ธุรกิจที่มอบความรักสร้างประโยชน์

ธุรกิจที่มอบความรักสร้างประโยชน์

The Best Gift For Your Baby : ธุรกิจที่มอบความรักสร้างประโยชน์
อรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์

เราทราบกันดีว่าธุรกิจในโลกใบนี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท บางอย่างเราอาจไม่คิดว่าในกลุ่มธุรกิจนั้น ๆ จะมีมูลค่ามหาศาล อย่างธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่น้อย หลายบริษัทจึงลงมาแข่งขันกันด้านราคาและคุณภาพ คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด คือผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และ อเมริกา อาทิ คาร์ซีท (Car Seat) รถเข็นเด็ก  เป้อุ้ม เตียงนอน ซึ่งมีแบรนด์ชั้นนำของโลกอย่างแอปริก้า (APRICA) อาเลเบเบ (AILEBEBE) ฯลฯ ที่ถือว่าเป็นกลุ่มตลาดบนคุณภาพสูงอยู่ในขณะนี้

ความเป็นมาของการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเริ่มจากคุณอรุณศรี เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้ทำงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ในเวลาต่อมามีโอกาสได้ไปเรียนต่อที่ประเทศแคนนาดา ซึ่งช่วงเวลาที่ไปเรียนนั้นพี่สาวของคุณอรุณศรีมีลูกจึงได้ฝากซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กส่งกลับมายังประเทศไทย แน่นอนว่าสินค้าของต่างประเทศมีคุณภาพดีแต่ราคาสูงมาก ทำให้เกิดไอเดียในการเปิดร้านซื้อขายของเด็กมือสองแทน 

เมื่อเรียนจบคุณอรุณศรีได้กลับมาเปิดร้านขายของเด็กมือสองเล็ก ๆ และทำงานประจำไปด้วย แต่การทำงานประจำจึงดูแลธุรกิจของตัวเองไม่ทั่วถึง ยอดขายจึงตกลงเรื่อย ๆ ทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมาก มีการปรึกษาคนในครอบครัวแล้วตกลงกันว่าให้ปิดกิจการและให้ทำงานประจำที่มั่นคงต่อไป

“บางทีมันก็ทำใจลำบากเพราะธุรกิจตรงนี้มันคือหนึ่งในความฝันของเรา วันหนึ่งก็ตื่นเช้ามาไปทำงานแทนที่จะเลิกทำธุรกิจแต่ไปบอกหัวหน้าว่าพี่ค่ะหนูขอลาออกเพื่อไปดูแลกิจการ คือทุกคนก็ตกใจมากมันเหมือนการพนันกับตัวเองว่าเราจะให้เวลากับกิจการตรงนี้สองปี ถ้าทำเต็มที่อย่างจริงจังแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องเลิกกิจการ

“หลังจากนั้นเราก็ปิดร้านที่ขาดทุน แล้วมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมถึงขายไม่ดี สรุปคือทำเลไม่ดีมันลึกเกินไปแม้ร้านจะอยู่ในซอยละลายทรัพย์แต่คนเข้าถึงยาก อย่างที่สองคือธุรกิจมันใหม่เกินไปคนยังไม่เข้าใจ แต่ด้วยธุรกิจนี้มันให้ประโยชน์กับคนจริง ๆ อยู่ตรงไหนคนก็ตามไปเราจึงย้ายไปเปิดร้านใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แล้วทำสื่อโฆษณาอย่างจริงจังคนก็เอาของมาขายเยอะขึ้นกลายเป็นโลกสินค้าของเด็กขึ้นมา”

เมื่อขายของไปสักระยะคุณอรุณศรีสังเกตเห็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพสูงขายดีมาก ซึ่งบางตัวยังไม่มีการนำของมือหนึ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ครั้งแรกเธอได้ติดต่อแบรนด์  แอปริก้า (APRICA) ซึ่งถือว่าเป็นแบรนดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นที่ใส่ใจการทำของใช้ให้กับเด็ก แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายการเจรจาล้มเหลวโดนปฏิเสธกลับมาถึงสองครั้ง คุณอรุณศรีจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปติดต่อแบรนด์อาเลเบเบ (AILEBEBE) แทนซึ่งได้ทำธุรกิจร่วมกันเป็นแบรนด์แรก เมื่อเวลาผ่านไป 6 เดือน คุณอรุณศรีได้เข้าไปคุยกับแบรนด์แอปริก้า (APRICA) อีกครั้ง เมื่อทำโปรไฟล์ถึงยอดขายที่มีต่อเนื่องจากธุรกิจ ในภายหลังแบรนด์แอปริก้า (APRICA) จึงตกลงทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

“ช่วงแรกก็ยังเปิดร้านขายของมือหนึ่งและมือสองร่วมกัน พอเราเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ จึงพบว่าของมือสองสำหรับเด็กไม่สามารถนำมาใช้ได้ทุกชิ้น เช่น คาร์ซีท (Car Seat) ของมือสองไม่ควรนำมาใช้เด็ดขาด ถ้าผ่านอุบัติเหตุมาแล้วมันจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแม้ว่าของภายนอกจะดูใหม่ก็ตาม ภายหลังจึงทยอยนำของมือสองออกไปแล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านขายของมือหนึ่งทั้งหมด

“ถามว่าคู่แข่งมีไหม สมัยก่อนมีแต่ไม่เยอะเหมือนตอนนี้ เราสู้ด้วยการบริการให้ความรู้กับลูกค้าคือมองว่าเรามีหน้าที่ให้ความรู้แล้วให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือกซื้อของเพื่อครอบครัวของเขาเอง เราไม่ได้บอกว่าของเราดีที่สุดแต่เราจะบอกลูกค้าเสมอว่าของที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ตรงความต้องการของลูกค้า เช่นเรามีบริการรับซักมีการรับประกันของบางตัวถึง 4 ปี สุดท้ายแล้วลูกค้าเป็นคนช่วยเราขายของเพราะเขาจะบอกต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยความประทับใจ

“ในอนาคตหากประชากรในประเทศไทยลดลงน่าจะกระทบบางส่วน ในกลุ่มที่มีคุณภาพราคาสูงแต่สินค้าในกลุ่มรองลงมาจะกว้างขึ้นยอดขายน่าจะอยู่ในส่วนนี้ ลองสังเกตว่าทุกปีเราจะเจอสินค้าใหม่ ๆ ที่เราไม่คิดว่าต้องใช้เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของคนในยุคนี้ เราได้วางแผนในอนาคตไว้ว่าอยากให้ บริษัท เบบี้กิ๊ฟ เป็น Non Stop Shopping ให้ได้ เป็นร้านอันดับหนึ่งในใจรู้ลูกค้าที่ใครอยากจะได้ของสำหรับเด็กที่มีคุณภาพให้มาที่เบบี้กิ๊ฟ

“โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบสร้างความสุขให้กับคนอื่น ซึ่งต้องย้อนไปก่อนที่จะทำธุรกิจได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมในสถานที่แห่งหนึ่ง ไปเป็นอาสาสมัครช่วยงานแล้วไปสะดุดคำถามที่เขาถามว่า คุณมีคุณสมบัติอะไรที่มาช่วยงานมันก็เลยต้องกลับมาถามตัวเองว่า เรามีคุณสมบัติอะไรที่จะสร้างประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้าง คือเราเรียนเกี่ยวกับธุรกิจมาเป็น 10 ปี เราต้องไม่ทำอาชีพที่แค่สร้างรายได้ให้กับตัวเองคนเดียว แต่ว่ามันต้องสร้างประโยชน์และความสุขให้คนอื่นได้ด้วย” 

•    คุณอรุณศรี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จบการศึกษาระดับปริญญาโททางการตลาดหลักสูตรนานาชาติ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
•    ก่อนจะมาทำธุรกิจได้ทำงานกับบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอร์เรชั่น และ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ 
อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
•    ปัจจุบันบริษัท เบบี้กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด มีอยู่ด้วยกันถึง 11 สาขา

TEXT : Passaponge Prerajirarat
ช่างภาพ : Sutchaphon Rungwichitsin

#mixmagazinethailand