Fish Out Of Water
สถานีข่าวอย่าว BBC เพิ่งรายงานข่าวร้อนเกี่ยวกับ “ฟุตบอลอังกฤษ” ทั้งระบบ ที่ต้องจ่ายค่าเอเจนท์นักเตะ มากถึง 220 ล้านปอนด์ หรือเป็นเงินนับหมื่นล้านบาท ข่าวนี้ทำให้ผมคิดถึง นสพ. News Of The World แท็บลอย์ดที่มีอายุเกือบ 200 ปี ที่เคยเล่นศัพท์อยู่คำหนึ่งที่เวลาอ่านสื่อเกี่ยวกับฟุตบอลแล้วชอบนำมาใช้ นั่นคือ Fish Out Of Water ซึ่งแปลตรง ๆ ก็คือ ปลาที่ไม่ได้อยู่ในทะเลหรืออยู่ในพื้นที่ที่มันควรจะอยู่ แต่กลับไปอยู่ในฟาร์ม ในถัง ในที่เก็บปลาไว้ทำอาหาร เพาะพันธุ์ แต่โดยสรุปคือ ปลาก็ควรจะอยู่ในน้ำ หรือในที่ที่มันควรจะอยู่ สำนวนที่ว่าถูกนำเรียก “ธุรกิจฟุตบอล” ที่โอเวอร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นิตยสาร Four Four Two ที่ผมตามซื้อมา 10 ปีแล้ว เพิ่งจะลงข่าวว่า เจฟฟ์ เฮิร์ท ที่ยิงประตูชัยในนัดชิงบอลโลก
1966 นั้น เคยได้ค่าตัวแค่ 50 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ขณะที่ซุปเปอร์สตาร์ของลูกหนังวันนี้ ได้เงินค่าจ้างมากถึง 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือราว 5-7 ล้านบาท รายได้ที่ช็อควงการแบบนี้ ทุกฝ่าย (ยกเว้นแฟนบอล) ควรจะรับผิดชอบหมด ทุนนอกระบบทั้งอเมริกาและตะวันออกกลาง หรือเจ้าของสโมสรที่ชอบเทคโอเวอร์และปล่อยทิ้ง แต่ที่มีส่วนในการกระทืบสิ่งนี้ ก็คือ “เอเย่นต์” ซึ่งเคยมีข่าวว่าได้ค่าย้ายของนักบอล 15-27 % มันจึงไม่น่าแปลกใจที่ แม้จะหมดยุคของ รูน ฮอดจ์ ที่เคยเล่นงาน เฟอร์กี้ ไปแล้ว ก็ยังมีดาวรุ่งและดาวกำลังรุ่ง ขึ้นมาทดแทนมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ร็อบ ซีกัล ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่ Sports Entertainment Investment และอยู่ในวงการช่วย ย้ายทีมของนักเตะนี้ มานานถึง 13 ปีแล้ว
ผมเคยซื้อหนังสือเกี่ยวกับเอเย่นต์นักกีฬามาอ่าน คนในอาชีพนี้ โดยมากมาจากพวกวงการทำโฆษณา พอทำงานมากขึ้น จะรู้จักแหล่งข่าวและคนดัง พอย้ายมาทำงานพวกนี้ ก็ใช้เส้นสายและทุกวิถีทางในการปิดจ็อบ เอเย่นต์เหล่านี้สามารถจะไปดักผู้จัดการทีมที่โรงรถ ดักทางออกของหมู่บ้าน และสามารถโกยกว้านนักบอลกับผู้จัดการทีมได้มากถึง 50-70 คน ให้อยู่ในการดูแล
นั่นจึงไม่แปลกใจว่า เมื่อนักข่าวของ Four Four Two ไปสัมภาษณ์สุดยอดเอเย่นต์อย่าง ซีกัล ในวันหนึ่ง เสียงโทรศัพท์มือถือจาก 2 เครื่อง สลับกันดังตลอดเวลา มันดังเข้าจนต้องโทรเข้าโทรออก จนเขาบอกว่า ค่าใช้มือถือในแต่ละเดือนสูงถึง 100,000 บาท หรือ 2,000 ปอนด์
ผมเปิดอ่านหนังสือเล่มใหญ่ที่ชื่อ When Football Was Football แล้ว ก็เห็นความแตกต่างว่า วงการฟุตบอลพลิกไปเร็วกว่าวงการหนังหรือวรรณกรรมมาก มากขนาดที่ว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากนิตยสาร GQ เคยแซวว่า ถ้าคุณจัดลิสต์ของคนรวยทั้งหมดนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม ในแต่ละปีนั้น ในปีถัดมาคุณอาจจะได้รายชื่อเศรษฐีใหม่ ที่ไม่ซ้ำปีก่อนทั้ง 10 อันดับ หรือไม่รู้จักชื่อของคนใหม่ ๆ เพราะนายทุนจากทุกวงการ พร้อมจะเข้ามา “ฮุบ” สโมสร และ
ให้ค่าตัวมหาศาล
เฟอร์กี้ บ่นอยู่เสมอในคอลัมน์ตอบจดหมายของ Inside United ว่า ทุกวันนี้ ความจริงของวงการฟุตบอลนั้น เกินเลยและล่องลอยไปมาก ฟุตบอลไม่ได้อยู่ในสนาม ลูกหนังนั้นไปกลิ้งอยู่ในตลาดหุ้น และนักบอลก็ค่อย ๆ ออกจากสนามซ้อม ไปอยู่บนรันเวย์มากขึ้นทุกที มีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ก็คือ ขณะที่เมื่อสัก 30 ปีที่แล้ว ภรรยาของนักบอลในยุโรป ก็คือ แม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง ที่เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน
แต่ตอนนี้ โลกของ Modern Football เปิดโอกาสให้เมียนักบอล กลายเป็น “เซเลบ” และ บุคคลสำคัญของวงการลูกหนังจนก่ออิทธิพลมากขึ้นในนามของ WAGs ที่แท็บลอย์ดอังกฤษน่ะแหละ เคยแดกดันทีมชาติยุค สเวน อีริคสัน ว่า พวกเธอขอที่พักหรู ๆ แพง ๆ มากกว่าสามี ตอนที่ไปลุยฟุตบอลโลกเสียอีก นี่แหละคือ ความหมายแฝงของสำนวน Fish Out Of Water
พอปลาไม่ได้อยู่ในทะเล ไปอยู่ในตู้โชว์จิวเวลลีย์ เลยทำให้ตั๋วบอลแพงขึ้นทุกปี และแฟนบอล ซึ่งเป็นพวกตัวจริง ก็ต้องยินยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อให้ได้เข้าสนาม จนมีประโยคแซว ๆ ว่าพอเปิดฤดูกาลมา ลูก ๆ ก็ต้องซื้อเสื้อใหม่ และพ่อแม่ก็ต้องซื้อตั๋วปี
แต่คำว่าปลาไม่ได้อยู่ในน้ำหรือทะเลนั้น ไม่ได้มีแค่ปลาในสนามนะครับ ข้าง ๆ สนามก็เล่นเกมนี้ด้วยเหมือนกัน เสื้อบอล ลูกบอล แอสเซสซอรีย์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับฟุตบอล จากที่เคยใช้กัน 3 ปีเปลี่ยนที ตอนนี้กลายมาเป็นเปลี่ยนทุกปี และไม่ต้องรอนานมากสตั๊ดและลูกบอล มีมาใหม่แทบจะทุกสัปดาห์ และสารพัดของ “วาระ” ที่การตลาดจะหามุขมาขาย
และก่อนบทความนี้ จะเขียนไม่นาน... Time เพิ่งเล่นประเด็นเรื่องปลาถูกนำไปเลี้ยงในตู้เพื่อเพาะพันธุ์ ถูกนำไปโชว์ในอ่าง จนในอนาคต ปลาจะค่อย ๆ หายไปจากทะเล และเหลือแค่ชาวประมงกับเรือบางที แฟนบอลก็อาจจะหายไปจากสนาม ด้วยเช่นกัน
เพราะถ้า “ปลา” ยังไม่อยู่ใน “น้ำ” “แฟนบอล” ก็อาจจะอยู่ที่ “บ้าน” แทน...