อ.หนู กันภัย
เกจิชื่อดังของเมืองไทย ชื่อเสียงของท่านโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อครั้งดาราดังระดับโลกบินมาสักยันต์กับท่านที่เมืองไทย นอกจากเป็นอาจารย์สักยันต์ชื่อดังแล้ว มุมมอง ทัศนะคติ แนวคิด และการปฏิบัติยึดมั่นในความดีงามของท่านนั้นยังเป็นสิ่งที่น่าเอาเยี่ยงอย่างอีกด้วย คาดว่าหลายๆ คนคงจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า คุณสมพงษ์ กันภัย หรือที่เรารู้จักกันในนาม อาจารย์หนู กันภัย นั้นเป็นญาติสนิทกับคุณเด๋อ ดอกสะเดา สุดยอดปรมาจารย์ตลกของเมืองไทย
รู้จักและสนิทกับคุณเด๋อ ดอกสะเดา ได้อย่างไร?
เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ เรียกได้ว่าเป็นญาติที่สนิทกันมาก อาจารย์เกิดและอยู่ที่บางบัวทอง โตมาด้วยกันกับพี่เด๋อ ดอกสะเดา ซึ่งคุณแม่พี่เด๋อเป็นคนที่เลี้ยงเรามา คุณแม่พี่เด๋อเป็นพี่สาวของอาจารย์ พอโตมาก็เรียนกับคุณปู่ที่สอนพี่เด๋อมาเช่นกัน คุณปู่เป็นคนนนทบุรี ในสมัยก่อนคนนนทบุรีมีบางคนมองว่าเกิดมาก็เป็นนักเลง มีแต่คนสักยันต์ แม้กระทั่งพระออกมาบิณฑบาตก็มีรอยสักยันต์ เราจึงไปเรียนรู้วิชาจากคุณปู่ โดยพี่เด๋อได้พระมาบูชา ส่วนเราเอาคาถาอาคมมาเราชอบกันคนละแบบ อาจารย์มาทางสายนี้ ส่วนพี่เด๋อไปทางสายบันเทิง
พูดถึงคุณเด๋อ ดอกสะเดา?
กับพี่เด๋อ ดอกสะเดา เราจะคุยกันทุกวัน โดยจะส่งไลน์คุยถึงมุกตลกกันไปมา พูดคุยกันตลอดเพราะเราเป็นพี่น้องกัน คนในวงการทุกคนที่เราได้พบเจอพูดคุยต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่เด๋อเป็นอาจารย์ที่ใจบุญและใจดีที่สุด เป็นพ่อพระตัวจริง ที่ควรถือเป็นบุคคลที่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
เป็นอาจารย์สักยันต์ได้อย่างไร?
แรกเริ่มไม่ได้ตั้งใจจะเป็นอาจารย์สักยันต์ สมัยก่อนอาจารย์เป็นคนที่เกเรมากคุณแม่จึงอยากให้บวช ในขณะนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างจะมีฐานะ เพราะมีแท็กซี่ป้ายดำและสามล้อให้คนเช่าด้วย พอเราได้บวชก็รู้สึกชอบในวิชาด้านนี้ประจวบเหมาะกับการมีพรรคพวกมาขอสักยันต์ แล้วเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก แนะนำคนมาสักเพิ่มขึ้นเรื่อย จนกลายมาเป็นอาจารย์สักยันต์จนทุกวันนี้ ตอนบวชได้สักระยะหนึ่งเจ้าอาวาสที่ประจำอยู่ที่วัดได้ลาสิกขาหรือสึกออกไป และมีเจ้าคณะจะให้เราขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน แต่ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเราขึ้นเป็นเจ้าอาวาส เราอาจจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีนัก เราจึงลาสิกขาบทหรือสึกออกมาโดยตั้งใจว่าจะออกมาดูแลกิจการของตัวเอง หรืออาจจะไปเข้าวงการบันเทิงคอยช่วยดูแลนักร้องศิลปินกับพี่เด๋อ ดอกสะเดา แต่กลับกลายเป็นว่ามีคนตามเรามาสักยันต์อย่างต่อเนื่อง เราจึงต้องเดินมาทางสายนี้
เป้าหมายในอนาคต?
แค่ทำหน้าที่อาจารย์หนูให้ดีและมีเวลาพักผ่อนก็พอ ที่ผ่านมาเราเหนื่อยกับการทำงานมาเยอะ ปัจจุบันอายุจะ 54 ปีแล้ว การทำงานของเราถือว่าอยู่ในจุดอิ่มตัวแล้ว สักยันต์เท่าที่เราทำไหว ตอนนี้จะไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่แล้วเราจะคัดเลือกมากยิ่งขึ้น ถ้าทำตัวไม่ดีหรืออายุต่ำกว่า 20 ปี เราจะไม่สักยันต์ให้บางคนอาจจะมองว่าเราหยิ่งเข้าถึงยาก แต่บางครั้งการมาของคนเหล่านี้เขาไม่ได้มาด้วยความศรัทธาที่แท้จริง เราก็จะไม่คุยด้วย บางคนเมามาคุยไม่รู้เรื่องบ้าง สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนบ้าง การที่จะเข้ามาที่สำนักนี้ต้องมีสติสัมปชัญญะที่ครบถ้วน ถึงจะรับของดีกลับไปได้ โดนเอาชื่อไปแอบอ้างบ่อยๆ ว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์หนูบ้าง เอาชื่อไปใช้บ้าง รู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร?การแอบอ้างเป็นเรื่องที่เราต้องทำใจ เพราะถ้าเราไม่ดีจริงคงไม่มีใครเอาเราไปแอบอ้างหรอก หรือแม้กระทั่งลายยันต์ เอาไปสกรีนขายตามตลาดนัดเยอะมาก ในส่วนนี้เราต้องทำใจเมตตาเขา เขาจะได้เอาเงินไปเลี้ยงดูแลครอบครัวเขาได้ สังคมในปัจจุบันเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราก็ถือว่าทำทานให้เขาไปขนาดพระเครื่องยังลอกเลียนแบบได้เลย ขอเพียงอย่างเดียวอย่าลอกเลียนแบบแล้วไปหลอกคนอื่นว่าเป็นอาจารย์หนูเท่านั้นเอง
ทำไมถึงมีลูกศิษย์รักและศรัทธาเยอะ?
เราไม่เคยบอกว่าเรามีพลังหรืออะไร เพียงแค่เราเปรียบเสมือนไปรษณีย์ที่คอยส่งของให้กับคุณ ตัวอาจารย์เองเป็นเพียงแค่ผู้นำหรือสื่อกลางเท่านั้น คนดังหรือใครที่มาสักยันต์กับเราไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเรา แต่เป็นเพราะตัวเขาที่บูชากราบไหว้องค์พระพุทธเจ้าเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าคุณยังอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือถ้าอายุเกิน 20 ปีแล้ว แต่ยังทำตัวเกเร กินเหล้า เข้าผับเข้าบาร์ ก็ไม่ควรสักยันต์ คนที่จะสักยันต์ตรงนี้ควรตั้งใจทำมาหากิน ไหว้พระสวดมนต์ แล้วต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่าจะสักยันต์แน่แล้วหรือไม่ สิ่งสำคัญที่ให้ยึดถือไว้เลย คือ ต้องเลี้ยงดูบิดา – มารดา ผู้บังเกิดเกล้า อาจารย์จะสอนให้ประพฤติปฏิบัติดีเท่านั้นเอง ไม่ได้ให้ยึดเหนี่ยวเรื่องการหนังเหนียว ฟันแทงไม่เข้า สิ่งที่เราให้เชื่อคือความสบายใจ เหมือนการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแก้บนหรืออะไรก็ตามแต่ เราทำเพื่อความสบายใจทั้งนั้น
สิ่งที่อยากฝากถึงคนอ่าน?
สังคมไทยเราปัจจุบันนี้มีแต่ความงมงาย เวลาเราเดินทางไปต่างประเทศเห็นในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขายกุมาร ไปขุดศพเพื่อเอาหัวกะโหลกบ้าง ชาวต่างชาติยังมีความเข้าใจที่ผิดๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่มาก เขายังมองว่าเราบูชาผี เพราะเขาไม่เข้าใจและไม่ได้ศรัทธาในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจารย์ไม่เห็นด้วยอย่างมาก กฎหมายบ้านเมืองของประเทศเรายังถือว่าอ่อน ความเชื่อความศรัทธาขอให้ตั้งมั่นอยู่ในสิ่งที่เราทำได้ เกจิอาจารย์ในสมัยนี้มีทั้งดีและไม่ดี แต่ทางที่ดีคืออย่าไปหลงเชื่อและศรัทธาทางมนต์ดำ หรือหากอาจารย์คนนั้นแต่งตัวเหมือนคนบ้า อย่าเข้าไปยุ่ง ขอให้เชื่ออาจารย์ที่เขาสอนดี ปฏิบัติดี ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่สังคม ขอให้ใช้สติสัมปชัญญะในการมองความเป็นไปได้ เพื่อความสบายใจ เราไม่เคยห้ามใคร ความเชื่ออยู่ที่ตัวบุคคล แต่การที่จะเชื่ออะไรขอให้มีสติในการเชื่อสิ่งเหล่านั้นด้วย