ฤดูร้อนกำลังใกล้เข้ามา วันหยุดกำลังร่ำร้องเรียกหา การมองหากิจกรรมทำในช่วงหน้าร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการหาน้ำแข็งไสรับประทานเพื่อดับร้อน หรือ การออกไปนั่งรับลมพร้อมกับทานอาหารนอกบ้านอย่าง การปิคนิก เราจึงนำความรู้เกี่ยวกับที่มาของส่วนประกอบสำคัญในหน้าร้อนมาให้พวกคุณได้ทราบกันว่ามันมาได้อย่างไร

น้ำแข็งไส
น้ำแข็งไสเป็นขนมหวานที่ให้ความเย็นสดชื่นแบบขนมของชาวฮาวาย เมื่อย้อนกลับไปช่วงฤดูปลูกน้ำตาลของฮาวาย ตอนนั้นชาวญี่ปุ่นนับพันอพยพมาฮาวายเพื่อการเพาะปลูก และมาพร้อมกับขนมน้ำแข็งที่ตอนนี้เป็นที่รู้จักว่าน้ำแข็งไส แต่น้ำแข็งที่ชาวญี่ปุ่นนำมาเสนอให้กับชาวฮาวายนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะในญี่ปุ่นน้ำแข็งไสมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว และน้ำแข็งถือเป็นของหายาก ทั้งน้ำแข็งไสยังถูกยกเป็นขนมที่หรูหราเอามาก ๆ มันจึงมีเสิร์ฟให้แก่ราชวงศ์เพียงเท่านั้น

ปิคนิก
เป็นการออกมาดื่มด่ำกับอาหารอร่อยนอกบ้านด้วยความสุขกายสบายใจพร้อมชมทิวทัศน์ที่งดงาม แต่ความจริงแล้วปิคนิกเป็นความดั้งเดิมอันประณีตของการกินเลี้ยงนอกบ้านอย่างสนุกสนานโดยบุคคลผู้มีอันจะกิน เป็นกิจกรรมของชาวยุโรปแรกเริ่มในช่วงยุคกลางที่มีอาหารหลัก ๆ จำพวกแฮม เนื้ออบ และขนมอบ ปิคนิกมาจากภาษาฝรั่งเศส Piquenique เป็นที่รู้จักแค่ในฝรั่งเศส เยอรมนีและสวีเดนก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอังกฤษในภายหลัง

วันหยุดปิดเทอม
ความเชื่อเรื่องวันหยุดปิดเทอมช่วงฤดูร้อนมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 19 ช่วงหยุดหน้าร้อนจึงเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะได้ลงมือเพาะปลูกหรือทำอะไรที่เรียกเหงื่อได้มาก ในสมัยก่อนเกิดสงครามกลางเมือง เด็ก ๆ ยังคงต้องไปเรียนในช่วงที่ร้อนและหนาวที่สุดของเดือน  จึงเกิดปัญหาเด็กขาดเรียนไปครึ่งห้อง สมาชิกสภานิติบัญญัติจึงคิดว่าควรให้เด็ก ๆ ได้ปิดเทอมหน้าร้อนแทนการไปโรงเรียนตลอดทั้งปี เพราะอาจทำให้สมองของเด็กเครียดจนเกินไป

ครีมกันแดด
เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่อยากดูดีและดึงดูดอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในอดีตหลายคนก็ปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดที่แผดเผาผิวชาวอียิปต์ผู้มีความคิดมาเสมอว่าผิวขาวนั้นสวยใสกว่าผิวคล้ำมาตลอด แต่ด้วยสภาพแสงแดดของภูมิประเทศที่ยากต่อการรักษาผิวให้คงขาว พวกเขาจึงใช้ส่วนผสมของน้ำยารักษาผิวและป้องกันผิวสีแทน ซึ่งส่วนผสมพวกนั้นได้ถูกค้นพบอีกครั้งในยุคสมัยปัจจุบัน อย่างเช่น รำข้าวและดอกมะลิ

บาร์บีคิว
อีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนนิยมทำในช่วงหน้าร้อนคือการย่างบาร์บีคิว มีความเชื่อกันว่าชาวสเปนได้ไปเยือนคาริบเบียนและใช้คำว่า Barbacoa เพื่อสื่อถึงวิธีการทำอาหารอย่างช้า ๆ บนแผ่นไม้ของชาวท้องถิ่นที่นั่น เมื่อเทคนิคการทำอาหารเริ่มเกิดขึ้นในอเมริกา เนื้อหมูที่แพร่หลายในพื้นที่จึงกลายเป็นส่วนประกอบหลักของบาร์บีคิวไปโดยปริยาย และบาร์บีคิวก็ได้กลายเป็นหนึ่งในเมนูที่สามารถทำในจำนวนมากได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งพบเจอได้ในงานเลี้ยงโบสถ์และการปิคนิกของเพื่อนบ้าน