องมาจากสติ ต้องคิดให้ได้ก่อนว่าทางออกมันคืออะไร ขอให้มั่นใจว่าเราผ่านมันไปให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะครับ

Photo : Pornsaran Soithong

สุวิทย์ วังพัฒนมงคล : Failure is the Key to Success โรซ่า...แบรนด์ที่ใกล้ชิดคนไทย | Issue 163