One Day Trip : แวะชมสัตว์ที่ซูคาต้าคาเฟ่ แล้วไปชมวัดนครหลวง พระนครศรีอยุธยา

One Day Trip : แวะชมสัตว์ที่ซูคาต้าคาเฟ่ แล้วไปชมวัดนครหลวง พระนครศรีอยุธยา

ในบางครั้งเราก็รู้สึกว่าอยากเดินทางใกล้ ๆ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นทางเลือกที่ดีซึ่งใกล้กับกรุงเทพมาก เดินทางสะดวก โดยผมเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวด้วยพลังงานทางทดแทนอย่าง LPG ขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นอีก 40 สตางค์ ทำให้เบนซินราคาเกือบลิตรละ 50 บาท ทุกวันนี้หลายคนต้องตัดสินใจเรื่องการเดินทางให้ดีก่อนเดินทาง เพราะว่าค่าใช้จ่ายคงเพิ่มขึ้นพอสมควร รถยนต์ที่มีพลังงานทดแทนน้ำมันจึงเป็นทางเลือกในการตัดสินใจออกรถใหม่ของใครหลาย ๆ คน

การเดินทางของผมครั้งนี้เริ่มต้นจากถนนราชพฤกษ์ ผ่านวงเวียนพระราม 5 วิ่งสู่ทางหลวงหมายเลข 346 แล้วเลี้ยวซ้ายแยกไปทางอยุธยา-บางปะหัน จุดหมายปลายทางแรกของผมคือ ซูคาต้าคาเฟ่ ซึงผมเรียกว่าสวนสัตว์มากกว่าคาเฟ่ เพราะผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่คืออยากพาลูกหลานมาชมสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งที่นี่ก็มีเยอะมาก ซึ่งผมมีโอกาสมาตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่เสียค่าเข้าบริการ แต่ปัจจุบันเสียค่าเข้าแล้วได้อาหารมาให้น้อง ๆ เยอะเลยครับ ค่าเข้าผู้ใหญ่ 100 บาท ส่วนเด็ก ๆ เข้าฟรีนะครับ ซึ่งผมว่าค่าบริการนั้นไม่แพงมากเพราะคือการช่วยบำรุงสถานที่ให้ดูแลน้อง ๆ สัตว์ทุกตัวด้วย 

ปัจจุบัน ซูคาต้าคาเฟ่ กำลังปรับปรุงใหม่เพื่อให้สัตว์ทุกตัวได้อยู่สบายขึ้นยิ่งตอนนี้อากาศร้อนมาก แต่น้องก็ยังออกมาเล่นกับเราอย่างใกล้ชิดถือว่าเป็นความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ที่ให้เราได้เข้าใกล้สัตว์และสัตว์ทุกตัวก็มีความเชื่องมาก

หลังจากที่ได้ชมสัตว์ต่าง ๆ ผมก็เดินทางต่อไปที่วัดนครหลวงหรือจะเรียกว่าปราสาทนครหลวงก็ไม่ผิดซึ่งสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลนครหลวง สำหรับการเดินทางก็สะดวกมากครับ เมื่อเราออกจากซูคาต้าคาเฟ่แล้วเดินทางตรงมาทางจังหวัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังเกตุป้ายบอกทางว่าเลี้ยวขวาไปทางสายเอเซีย เมื่อเราเดินทางมาถึงสายหลักก็เลี้ยวซ้ายเข้าสายเอเซียจากนั้นก็วิ่งตรงมาทางนครหลวง สังเกตุป้ายบอกทางให้ดีนะครับซึ่งเราต้องกลับรถใต้สะพาน แล้วเดินทางตรงมาอีกไม่ไกลก็จะถึงวัดนครหลวง ซึ่งมีลานจอดรถกว้างขวาง และมีตลาดด้วยนะครับ

ประวัติของวัดนครหลวงมีป้ายจาลึกไว้ว่า "ปราสาทนครหลวง เป็นอนุสรส์สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดฯให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2174 โดยถ่ายแบบมาจากปราสาทเมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478 และได้ทำการสำรวจ ขุดค้น ขุดแต่ง บูรณะและปรับปรุงสภาพพื้นที่รอบข้างเมือปี พ.ศ.2533 ถึง 2537 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในวันอนรักษ์มรดกไทย วันที่ 2 เมษายน 2537 และเพื่อธำรงรักษามรดกวัฒนธรรมของชาติ ให้มั่นคงยั่งยืน เป็นหลักฐาน แสดงอารยธรรมของประเทศสืบไป สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดปราสาทนครหลวงแห่งนี้ เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2538"

พอได้อ่านประวัติคร่าว ๆ ของสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่เท่ากับได้สัมผัสด้วยตาตัวเอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้ยิ่งใหญ่มากเมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไปชั้นแรกและเดินรอบฐานด้านล่างเพื่อเข้าไปกราบพระประธานก่อนเดินขึ้นไปสักการะพระพุทธบาทแล้วไหว้พระพิฆเนศ ถึงอากาศวันนี้จะร้อนมาก แต่สถานที่ข้างบนช่างร่มรื่นลมพัดผ่านช่องประตูของปราสาทนครหลวง

 

หลังจากที่เราได้ไหว้พระกันเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินทางไปรับประทานอาหารกันต่อที่ร้านบ้านสวนริมคลอง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดไม่ไกลมากครับสะดวกในการเดินทางมาก ร้านมีเมนูผัดไทย แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าผัดไทยต้องอร่อยมาก แต่ไม่ได้มีแค่ผัดไทยนะที่อร่อย ยังมีอาหารคาวหวานอีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง หรืออาหารจานเดียว อีกอย่างที่อร่อยและผมชอบมากนั่นคือขนมถ้วยรสชาติหวานกำลังดี บรรยากาศร้านเงียบสงบดูไม่วุ่นวาย  ร้านตกแต่งด้วยไม้ฟีลธรรมชาติสุดๆ มีทั้งโซนแอร์ และไม่แอร์ มีวิวแม่น้ำให้มองเพลิน ๆ เหมาะแก่การพักผ่อน สำหรับ One Day Trip ครั้งนี้กับวันสบาย ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของคนชอบท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับมากเลยครับ

ในบางครั้งเราก็รู้สึกว่าอยากเดินทางใกล้ ๆ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นทางเลือกที่ดีซึ่งใกล้กับกรุงเทพมาก