ขอเพียงให้ยาตัวที่แก้อาการเหล่านี้ ไม่ว่าสาเหตุของอาการจะเป็นอะไรก็ตาม อาการของโรคส่วนใหญ่ก็จะดีขึ้นแทบจะทันทีทันใด เช่น นอนไม่หลับ เพียงแค่กินยานอนหลับ ไม่ว่าสาเหตุของอาการนอนไม่หลับจะมาจากอะไรก็จะทำให้หลับได้เกือบทุกคน แต่อาจจะมีผลข้างเคียง คือ การติดยานอนหลับ

หรือมีอาการปวดหัว ไม่ว่าสาเหตุของอาการปวดหัวจะเป็นจากอะไรก็ตาม หลังจากกินยาแก้ปวดหัว ก็จะทำให้อาการปวดหัวดีขึ้นแทบจะทันทีทันใด แต่อาจจะเกิดผลข้างเคียงจากยาได้เหมือนกัน เช่น พาราเซตามอลทำให้ตับอักเสบ ยากลุ่ม NSAIDs ทำให้เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะหรือโรคไต และอาจจะกดอาการไว้ทำให้ไม่พยายามหาสาเหตุที่แท้จริงของโรค ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้   เช่น อาการปวดหัวอาจจะเกิดจากความดันโลหิตสูง หรือ มีเนื้องอก หรือสาเหตุอื่น ๆ เป็นต้น

อาการปวดหลัง อาจจะมาจากท่าทางการทำงานที่ผิดปกติมาเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการยกของหนักเกินไป หรืออื่น ๆ ซึ่งเพียงแค่กินยาแก้ปวดหลัง อาการปวดหลังก็จะดีขึ้นทันที แต่ถ้าสาเหตุมาจากท่าทำงานที่ผิดปกติ ก็จะทำให้ต้องพึ่งยาแก้ปวดไปเรื่อย ๆ และอาจจะได้รับผลข้างเคียงจากยา หรือแม้แต่อาจจะถึงขั้นทำให้กระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูกมีปัญหาขึ้นมาก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอาการปวดหลัง จึงควรจะหาสาเหตุของโรคด้วย ถ้าเป็นจากท่าทางการทำงาน การปรับแก้ท่าทาง จะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าการกินยาแก้ปวดหลังเพียงอย่างเดียว เป็นต้น

อาการท้องผูก ก็จะดีขึ้นทันทีเพียงแค่กินยาถ่าย โดยอาจจะไม่สนสาเหตุ ซึ่งอาจจะมาจากแค่กินอาหารที่ไฟเบอร์ไม่พอ เคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป หรืออาจจะมาจากมีเนื้องอกอยู่ในลำไส้ ก็เป็นได้

สรุป อาการของร่างกายเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยที่ร่างกายพยายามบอกเราว่าร่างกายมีความผิดปกติเกิดขึ้น การพยายามกินยาตามอาการด้วยตนเอง อาจจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ โดยเฉพาะถ้าทำบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อมีอาการไม่สบายเกิดขึ้น ควรจะพยายามหาสาเหตุของสิ่งนั้น ๆ ก่อนทุกครั้ง และใช้ยาเท่าที่จำเป็นครับ

เช่น คนที่นอนไม่หลับ ให้ลองพิจารณาสาเหตุของอาการนอนไม่หลับด้วยตนเองดูก่อน ถ้าพบให้ลองแก้ที่สาเหตุดู ส่วนใหญ่สาเหตุอาการนอนไม่หลับของคนเมืองมาจาก วิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสมและความเครียดที่มากเกินไป ถ้าแก้ที่สาเหตุได้อาจจะไม่ต้องใช้ยานอนหลับ เป็นต้น

หรือกรณีเป็นหวัดแรก ๆ น้ำมูกยังใสอยู่เลยเป็นตัวบ่งชี้ว่าติดเชื้อไวรัสหวัด ไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง ควรจะนอนพักผ่อนให้มาก ๆ สัก 3 วัน ส่วนใหญ่หลังได้พักผ่อนเพียงพออาการก็ดีขึ้นได้เอง แต่ถ้า 3 วันอาการยังไม่ดีขึ้น หรือน้ำมูกเสมหะเปลี่ยนเป็นเขียวข้น ก็ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุดครับ

สรุปอีกครั้งหนึ่ง ยาแผนปัจจุบันมีประโยชน์มากมายและช่วยลดอาการทรมานของผู้ป่วยได้มากก็จริง แต่ก็มีผลเสียและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดจากการใช้ยาไม่เหมาะสมหรือเกินจำเป็นได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา ควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาใดยาหนึ่งเป็นประจำครับ