ชนแล้วหนี เจตนาหรือแค่ตกใจ

ชนแล้วหนี เจตนาหรือแค่ตกใจ

อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยิ่งบนท้องถนนด้วยแล้วอาจมีสิ่งไม่คาดฝัน เกิดขึ้นได้ตลอด หลายครั้งแม้เราจะได้ใช้ความระมัดระวังดีแล้วแต่ความเสียหายก็เกิดขึ้นได้ อย่างเรื่องของกระสอบ

กระสอบ เดินทางเข้ามาหางานในเมืองหลวงเพื่อหวังส่งเงินกลับไปทางบ้าน เพราะเมื่อเข้าหน้าแล้ง ไร่นาไม่มีให้ทำ เขารับหน้าที่เป็นคนรับส่งสินค้า ใกล้ไกลแค่ไหนไม่เคยหวั่น วันไหนใครขาดใครลาเขารับทำแทนหมด หลายปีผ่านไป เงินที่ทำงานได้มา ก็ส่งกลับบ้านไปพอสมควร เขายอมอดมื้อกินมื้อเพื่อให้คนทางบ้านที่อยู่ข้างหลังได้อิ่มท้องมากกว่า แต่แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปเพราะอยากมีรายได้เพิ่มขึ้นจนเกินกำลังเพราะต้องทำงานมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น พักผ่อนน้อยลง และยิ่งนานวัน ร่างกายก็ยิ่งแบกภาระมากขึ้นจนกระทั่งเขาหลับใน

ประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์: โน่นเลยครับ กระบะคันนั้นเลย ผมว่าเขาหลับในแน่ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมาหรือเปล่า แต่เซซ้ายที ขวาที และก็ขับมาชนแผงแม่ค้าที่ขายของอยู่ริมถนน แถมไม่แตะเบรกด้วยนะ กวาดไปหลายแผงเหมือนกัน นั่นคนบาดเจ็บ คนเสียชีวิต นอนอยู่นั่น

เจ้าหน้าที่ตำรวจ: แล้วคนขับละครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน นำส่งโรงพยาบาลหรืออย่างไรครับ

ประชาชนผู้เห็นเหตุการณ์: หนีไปแล้วครับ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ: ขอบคุณครับ ผมจะรีบวิทยุให้เจ้าหน้าที่สกัดจับให้ได้ครับ 

Q: เอาล่ะครับ ชนแล้วหนี ไม่ให้ความช่วยเหลือต่อผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กระสอบจะมีความผิดในเรื่องชนแล้วหนีหรือไม่อย่างไร

A: จากข้อเท็จจริง กระสอบขับรถหลับในไปชนแผงแม่ค้าขายของริมถนนได้รับความเสียหาย อีกทั้งในที่เกิดเหตุมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีก เมื่อเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้วกระสอบซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์หลบหนีโดยไม่หยุดรถ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงในทันที อีกทั้งต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุลและที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติ
การจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 78 การกระทำดังกล่าวของเขาจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 วรรค 2 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องพยายามบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นในการกระทำของตนไม่ใช้หลบหนี ไม่คิดจะเยียวยาอย่างกระสอบ 

พระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522
มาตรา 78
ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่ผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี่ จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่ ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเกี่ยวกับการกระทำความผิดและให้ตกเป็นของรัฐ

มาตรา 160 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

คำคม
ความรับผิดชอบต้องเกิดจากจิตสำนึก ไม่ใช่ถูกบังคับด้วยกฎหมาย  
นิติธัช

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การรู้เรื่องกฏหมายจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ