เฟรนซ์ โอเพ่น
เดือนนี้ของทุกปีรายการกีฬาที่สนใจของคนทั่วโลกคงหนีไม่พ้นการแข่งขันเทนนิสระดับแกรนด์สแลมอย่าง “เฟรนซ์ โอเพ่น” (French Open) 1 ใน 4 เทนนิสรายการอาชีพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนอกจาก “ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น” “วิมเบิลดัน” และ “ยูเอส โอเพ่น” โดยปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 116 ของเทนนิสรายการนี้นับตั้งแต่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1891
ที่มาของเทนนิสรายการนี้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วก็คือ “รายการเทนนิสชิงแชมป์แห่งชาติฝรั่งเศส” ซึ่งยุคแรกเริ่มเปิดอนุญาตให้ผู้เล่นที่เป็นสมาชิกของสโมสรเทนนิสในฝรั่งเศสเข้าแข่งขันเท่านั้น ก่อนที่จะอนุญาตให้นักเทนนิสระดับอาชีพจากทั่วโลกเข้าแข่งในปี ค.ศ.1925
หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อ “โลร็อง การ์รอส” ซึ่งเป็นอีกชื่อเรียกของเทนนิสรายการนี้ มาจากชื่อของอดีตวีรบุรุษนักบินสงครามโลกครั้งที่ 1 ของประเทศฝรั่งเศสที่ถูกนำมาตั้งชื่อสถานที่แข่งขันเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้าตัว
สำหรับชื่อของสถานที่จัดการแข่งขันคือ “โลร็อง การ์ลอส” ตามชื่อของรายการซึ่งตั้งอยู่เขต 16 ในกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจะมีสนามเทนนิสทั้งหมด 17 สนามสำหรับการแข่งขัน โดยมี 3 คอร์ตหลักคือ “ฟิลิปป์ ชาร์ติเยอ” ซึ่งจุผู้ชมได้มากที่สุดถึง 14,840 คน และมีมาตั้งแต่เปิดใช้สนามในปี ค.ศ.1928 “ซูแซน แล็งแลน” จุคนได้ 10,068 คน ซึ่งทั้งสองคอร์สใช้ชื่อตามอดีตตำนานนักเทนนิสของประเทศ และ “คอร์ส 1” ซึ่งจุคนได้ประมาณ 3,000 คน
ความน่าสนใจของเทนนิสรายการนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นรายการเทนนิสที่ “ยากที่สุด” ในโลก สำหรับนักเทนนิสอาชีพ เพราะเป็นรายการระดับแกรนด์สแลมที่ต้องเล่น 3 ใน 5 เซตแล้ว ลักษณะของพื้นแข่งขันเป็น “คอร์ตดิน” ทำให้จังหวะการกระดอนของลูกเทนนิสช้ากว่าปกติและนักกีฬาเองต้องใช้แรงตีลูกเทนนิสมากกว่ารายการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คอร์สประเภทนี้อีกด้วย ดังนั้นแชมป์เทนนิสรายการนี้จึงต้องเป็นนักเทนนิสที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่งที่สุด หลังจากผ่านการแข่งขันรอบต่าง ๆ มา
เรื่องของเงินรางวัลก็ถือว่ามหาศาลสำหรับแชมป์ โดยทั้งชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว แค่สามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้าสู่รอบเมนดรอว์หรือรอบแรก ก็จะได้เงินติดกระเป๋า 3,500 ยูโร ถ้าผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ก็จะได้ 7,000 ยูโร รอบที่ 3 ได้ 14,000 ยูโร พอมาถึงรอบ 128 คนก็จะได้ 35,000 ยูโร รอบ 64 คนได้ 60,000 ยูโร รอบ 32 คนสุดท้ายจะได้ 120,000 ยูโร รอบ 16 คนสุดท้ายได้ 175,000 ยูโร
ส่วนรอบ 8 คนสุดท้ายได้ 300,000 ยูโร รอบรองชนะเลิศจะได้ 500,000 ยูโร และถ้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แชมป์จะได้เงินรางวัล 2,100,000 ยูโร รองแชมป์ได้ 1,000,000 ยูโร ด้วยเงินรางวัลขนาดนี้ทำไมนักกีฬาหลายคนขอแค่ผ่านจากรอบคัดเลือกมารอบเมนดรอว์ก็ยิ้มแล้ว
อย่างไรก็ตาม เทนนิสรายการนี้เป็นรายการที่ตำนานนักเทนนิสหลาย ๆ คนในอดีตไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์ ไม่ว่าจะเป็น “พีท แซมพราส” ซึ่งสามารถคว้าแชมป์ระดับแกรนด์สแลมถึง 14 รายการในอาชีพ “จอห์น แม็คเอนโร”, “จิมมี่ คอร์เนอร์” ,“สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก” หรือฝ่ายหญิง “วีนัส วิลเลี่ยม” หรือ “เวอร์จิเนีย เวดจ์” ก็ไม่เคยได้แชมป์ ขนาด “โนวัค ยอโควิช” ต้องรอถึง 10 ปีนับตั้งแต่เล่นเทนนิสอาชีพครั้งแรกกว่าจะได้แชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อปีที่แล้ว
ต้องรอดูว่าปีนี้จะป้องกันแชมป์ได้หรือเปล่า หรืออีก 1 จตุรเทพของนักเทนนิสฝ่ายชายอย่าง “แอนดี้ มาร์รีย์” ที่เป็นคนเดียวที่ไม่เคยได้จะสมหวังซักที (“โรเจอร์ เฟดเดอร์” เคยได้แชมป์ 1 ครั้ง ปี 2009 และ “ราฟาเอล นาดาล” ที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดถึง 9 ครั้ง)
ในขณะที่ฝ่ายหญิงยุคนี้ไม่มีใครผูกขาดเป็นแชมป์เหมือน “นาดาล” ในประเภทชายแต่ที่ได้แชมป์มากที่สุดคือ “คริส อีเวิร์ส” อดีตนักเทนนิสระดับตำนานชาวสหรัฐฯ ในยุค 80-90 ที่ได้แชมป์ไปถึง 8 ครั้ง โดยแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วคือ “การ์บิเน่ มูกูรูซ่า” จากสเปน ถ้าจำกันได้รายการนี้เคยมีนักเทนนิสจากเอเชียได้แชมป์คือ “หลี่ นา” จากจีนเมื่อปี 2011
สุดท้ายคงต้องรอดูว่า เทนนิสรายการที่ว่ายากที่สุดในโลกปีนี้จะลงเอยแบบไหน เพราะน่าสนใจทั้งประเภทชายและหญิงครับ และเป็นโชคดีของแฟนเทนนิสชาวไทยที่ได้ดูกันแบบเต็มอิ่มจากการถ่ายทอดสดตลอดเวลาครับ