Hachiko

Hachiko

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นิยมความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมทางความคิด การแต่งตัว รถยนต์ที่ใช้อาหารการกิน แม้กระทั่ง “สัตว์เลี้ยง” ครับ...ผมเน้นคำว่าสัตว์เลี้ยง เพราะว่า Legend ในเล่มนี้ผมกำลังจะเขียนเรื่องสัตว์เลี้ยงที่เป็นตำนานนั่นเอง...

ในประเทศญี่ปุ่นนั้นนิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์ยักษ์ชนิดหนึ่งที่มีชื่อพันธุ์ว่า “อาคิตะ”(Akita Inu) ที่กล่าวกันว่าเป็นสุนัขพันธุ์หายาก ที่ซื่อสัตย์และรักเจ้าของมากที่สุดในโลก และหนึ่งในสุนัขพันธุ์ดังกล่าวมีสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า “ฮาจิโกะ” ได้สร้างเรื่องราวอันน่าประทับใจเอาไว้จนเป็นที่ยกย่องชื่นชมของผู้คนที่ได้ทราบ เรื่องราวของมันเป็นอย่างไรนั้นลองติดตามชมได้เลยครับ 

ฮาจิโกะ (Hachiko) สุนัขที่เป็นเจ้าของเรื่องนี้เป็นสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ ดังที่กล่าวไว้ ในบันทึกเรื่องราวของมันนั้นบันทึกไว้อย่างละเอียดว่ามันเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 ที่เมืองโอดาเตะ จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น (ชื่อพันธุ์สุนัขชื่อเดียวกับชื่อเมือง เพราะสุนัขพันธุ์ดังกล่าวมีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดนี้)ฮาจิโกะได้พบกับเจ้านายของมันคือ ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการเกษตรกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ตั้งแต่มันยังเล็กและตั้งชื่อให้มันว่า "ฮาจิ" 

โดยในวันที่ศาสตราจารย์อุเอะโนะต้องไปสอนหนังสือ ฮาจิโกะจะคอยเดินตามมาส่งเจ้านายตั้งแต่ประตูหน้าบ้าน โดยที่ ศาสตราจารย์อุเอะโนะ ต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูยะ จากนั้นเมื่อถึงเวลาเลิกงาน 15.00 น. ฮาจิโกะก็จะมารอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟเสมอทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน

แต่แล้วเรื่องราวที่น่าเศร้าก็ได้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1925 ในช่วงที่เจ้า ฮาจิโกะ มีอายุได้ 2 ขวบ ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก  และเสียชีวิตขณะสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยโดยที่เจ้าฮาจิโกะเองนั้นก็ไม่รู้เรื่อง แต่เจ้าฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกต่อไปแล้ว

มันยังคงมารอคอยเจ้านายของมันอยู่ในทุกวันอย่างตรงเวลาไม่เคยขาด แม้ว่าภรรยาของศาสตราจารย์อุเอะโนะจะย้ายบ้านออกไปและนำเจ้าฮาจิไปด้วย แต่เจ้าฮาจิก็หนีกลับออกมาที่บ้านหลังเก่า เมื่อมองหาเจ้านายแล้วไม่เจอ ก็ออกไปอยู่ที่บ้านคนสวนเก่าของท่านศาตราจารย์อุเอะโนะที่อยู่ใกล้ๆ กัน และออกไปรอท่านศาตราจารย์อุเอะโนะที่สถานีชิบูยาในเวลาเดิมทุกวัน 

จากนั้นเจ้าฮะจิโกะก็เริ่มกลายเป็นที่สะดุดตาของคนที่สัญจรไปมา คนที่ขึ้นรถไฟเที่ยวนี้จะเห็นมันมานั่งรอทุกวันไม่ได้ขาด ทุกคนเริ่มรักมัน ให้อาหารมัน เจ้าหน้าที่สถานีที่เดิมเคยทำร้ายต่างก็ยอมใจในความซื่อสัตย์ของมัน และเริ่มให้อาหารมันกิน จนเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลา 8 ปี มันก็ยังคงทำอย่างนี้อยู่ต่อไป 

จนวันหนึ่งใน ค.ศ.1932 นักศึกษาคนหนึ่งที่เคยศึกษากับท่านศาตราจารย์อุเอะโนะซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องหมาได้พบกับฮาจิที่สถานีรถไฟและพบว่ามันคือหนึ่งในสามสิบตัวของหมาพันธุ์ อาคิตะ ไอนุ แท้ๆ ที่เหลือในญี่ปุ่น ก็เลยเดินตามมันจากสถานีจนถึงบ้านคนสวนแล้วก็รู้ว่าเจ้าฮาจิเป็นหมาของอาจารย์เก่าของเขานั่นเอง นักศึกษาคนนี้ได้เขียนเรื่องราวของเจ้า ฮาจิ ลงในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 1932 และได้ทำให้เจ้า ฮาจิ กลายเป็นหมาที่มีคนรักทั้งญี่ปุ่นเรื่องความซื่อสัตย์ของมันเป็นที่เล่าไปแบบปากต่อปากอย่างกว้างขวาง 

เรื่องราวของมันนั้นได้รับการยกย่อง และสรรเสริญในเรื่องของความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ผู้คนเริ่มกล่าวถึงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตัวมันนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่สำคัญของสถานีรถไฟชิบุยะไปแล้ว จนในปี 1934 อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดังจึงได้ทำรูปหล่อทองแดงของเจ้าฮาจิโกะขึ้นมาเพื่อยกย่องในความซื่่อสัตย์ของมัน และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ 

ล่วงมาในปี 1935 เจ้าฮาจิก็จากไปด้วยความชรา มีผู้พบศพของมันนอนตายอยู่ที่จุดเดิมที่มันเคยยืน นับรวมเวลาที่มันมายืนรอเจ้านายของมันนั้นเป็นเวลากว่า 9 ปี หลังจากการเสียชีวิตของศาสตราจารย์อุเอะโนะ ที่เจ้าฮะจิโกะได้มาเฝ้ารอการกลับมาของเจ้านายทุกวัน

ข่าวการตายของฮาจิโกะถือว่าเป็นข่าวใหญ่มากจนถูกตีพิมพ์ลงบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นแทบทุกฉบับ และร่างของฮาจิโกะนั้นได้ถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว รูปหล่อทองแดงของเจ้าฮาจิ ได้กลายเป็นจุดนัดพบที่สำคัญของคนญี่ปุ่นที่เดินทางมาที่สถานีรถไฟชิบูย่า กาลเวลาผ่านล่วงเลยมาเป็นเวลาถึง 80 ปี นับตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปปั้นก็ยังคงอยู่จุดเดิม เหลือทิ้งไว้เพียงเรื่องราวเล่าขานของความซื่อสัตย์ และความเศร้าที่แผ่ออกมาจากรูปแทนตัวเจ้าฮาจิเพียงเท่านั้น 

ชาวญี่ปุ่นทั้งหลายต่างมีความคิดอยู่เสมอว่าเรื่องราวของเจ้าฮาจิ ไม่ควรที่จะจบลงด้วยความเศร้าอีกต่อไป แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นเวลานานถึง 80 ปี ทางภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างรูปหล่อสัมฤทธิ์ "เจ้าฮาจิโกะ" และรูปหล่อ "ศาสตราจารย์เอซะบุโระ อุเอะโนะ" ผู้เป็นเจ้าของ โดยมีลักษณะท่าทางแสดงความยินดีที่ได้พบกัน เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะที่มีต่อเจ้านาย และเพื่อเป็นเกียรติแก่ศาสตราจารย์ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ ที่ได้สร้างประโยชน์มากมายให้แก่มหาวิทยาลัย ซึ่งรูปแทนตัวดังกล่าวได้ถูกนำมาตั้งไว้ที่ภาควิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยโตเกียว คล้ายลักษณะว่าเจ้าฮาจิ ได้มาหาและพบเจออาจารย์ อุเอะโนะ ในที่แห่งนี้นั่นเอง 

The Pride of Loyalty