JOHN WICK : CHAPTER 2
กลับมาระเบิดภูเขา เผากระท่อมกันอีกครั้งกับการ “แถ” ให้มีภาคต่อ ของนักฆ่ารูปงามนาม John Wick ซึ่งรับบทโดยกระทาชายผู้ที่ได้ชื่อว่ายิ่งแก่ยิ่งแซบ Keanu Reevesกาลเวลาทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ครั้งนี้จอห์นกลับมาพร้อมสุนัขคู่ใจตัวใหม่แต่ไม่ต้องห่วงว่าสุนัขจะตายนะ ภาคนี้มีไว้เป็นพร็อพประกอบฉากเฉย ๆ จริง ๆ แล้วคงใส่มาเพื่อสื่อถึงความรักษาสัตย์ ที่จะโยงไปสู่เนื้อเรื่องที่ผมเรียกว่า “แถ” นี่แหละครับ
John Wick: Chapter 2 เปิดเรื่องเชื่อมเนื้อหากับภาคแรก โดยให้นายจอห์น วิค ไปไล่เก็บสมาชิกที่เหลือของมาเฟียรัสเซีย หรือก็คือบรรดาญาติของตัวร้ายภาคแรกนั่นเอง โดยให้เหตุผลที่ยังพอเชื่อถือได้อยู่บ้าง ตรงที่แก๊งรัสเซียพวกนั้นเป็นคนเก็บรถคันโปรดของจอห์น วิค เอาไว้เรียกได้ว่าพอถูไถที่สุดแล้ว เพราะอย่างที่บอกภาคนี้เหมือน “แถ” เรื่องราวของความสัตย์ที่ครั้งนึงจอห์น วิค เคยได้ให้ไว้กับ ซานติอาโก ดันโตนิโอ เมื่อครั้งที่กำลังจะเกษียณตัวเอง แล้วพอดันโตนิโอเห็นว่าจอห์น วิค ไม่ได้วางมืออย่างที่พูด เลยตามกลับมาใช้งานให้ไปฆ่าพี่สาวของตัวเอง ใช่แล้วครับ เพื่อที่ดันโตนิโอจะได้มีสิทธิมีเสียงในสภาสูงของโลกมืด เห็นมั้ยล่ะครับ นี่แหละคือการ “แถ” ชัด ๆ แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าแฟนเดนตายของหนังเรื่องนี้ก็คงรู้เช่นเห็นชาติกันแน่นอนอยู่แล้วว่า นี่คือหนังแอ็คชั่นที่โคตรมันและโคตรสนุกเพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไปหาความสมเหตุสมผลของมันเลยก็แล้วกัน
เรื่องราวเกี่ยวกับมุมมืด ซึ่งเป็นอีกด้านของโลกนั้นถูกนำเสนอออกมามากมายหลายหลาก ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมบางอย่างที่ขึ้นอยู่กับยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมของครอบครัวมาเฟีย (Family) หรือว่าจะเป็นตัวบทของกฎและมารยาทสำหรับชาวแก๊ง ดังที่ปรากฏในหนังเรื่อง Godfather และ Good Fellas ในหนังเรื่องนี้ John Wick เองก็เป็นผลผลิตจากค่านิยมดังกล่าวเช่นเดียวกัน กล่าวคือบรรดานักฆ่าทั้งหลายที่ปรากฏในเรื่องนี้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคู่ค้าของเหล่ามาเฟียทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานในฐานะผู้ปกป้อง (บอดี้การ์ด) หรือในฐานะผู้ล่า (นักฆ่า) ซึ่งทั้งหมดในสังคมแห่งความมืดเหล่านี้ ก็ตั้งอยู่บนกฎระเบียบที่เป็นสิ่งยึดถือปฏิบัติ เฉกเช่นเรื่องของตราเลือด ที่ผู้ครอบครองตราเลือดนั้นจะต้องให้คำสัตย์กับผู้มอบตราเลือด โดยต่างมีสิ่งตอบแทนที่เท่าเทียมกันในเรื่องนี้นั้นตราเลือดของจอห์น วิคคือการใช้ชีวิตในยามเกษียณเคียงคู่ภรรยาแต่พอภรรยาเสียชีวิต รวมทั้งหมาของเมียรักถูกฆ่า ทำให้จอห์น วิค ต้องตามล่าล้างแค้นคนฆ่าหมาในภาคแรก ก่อนจะเป็นชนวนเหตุของภาคนี้นั่นเอง
หรือว่าจะเป็นพื้นที่สงบศึกภายในโรงแรมที่พักของเหล่าผู้ใช้ชีวิตในเงามืด อันจะเห็นได้จากฉากสู้ตะลุมบอนกันของสองนักฆ่าระดับพระกาฬ ที่อัดกันอย่างเมามันจวบจนกระทั่งหลุดเข้ามาภายในบริเวณโรงแรมนักฆ่า ทำให้ทั้งคู่ต้องจบการต่อสู้ลงโดยปริยาย เปลี่ยนบริบทไปเชือดเฉือนกันที่บาร์เหล้าแทน
และสถานที่แห่งนี้เองที่ “อาจจะ” เป็นชนวนเหตุในภาคต่อ ถ้ายังมีการสร้างต่อล่ะก็ กล่าวคือสิ่งที่จอร์น วิค เลือกกระทำในช่วงท้ายของเรื่องนั้น คือการปิดบัญชีแค้นอันเป็นพ้อยต์หลักของภาคนี้ โดยการสังหารดันโตนิโอที่หนีมาหลบเพื่อหวังใบบุญของโรงแรม สิ่งที่จอห์นทำนั้นคือการละเมิดกฎของสังคมนักฆ่า ที่ไม่ให้มีการฆ่ากันภายในโรงแรม อันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทำให้สิทธิต่าง ๆ ของเขาถูกยกเลิก รวมถึงถูกหมายหัวจากบรรดานักฆ่าทั่วโลก นั่นเท่ากับว่าตัวของจอห์นจะไม่มีใครช่วยเหลืออีกต่อไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวของจอห์นนั้นไม่ใช่การกระทำที่แสดงออกถึงการหลุดพ้นแต่อย่างใด หากแต่เป็นการ “ยอมศิโรราบ” แต่ทว่าการยอมของจอห์นนั้นไม่ใช่การยอมแพ้แบบไม่มีทางสู้ แต่เพราะว่าตัวเองยังรู้สึกถึงคุณค่าแห่งชีวิตอยู่ จึงยอมจำนนต่อสังคม เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นอย่างแท้จริง แน่นอนล่ะครับว่าการเป็นนักฆ่า ถึงแม้จะเกษียณตัวเองออกมาจากวงการแล้วก็ตาม มันไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้การปฏิเสธกฎของสังคมต่างหาก ถึงจะเป็นการ “ละทิ้ง”ชีวิตนักฆ่าอย่างสมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง