เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับพี่จิน่า (จินา โอสภศิลป์) ผู้บริหารของค่ายหนัง GDH559 เกี่ยวกับคำว่า “หนังดี” ในมุมมองของผู้ใหญ่แห่งวงการหนังไทย พี่จิน่าให้คำจำกัดความ “หนังดี” ว่าจะต้องเป็นหนังที่สนุก สร้างความบันเทิง และสิ่งสำคัญก็คือ จะต้องให้อะไรกับสังคม ซึ่งในขณะนี้ที่ผมกำลังเขียนคอลัมน์นี้ ฉลาดเกมส์โกง กำลังทำรายได้ก้าวเข้าสู่ร้อยล้านบาท รวมไปถึงกวาดทั้งคำวิจารณ์และกระแสบอกต่อแบบปากต่อปากทำให้ฮิตไปทั่วทั้งเมือง หรือนี่จะเป็น “หนังดี” แบบที่พี่จิน่าให้คำนิยามไว้ก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุก ก็คือเรื่องราวระหว่างทาง การที่เราได้เห็นพัฒนาการของแต่ละตัวละครค่อย ๆ เติบโต รวมไปถึงการ “โกง” ที่ค่อย ๆ เล่นใหญ่มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นเราก็จะได้แง่มุมแง่คิดดี ๆ ที่จะได้ย้อนถามตัวเองถึงศีลธรรมในจิตใจ ผ่านการเล่าเรื่องจากสายตาของลิน (ออกแบบ-ชุติมนต์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี โดยเริ่มจากสิ่งแวดล้อมง่าย ๆ ที่เรียกว่า ครอบครัว และสังคมภายนอกที่ล้วนแล้วแต่หาประโยชน์ซึ่งกันและกัน ถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อ เราก็ต้องเข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดและต่อสู้กับความอยุติธรรมเหล่านั้นให้จงได้

ครั้งหนึ่งตอนเป็นนักศึกษา อาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งได้เคยกล่าวไว้ว่า หนังเป็นการบันทึกภาพสะท้อนของสังคม ค่านิยม รวมถึงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาที่ตัวหนังออกฉาย ก็เห็นจะจริงตามนั้นเพราะสิ่งที่ใส่เข้ามาในหนังเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่มี ความจริง!! ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมของการศึกษา การเลี้ยงดูในครอบครัว การคอรัปชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่รวมไปถึงความโลภเองก็ดี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นผู้กำกับได้สอดแทรกแง่คิดเอาไว้ได้ระหว่างทางอย่างแยบยล และหนังเรื่องนี้ถือเป็นอีกความหวังหนึ่งสำหรับวงการหนังไทย ที่สามารถสื่อออกไปให้โลกรู้ว่าหนังไทยไม่ได้มีดีแค่หนังผี หนังบู๊ หนังรักที่ขายได้นะ (โว้ย) ถ้ามีการดูแลทุกขั้นตอนที่ดีหนังไทยก็สามารถไปแข่งในตลาดโลกได้เหมือนกันและเราเชื่อว่าหลังจากนี้ หนังไทยจะกล้าฉีกธรรมเนียม แหกออกมาจากคอมฟอร์ตโซนกันเสียที

แล้วถ้า ฉลาดเกมส์โกง เป็นหนังที่ดีขนาดที่กล่าวมาทั้งหมด อะไรคืออีก 1 คะแนนที่หายไปคืออะไร หลายคนคงสงสัย สำหรับตัวผมเองแล้วจุดที่ทำให้ไม่สามารถกดคะแนนเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ได้ อยู่ที่พาร์ทสุดท้าย ถ้าหากว่าหนังสามารถตัดจบได้ตอนที่ลินกลับมาถึงสนามบินดอนเมือง ได้พบหน้าพ่อ จบแบบปลายเปิด นั่นคือที่สุดแล้ว แต่ทว่าหนังกลับเลือกที่จะ “สอน” และชี้นำคนดูให้ได้รู้ถึง “การสำนึกผิด” ก่อนที่จะเฟดไปพูดถึงผลกระทบ
ต่อคนรอบข้างแบบผิวเผิน ซึ่งตัวผมเองคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำหนักของหนังลดลงไปพอสมควร จนแอบคิดไม่ได้ว่าตอนท้ายจะมีโลโก้ สสส. ขึ้นทางมุมขวา พร้อมกับสโลแกน “โตไปไม่โกง” หลังจากจบ End Credit ก็ไม่ปาน…  

Film Info
ผู้กำกับ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ประเภท Drama
สัญชาติ ไทย
ความยาว 130 นาที
Ratings: 9/10

ผลงานเรื่องที่ 2 ของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรง ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นในสายอาชีพได้อย่างภาคภูมิใจเลยทีเดียว เพราะว่าในหนังเรื่องแรกของเขาอย่าง Countdown ก็มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์อันทรงเกียรติ และเป็นที่คาดการณ์กันว่า ฉลาดเกมส์โกง จะเป็นตัวเต็งในปีนี้เช่นกัน

เป็นความบังเอิญที่น่ายินดียิ่ง เพราะว่านางแบบปก MiX MAGAZINE เล่มที่คุณผู้อ่านกำลังถืออยู่นี้ คือนางเอกสาวจากภาพยนตร์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง หรือก็คือ ออกแบบ-ชุติมนต์ จึงเจริญสุขยิ่ง และเกร็ดน่ารู้อีกอย่างก็คือ ออกแบบ เคยถ่ายแฟชั่นกับ MiX มาแล้ว ในคอลัมน์ Glamour ฉบับที่ 115 ลองไปย้อนหากันดูนะครับ