Shortbus
ปี 2001 จอห์น คาเมรอน มิทเชล นักแสดงหนุ่มวัย 34 ปี ลงมือกำกับและเขียนบทหนังเรื่องแรก Hedwig and the Angry Inch แม้จะไม่ใช่หนังที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้ถล่มทลาย ไม่ได้โด่งดังเกรียวกราวในวงกว้าง แต่ถ้าจำกัด
ขอบเขตให้แคบลง เฉพาะแค่แวดวงของนักดูหนังนอกกระแสและนักวิจารณ์ กล่าวได้ว่างานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กวาดคำชื่นชมท่วมท้น ส่งผลให้เขากลายเป็นคนทำหนังรุ่นใหม่ที่โดดเด่นน่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนั้น
5 ปีต่อมา Shortbus ผลงานกำกับเรื่องที่ 2 ของเขาก็ออกฉายครั้งนี้เสียงตอบรับไม่เป็นเอกฉันท์ในทางบวกเหมือนเรื่องแรก ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นหนังอื้อฉาวที่ก่อให้เกิดความเห็นขัดแย้งเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งแตกต่างกันจนสุดขั้ว
เสียงจากฝ่ายที่ชื่นชมนั้นลงความเห็นสรุปกว้าง ๆ ได้ว่า มันเป็นหนังที่เด่นในการลงลึกทางด้านเนื้อหา เต็มไปด้วยอารมณ์ละเมียดละไมและมีลีลาชั้นเชิงทางศิลปะที่น่าสนใจ
ขณะที่ความเห็นฝ่ายตรงข้าม โจมตีหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงสาดเสียเทเสีย ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหนังลามกอนาจารชั้นเลว ใช้ท่าทีความเป็นหนังอาร์ตและบทพูดแสดงความเป็นปัญญาชน มากลบเกลื่อนอำพรางความกลวงเปล่า เต็มไปด้วยการเสแสร้ง และเป็นหนึ่งในหนังเลวร้ายย่ำแย่สุด ๆ เรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา
ขัดแย้งดังกล่าว เกิดขึ้นหนาแน่นในกลุ่มของผู้ชม ขณะที่ฝั่งนักวิจารณ์ แม้ว่าความเห็นจะไม่ลงรอยกันนัก แต่เสียงสะท้อนตอบรับโดยรวม บ่งชี้ว่าค่อนข้างไปทางบวก
หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบลง ผมคิดว่ามีเหตุผลอยู่หลายประการที่ทำให้หนังเรื่อง Shortbus สามารถสร้างข้อถกเถียงได้มากมายและรุนแรงถึงเพียงนี้ แต่เหตุผลที่เห็นชัดจับต้องได้ง่ายสุดคือ หนังเสนอภาพฉากเปลือยและเลิฟซีนแบบหนักมือ และเห็นขัดถนัดตาปราศจากข้อกังขาว่า ‘เล่นจริง ทำจริง’
ดีกรีความเปิดเผยสุด ๆ นี้ ส่งผลให้เกิด 2 คำถามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แรกสุดคือ Shortbus ผิดแผกแตกต่างจากหนังลามกอนาจารหรือไม่? ถัดมาคือ มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไร? ที่จะต้องนำเสนอฉากเซ็กส์ต่าง ๆ ดังเช่นที่ปรากฏอยู่ในหนัง
คำถามแรกนั้นตอบได้ง่ายนะครับ ว่า Shortbus ไม่เข้าข่ายเป็น ‘หนังโป๊’ อย่างแน่นอน ด้วยวิธีการนำเสนอที่ถึงแม้ว่า ‘จะตรงไปตรงมา’ แต่ก็มีการใช้มุมกล้อง ระยะภาพ มาลดทอนความอุจาด และมีรสนิยมคอยควบคุมกำกับ (หลังจากตกตะลึงในฉากแรก ๆ ช่วงเปิดเรื่อง ถัดจากนั้นแม้จะฉากทำนองนี้อยู่ แต่หนังก็เพลา ๆ มือลงไปมาก และมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาเรื่องราวมากกว่า)
เหตุผลต่อมาคือ เจตนาของคนทำหนัง สะท้อนชัดว่า ไม่ได้มุ่งไปที่การทำหนังยั่วยุกามารมณ์ปลุกกำหนัด (หนังมีฉากเลิฟซีนและภาพเปลือยในปริมาณเยอะมาก แต่ทั้งหมดไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเร่าร้อนเย้ายวนเลยครับ) ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางหนังก็ประกาศตนชัด ว่าเน้นไปที่การเล่าเรื่องและสะท้อนเนื้อหาสาระอย่างเต็มที่
ที่ตอบยากคือ คำถามเกี่ยวกับว่า จำเป็นหรือไม่ที่หนังจะต้องนำเสนอ ‘เต็มพิกัด’ ประเด็นนี้ผมคิดว่าก้ำกึ่ง หนังสามารถลดทอนความโจ่งแจ้งของภาพเปลือยและฉากเซ็กส์ลงได้ โดยที่การเล่าเรื่องและแง่คิดสาระของหนังยังคงอยู่ครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดตกหล่นสูญหาย แต่สิ่งหนึ่งซึ่งไม่สามารถทดแทนชดเชยได้หากปรับท่าทีให้นุ่มนวลเบาลง คือ ความรู้สึกช็อคของผู้ชมในช่วงต้นเรื่อง
Shortbus เปิดฉากเริ่มเรื่องด้วยการแนะนำตัวละครหลัก ๆ ทั้งหมด ผ่านกิจกรรมทางเพศของแต่ละคน (ขออนุญาตข้ามไม่ลงรายละเอียดว่าใครกำลังทำอะไรนะครับ)
ตัวละครสำคัญประกอบไปด้วย โซเฟียสาวลูกครึ่งจีน-แคนาดา ผู้มีอาชีพเป็นที่ปรึกษาเรื่องชีวิตคู่/นักบำบัดปัญหาเรื่องเพศ แต่ตัวเธอเองกลับมีปัญหาผิดปกติ ‘ไม่เคยถึงจุดสุดยอด’ ในการมีเซ็กส์เลยตลอดชีวิต (ไม่ว่าจะเป็นในขณะมีเซ็กส์สามีหรือแม้แต่การช่วยตัวเอง)
คู่รักเกย์ เจมี อดีตดาราเด็กที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังกับ เจมส์อดีตผู้ชายขายบริการทางเพศ ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาหลายปี ต่างคนต่างรักอีกฝ่าย แต่ท่ามกลางเปลือกนอกที่ราบรื่น ดูเหมือนความสัมพันธ์กำลังส่อเค้าว่าจะมีปัญหาอยู่ลึก ๆ เมื่อเจมส์พยายามแยกตัวเองออกห่างและปกปิดไม่ให้คนรักล่วงรู้
เซเวอรีน สาวพังค์ผู้มีอาชีพให้บริการทางเพศแบบซาดิสม์และมาโซคิสม์ (โดยเธอรับบทบาทเป็น ‘ฝ่ายกระทำ’) ปัญหาของเซเวอรีน คือ เธอไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
ตามลำพัง
หลังจากแนะนำตัวละครหลักทั้งหมดเสร็จสรรพแล้ว หนังก็เริ่มเรื่องชักนำให้ทุกคนซึ่งแยกจากกันเป็นเอกเทศเมื่อแรกเริ่ม ได้พบเจอและเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน เจมีกับเจมส์มาพบโซเฟียเพื่อรับการให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตคู่ ขณะทำการบำบัด เกิดการถกเถียงทำให้โซเฟียพลั้งปากเปิดเผยความลับของเธอ เกี่ยวกับปัญหา ‘เสพสมบ่มิสม’ คู่รักเกย์จึงแนะนำให้เธอลองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เรียกกันว่า ‘ช็อตบัส’ ซึ่งมีสภาพผสมผสานระหว่างคลับใต้ดิน สโมสร แหล่งชุมนุม ประกอบด้วยกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง ทั้งการดูหนัง แสดงโชว์ ร้องเพลง เต้นรำ กินดื่ม และที่เป็นเสมือนหัวใจสำคัญคือ เป็นแหล่งชุมนุมที่เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคน มีกิจกรรมทางเพศในทุกรูปแบบทุกรสนิยม
ที่ ‘ช็อตบัส’ นี้เอง โซเฟียได้พบและรู้จักกับเซเวอรีน จนนำไปสู่การนัดหมายนอกรอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน จนสามารถคลี่คลายปัญหาของเซเวอรีนได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ปัญหาของโซเฟียเองถึงแม้จะแก้ไขไม่ได้ แต่ทิศทางก็ส่อเค้าว่ามีความคืบหน้าในทางบวก เช่นเดียวกับเจมีกับเจมส์ การมายัง ‘ช็อตบัส’ ทำให้ทั้งคู่เจอะเจออีกหนุ่มหนึ่งชื่อเซธ จนนำไปสู่ความสัมพันธ์สามเส้า ซึ่งทำให้บางสิ่งบางอย่างที่เคยคลุมเครือ เป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดขึ้น
อีกแบบโดยรวบรัดได้ว่า ตัวหนังพยายามตีแผ่อธิบายปัญหาของตัวละคร ซึ่งมีที่มาต้นตอหรืออย่างน้อยก็เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องเซ็กส์ของแต่ละคน และนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ในชีวิต อย่างเช่น บาดแผลจากชีวิตหนหลังในอดีต ฯ กลายเป็นปมสลับซับซ้อนในจิตใจ จากนั้นก็เล่าถึงความพยายามต่อสู้ดิ้นรนของแต่ละคน เพื่อให้หลุดพ้นเป็นอิสระในท้ายที่สุด
พร้อม ๆ กับที่เล่าถึงปัญหาของตัวละคร หนังก็แนบพ่วงด้วยการถกถึงแง่มุมอื่น ๆ ด้วย เช่น ไลฟ์สไตล์ของชาวนิวยอร์ค ทัศนะทางสังคมการเมือง และการหยิบยกเรื่องเพศมาถกแลกเปลี่ยนในหลาย ๆ แง่มุมตรงนี้เองครับ ที่ทำให้ Shortbus ได้รับคำชม หนังสามารถใช้เรื่องเซ็กส์เป็นเครื่องมือเริ่มต้น นำพาผู้ชมไปสู่ด้านลึกของตัวละครได้อย่างหนักแน่นสมจริง น่าเชื่อถือ ที่สำคัญคือ การเล่าเรื่องยาก ๆ หนัก ๆ ออกมาได้อย่างน่าเพลิดเพลิน ชวนติดตามแฝงด้วยอารมณ์ขันในเชิงเสียดสีประชดประชันอย่างชาญฉลาด
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของ Shortbus ก็คือ เรื่องที่เล่านั้นมีความยากซับซ้อน มิหนำซ้ำยังเล่าด้วยวิธีไม่ประนีประนอมกับคนดู ไม่มีการให้คำอธิบายเพื่อสร้างความกระจ่างชัดแต่ค่อย ๆ ให้ข้อมูลทีละน้อยผ่านบทสนทนา (ซึ่งก็มีท่าทีอมพะนำ ไม่ตรงไปตรงมา) รวมถึงการใช้สัญลักษณ์ (ผมคิดว่ามีอยู่หลายสิ่งในหนังแต่ที่เห็นชัดจับต้องได้มากสุดคือ เหตุการณ์ไฟตกและไฟดับที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง) เปิดโอกาสให้ผู้ชมประติดประต่อทำความเข้าใจเอาเอง และใช้วิจารณญาณตีความหนังอย่างเป็นอิสระ
Shortbus เป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิง หรือจับความพล็อตเรื่องเหตุการณ์ได้ง่ายแต่ยากในระดับยากมาก ถ้าจะดูเพื่อทำความเข้าใจสาระและปมปัญหาของตัวละคร คุณสมบัติหลังนี้เอง น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความเห็นติดลบ ในกรณีที่ผู้ชม ‘เข้าไม่ถึง’ แก่นสารสาระเนื้อในของหนังสิ่งที่เหลือปรากฏอยู่ก็จะเป็นเพียงการติดอยู่กับเปลือกผิวภายนอกอย่างฉากเซ็กส์และการเปลือยอันโจ่งแจ้ง
ผมเข้าใจเพียงแค่ภาพรวมคร่าว ๆ ของหนัง ว่าต้องการเล่าสะท้อนแง่มุมใดบ้าง แต่ไม่เข้าใจในรายละเอียดแบบลงลึก และพอจะจับความได้ในปัญหาของบางตัวละคร เช่น โซเฟีย ขณะที่บางตัวละครอย่างคู่ของเจมีกับเจมส์นั้นยากและสลับซับซ้อนจนไม่เข้าใจเอาเลย
โดยสรุปแล้ว Shortbus เป็นหนังที่มีทั้งด้านที่น่าชื่นชม (คือ ความคิดหลักและวิธีการนำเสนอ ซึ่งเห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และความกล้าหาญที่พยายามจะฉีกจากรูปแบบซ้ำซากในการเล่าเรื่องตามขนบ) และด้านที่น่าหมั่นไส้ (คือการทำตามใจตัวเองและมีความเป็นงาน ‘ส่วนตัว’ อย่างสุดขั้วของคนทำหนัง จนค่อนข้างทอดทิ้งและไม่เป็นมิตรกับผู้ชมเท่าที่ควร)
เป็นหนังที่ผมไม่แนะนำด้วยหลาย ๆ สาเหตุนะครับ ตั้งแต่รสนิยมเรื่องเซ็กส์และการนำเสนอของหนัง ซึ่งมีลักษณะก้ำกึ่งล่อแหลมคาบลูกคาบดอกเอามาก ๆ, ความบันเทิงในแบบเฉพาะตัว (พูดอีกแบบคือ เป็นหนังที่เลือกคนดู ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน)
อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่ผมเขียนถึง Shortbus ก็คือ มันเป็นงานที่น่านำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้รู้ว่า หนังแบบนี้ก็มีอยู่ด้วยและที่สำคัญคือ มันเป็นหนังที่ท้าทายและเรียกร้องวิจารณญาณในการชม กระตุ้นเร้าให้ผู้ชม ‘คิดกับหนัง’ ซึ่งไม่ว่าจะดูจบแล้วชอบหรือชัง ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี