Zweed n’ Roll : (Z)ometh!ng_E/se? หลักปีที่ 12 กับการทดลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
Zweed n’ Roll คือศิลปินกลุ่มแนวอัลเทอร์เนทีฟภายใต้สังกัด Warner Music Thailand ที่นำเสนอตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจนต่อเนื่องนับตั้งแต่ครั้งยังเป็นศิลปินอิสระ ผ่านหลากผลงานเพลงฮิตไม่ว่าจะเป็น ‘ธันวาคม’, ‘ช่วงเวลา’ และอื่น ๆ พร้อมพาเราจมดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ท่วงทำนอง และเรื่องราวของเพลงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
นี่คือบทสัมภาษณ์ที่บอกเล่าการเดินทางของ Zweed n’ Roll ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี สมาชิกวงประกอบด้วย พัด - สุทธิภัทร สุทธิวาณิช (ร้องนำ), นิว - นิติ นิติยารมย์ (เบส), ปูน - ณัฐพัชร์ สมิตนุกูลกิจ (กีตาร์), มิน - ณัฐกร ศิลวัฒน์ (กีตาร์) และ ทัน - ธรรม์ดำรงรัตน์ (กลอง) พร้อมเผยเรื่องราวในปีที่ 12 กับการทดลองทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำผ่านอีพีอัลบั้ม ‘(Z)ometh!ng_E/se?’
หมายเหตุ : ทัน - ธรรม์ ดำรงรัตน์ หนึ่งในสมาชิกของวงไม่ได้เข้าร่วมการสัมภาษณ์ในครั้งนี้
Intro : 11-12
พัด : 11 ปี ที่ผ่านมารู้สึกว่าเราเดินทางกันมายาวนานนะเติบโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อก่อนเราเล่นดนตรีเพราะความชอบแต่ตอนนี้คิดถึงคนฟังมากขึ้น
นิว : มันมีความเปลี่ยนแปลงเยอะนะ เริ่มจากการเป็นวงดนตรีอินดี้ทำกัน 5 คน ทำเพลง 1 อัลบั้มแบบไม่รู้อะไรเลยจนมาเข้าค่ายได้ออก 2 อัลบั้ม เรียกว่าเติบโตตามอายุ
ปูน : พวกเราดีใจที่ได้พบเจอคนที่มีประสบการณ์ ทำให้เราเติบโตขึ้นในด้านดนตรี ในด้านความสัมพันธ์
มิน : เราได้เรียนรู้และทบทวนหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดนตรี ความสัมพันธ์ คนฟัง รวมถึงเป้าหมายของตัวเอง
พัด : ตอนอัลบั้มแรก ด้วยความเป็นวัยรุ่นก็นึกถึงแต่ความต้องการของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ พูดอะไรก็พูด เราไม่ได้นึกถึงคนอื่นเป็นอันดับแรก พอเวลาผ่านไปเริ่มเรียนรู้ว่าถ้าอยากให้เขาเอนจอยกับเราต้องมีการปรับตัว พูดเรื่องราวที่ไม่ส่วนตัวจนเกินไป ควรเป็นเรื่องที่คนอื่นสามารถรีเลทกับมันได้ด้วย เพื่อให้คนฟังคนดูเขาแฮปปี้ไปพร้อมกับเพลงกับโชว์ของพวกเรา
Track 1 : Magic Moment
พัด : ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก เราได้อิทธิพลเรื่องดนตรีมาจากพ่อเพราะเขาชอบฟังเพลง ที่บ้านมีแผ่นเสียงเยอะ เราชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแต่เป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ประถมถึงมัธยมไม่เคยร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นเลย ช่วงตอนกำลังจะสอบเข้ามหา’ลัยตัดสินใจเลือกสิ่งที่เราถนัดที่สุด เลือกมาเรียนดนตรีเอกโวคอลแจ๊ซ นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นค่ะ
ปูน : ผมเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เด็กเลยครับ เล่นเปียโนเพราะได้อิทธิพลมาจากคนในครอบครัว โตขึ้นมาก็เจอเพื่อนวัยมัธยมที่เข้ามาเปิดโลกด้านดนตรี ทำให้ฟังเพลงหลากหลายแนวมาก
มิน : เราเริ่มจากชอบฟังเพลงก่อน ตอนเด็ก ๆ อยู่กับที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ก็เลยฟังเพลงไทยทุกแนว พอโตขึ้นมาเห็นลูกพี่ลูกน้องเล่นกีตาร์แล้วรู้สึกว่ามันเจ๋งดีผมก็เลยเริ่มจับกีตาร์ครับ
นิว : ความสนใจเรื่องดนตรีของผมมีจุดเริ่มต้นมาจากพี่ชายครับ ประมาณปี 2003 ตอนนั้นเขาน่าจะฟังอัลบั้ม Meteora ของ Linkin Park แล้วพอได้ดูพวกคอนเสิร์ตก็เลยยิ่งทำให้รู้สึกว่าดนตรีมันเปิดโลกของเรามากขึ้น จนได้มาฟัง bodyslam ช่วงอัลบั้ม believe ก็เริ่มประกวด Hotwave Music Awards ทำเพลงมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
Track 2 : InwZa007/ Weed / Rock and Roll
นิว : วง Zweed n’ Roll เริ่มมาจากความเป็นเพื่อนครับ พวกเราเรียนที่คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พี่มินเรียนเอกดนตรีเชิงพาณิชย์ ส่วนอีก 4 คนเรียนเอกดนตรีแจ๊ซ ตอนปีหนึ่งมันจะมีรับน้องมีการรวมตัว ผมกับปูนอยู่หอเดียวกันอยู่ใกล้กับคณะ มันเลยเกิดการแฮงค์เอาท์กลุ่มใหญ่ ด้วยความเป็นนักดนตรีก็เลยฟอร์มวงเพื่อเล่นดนตรีกลางคืน
พัด : คอนเซ็ปต์วงตอนนั้น จุดกึ่งกลางความชอบของพวกเราคือร็อกอังกฤษ
นิว : ส่วนชื่อวงก็เสนอกันมา สุดท้ายลงตัวที่ Zweed n’ Roll เป็นการผสมระหว่าง Weed กับ Rock and Roll ส่วน Z มีจุดร่วมมาจากพวกเราเป็นเด็กปี 2000 เล่นเกม Ragnarok มันก็จะมีชื่อ Za007 หรือ InwZa ประมาณนั้นครับ
พัด : ส่วนจุดเปลี่ยนแรกของวงเริ่มมาจากเพลง ‘ธันวาคม’
นิว : ตอนแรกพวกเราแค่อยากเล่นดนตรีกลางคืน หาเงินวันละ 500 ถึง 800 มากินมาใช้ อยู่มาวันหนึ่งวงไปออดิชั่นที่ร้าน PLAY YARD by Studio Bar เราเตรียมเซ็ตลิสต์ไป 12 เพลง พี่โบ๊ทเจ้าของร้านก็เข้ามาคุย บอกเพลงสนุก ๆ ในเซ็ตลิสต์ไม่ต้องเล่นหรอก ไปเล่นโทนที่ถนัด ไปสร้างโปรไฟล์ของตัวเอง พอพี่เขาพูดจบก็ปิ๊งไอเดียเลย
พัด : ตอนนั้นพัดแต่งเพลงไว้เพลงหนึ่ง เพื่อนก็เลยชวนกันว่าลองดูมั้ย หยิบมาทำเพลงเลยมั้ย ก็เลยออกมาเป็น ‘ธันวาคม’
นิว : หลังปล่อย ‘ธันวาคม’ ในปี 2012 ตอนนั้นพวกเราเป็นนักศึกษาก็เลยไม่ได้คิดวางแผนกัน เรียนไป เพลงไม่มีเดดไลน์ พัดไปออก The Voice ได้รับโอกาสมากมาย แต่พวกเราไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจนขนาดนั้น รู้แค่จะออกอัลบั้มแรกด้วยกัน ระหว่างนั้นทำเพลงใหม่ตลอดนะ อัดเก็บไว้แต่ไม่ปล่อย
ปูน : ช่วงปี 2018 พวกเราเรียนจบไปสักพักหนึ่ง นอกจากใบปริญญาที่บอกว่าเรียนจบแล้ว มันไม่มีอะไรมารองรับว่าพวกเราเป็นนักศึกษาดนตรีเลย เหมือนคนตกงานคนหนึ่ง ผมก็เลยคิดว่าถ้าจะทำงานสายนี้มันควรต้องเริ่มทำอะไรได้แล้ว สิ่งที่คิดว่าน่าจะทำได้เลยในตอนนั้นคือทำอัลบั้ม ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับงาน Cat EXpo ทางผู้จัดเขาให้โอกาสเราได้ไปโชว์ ไปเปิดบูธขายแผ่นขายสินค้า วงก็เลยรีบปิดอัลบั้มให้ทันงาน ลุยด้วยความคิดที่ว่าทำให้เสร็จเฟสนี้ไป หลังจากนั้นค่อยว่ากัน
นิว : จากที่เล่ามา เหมือนปี 2012 แล้ววาร์ปมาปี 2018 เลยใช่มั้ย แต่ระหว่างทางพวกเราเรียนรู้จากการแสดง จากคนฟังมาตลอด ทั้งการเพิ่มเพลงที่มันเร็วขึ้นและอื่น ๆ จนมาปิดที่เพลง ‘ช่วงเวลา’ แล้วก็ปล่อยอัลบั้ม
พัด : ความรู้สึกในตอนนั้นคือสะใจมาก เสร็จสักที เพราะมันง้างมานานมาก ถือเป็นการปลดล็อคความฝันของเราว่าอยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
ปูน : เหมือนตอนแรกมันจะลอย ๆ นิดนึง แต่ตอนนี้สิ่งที่เราทำมันเป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็เอาไปให้พ่อแม่ดูได้ว่าวงมีอัลบั้มจับต้องได้แล้วนะ
Track 3 : I'm 20, It's all the best I can do
ปูน : ตอนทำอัลบั้มแรกพวกเราค่อนข้างตามใจตัวเองนะ
นิว : เราปล่อย ‘ธันวาคม’ ไปเพลงเดียว ปล่อยเสร็จแล้วก็ไปโชว์ 45 นาทีเล่นเพลงคนอื่นหมด แต่มันไม่ใช่ตัวเรา ก็เลยค่อย ๆ เพิ่มทีละเพลง เพิ่มเพลงที่หนักขึ้น ปรับให้เบาลง สุดท้ายมาลงตัวที่ ‘ช่วงเวลา’ เหมือนกับว่าเป็นช่วงที่เราตกผลึกจากการเรียนรู้ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
พัด : พูดง่าย ๆ คอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ก็คือวัยรุ่นอายุ 20 ทำอะไรตามใจตัวเองสุดๆ
ปูน : ซึ่งชื่ออัลบั้มเต็ม ๆ คือ I’m 20, It’s all the best I can do
Track 4 : Resurrection
นิว : จากศิลปินอิสระมาอยู่กับค่าย ผมคิดว่าหลัก ๆ น่าจะเริ่มต้นมาจากโควิด พอเรามีคอนเสิร์ตใหญ่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ปี 2020 หลังจากนั้นโควิดระบาด ทุกอย่างพับไปหมดเลย พวกเราไม่ได้คุยไม่ได้อัปเดทอะไร ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มคุยกันตอนไหน แต่เหมือนกับว่าถึงเวลาที่ต้องคุยเรื่อง Zweed n’ Roll ซึ่งพวกเรามองตรงกันว่าทิศทางมันควรจะเป็นอาชีพได้แล้วนะ ประกอบกับพี่ปอนด์ A&R ของ Warner Music Thailand เข้ามาคุยพอดี ค่ายมีวิสัยทัศน์ที่เข้าใจเราก็เลยตกลงร่วมงานกัน
พัด : อัลบั้ม Resurrection เรามองว่ามันเป็นการเกิดใหม่ก็แล้วกัน หลังเป็นเด็กมหา’ลัยทำเพลงมา 7-8ปี ไม่มีแพลนที่ชัดเจน บวกกับเจอโควิดพักงานไปอีก 2 ปี พอคิดว่าต้องลุยต่อมันเหมือนเป็นการฟื้นคืนชีพของดนตรีที่เราอยากจะทำ อยากจะไปต่อลุยต่อ ซึ่งคอนเซ็ปต์หลังของอัลบั้มนี้มันคือการเริ่มสื่อสารกับคนฟัง
นิว : อัลบั้มแรกจะเป็นสากล 6 เพลง ไทย 2 เพลง ส่วนอัลบั้มนี้เป็นไทย 8 เพลง สากล 2 เพลง สัดส่วนมันสลับกันเราเริ่มอยากเจอผู้คน อยากเจอแฟนเพลง อยากสื่อสาร อยากให้มีจุดร่วมระหว่างเรากับคนฟังเพิ่มมากขึ้น
พัด : เนื้อหาของเพลงจะมีความโพสซิทีฟเพิ่มขึ้น ไม่ก้าวร้าวเท่าอัลบั้มแรก มีความปล่อยวางแต่ก็ยังคงตัวตนของ Zweed n’ Roll เอาไว้ มีแต่งเพลงจากเรื่องของคนอื่นบ้าง เป็นการเริ่มทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ถ้าอัลบั้มแรกคือเฟิร์สจ็อบเบอร์ อัลบั้มนี้คือคนที่ทำงานมาระยะหนึ่งก็เลยเริ่มมีวิธีคิดที่โตขึ้น
Track 5 : (Z)ometh!ng_E/se?
พัด : (Z)ometh!ng_E/se? คือการมองหาอะไรที่เรายังไม่เคยลองทำ อัลบั้มแรกทำตามใจตัวเองไปแล้ว อัลบั้มที่สองมีวัตถุดิบบางอย่างจากอัลบั้มแรก พออัลบั้มที่สามพวกเราเลยอยากให้มันใหม่ไปเลย ถ้าไม่เคยทำเพลงเร็ว งั้นทำเพลงเร็ว ถ้ายังไม่เคยเขียนเพลงจากเรื่องอื่น เขียนเพลงที่ไม่ใช่ความรัก งั้นเขียนเลย อัลบั้มนี้วิธีการทำงานเราจะเริ่มจากคอนเซ็ปต์ก่อน เริ่มจากชื่อเพลง วางคอนเซ็ปต์แล้วก็ทำไปตามเป้าหมาย ต่างจากอัลบั้มแรก ๆ ที่ลอย ๆ อยากพูดเรื่องอะไรก็แค่พูด
ปูน : เพลงแรก ‘วางไว้’ คอนเซ็ปต์คือทำอะไรใหม่ ๆ ผมเลยขึ้นคอร์ดช้า ๆ ใช้เปียโน ซึ่งไม่เคยทำกับเพลงอื่น พี่โอ๋ ซีเปีย (เจษฎา สุขทรามร) ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มมองว่ามันเพราะนะ ถ้าอยากทำอะไรใหม่ ๆ งั้นปรับจังหวะให้เร็วขึ้น ลองทำเพลงเร็วกัน
นิว : โจทย์ของเพลงนี้คือการทำสิ่งใหม่ เสียงพัดเหมือนกันแต่ให้ร้องเมโลดี้แบบนี้ดูสิ ส่วนตัวผมก็ใส่ไลน์เบสให้เยอะขึ้น เพราะความชอบที่มีต่อเพลงร็อก เจป๊อป การโซโล่กีตาร์ของปูนก็ใช้ขวดเข้ามาช่วย ตามคอนเซ็ปต์ครับ หนีไปให้ไกล
ปูน : เพลงที่สอง ‘อาจเป็นฉัน’ ชื่อมาจากพัด
พัด : เพลงนี้จริง ๆ เป็นวัตถุดิบเก่าจากเคยแต่งไว้อยู่แล้ว ตอนแรกแต่งไว้ให้คนอื่นร้อง แต่ด้วยจังหวะเวลาก็เลยเอามาใช้กับวงก่อน เพลงนี้มีเมโลดี้แบบเพลงไทยสมัยก่อนที่เราชอบ ไดนามิคมันจะกว้าง ๆ
นิว : เราไม่ค่อยได้ทำเพลงภาษาไทยจังหวะกลาง ๆ เท่าไหร่ เพลงนี้มันก็เลยมีทั้งความเก่าและความใหม่ผสมกัน
มิน : อาจเป็นเพราะวิธีการหรือวัตถุดิบที่พัดไม่เคยใช้ พอหยิบมาใช้มันก็เลยดูใหม่สำหรับวง แต่พองานออกมารู้สึกเหมือนเป็นเพลงยุคเก่าที่คนน่าจะคิดถึง โดยรวมก็เป็นงานที่ดี
ปูน : เพลงถัดไป ‘สองแปด’ เริ่มมาจากริฟฟ์กีตาร์ที่ผมคิดไว้ อัดเป็นอินโทรเล่น ๆ ทีนี้วงกำลังหาวัตถุดิบทำเพลง ผมก็เลยเปิดค้นดูแล้วส่งเข้ากลุ่มไป พัดก็เลยเอาไปทำต่อ ใส่คอร์ด ใส่เนื้อร้อง ใส่เมโลดี้ กลายเป็นเพลงทะเล้นขึ้นมา ทำไมพัดถึงคิดเรื่องหวยนะ
พัด : ตอนที่ปูนส่งริฟฟ์กีตาร์มารู้สึกว่ามันส์ดีนะ แล้วเมโลดี้ก็เข้ามาในหัวตอนแปรงฟัน ‘ต๊า ตา ต๊า ตา’ เลยอัดเก็บไว้ อาบน้ำเสร็จก็หยิบมาทำต่อ เขียนตั้งแต่ประโยคแรกจนถึงประโยคสุดท้ายด้วยความรู้สึกว่าฮาดีว่ะ เรื่องหวยมันเป็นใกล้ตัว ตอนเด็ก ๆ ป้าก็ชอบเรียกไปดึงลอตเตอรี่ พอเขาถูกรางวัลก็พาเราไปซื้อขนม มันเป็นเรื่องที่อยากเล่าและเล่าออกมาได้สนุกดี ส่วนตัวก็อยากถูกรางวัลที่ 1 ค่ะ
นิว : พัดส่งมาเลย ‘สองแปด สองแปด มาร้อนแรง มาแน่นอน’ มันมาแบบนั้นเลย พี่โอ๋เขาเห็นถึงความเป็นได้ พวกเราก็เลยทำเพลงสนุก ๆ อีกสักเพลง เป็นดิสโก้ที่วงยังไม่มี มีแจ๊ซในท่อนโซโล่นิดหน่อย พาร์ทดนตรีแปลกใหม่ ที่สำคัญพวกเราได้เห็นพัดเต้นด้วย
มิน : เพลงที่สี่ ‘หลักฐานของการมีอยู่’ ตอนนั้นเราปล่อยเป็นซิงเกิลไป 2 เพลงที่มันเป็นกลิ่นใหม่ ๆ เป็นเพลงเร็ว ทั้งวงและทีมโปรดิวซ์เห็นตรงกันว่าเพลงสไตล์เดิมของ Zweed n’ Roll ที่แฟนเพลงชอบควรจะมีอยู่ในอัลบั้มนี้นะ เพลงที่มีความเหงา ๆ ก็เลยเอาคอนเซ็ปต์เก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้มาลองแต่งดู มีพี่โอ๋มาช่วยเคาะเนื้อเพลงให้
พัด : มันแบบคูล ๆ ไมเนอร์คูล ๆ
นิว : ไลน์เบสกับกลองจะมีความแข็งแรง ฮาร์คร็อกนิดนึง เพลงนี้ด้วยความที่พี่มินเป็นคนแต่ง มันเป็นความรู้สึกเจ็บแบบผู้ชายมาก ๆ ก็เลยต้องมีการตีความ
พัด : ตอนแรกไม่เก็ทเลย มันเหมือนความรู้สึกของคนกำลังจะหมดแรง แต่ไม่โมโห เจ็บปวดอยู่นะ แต่แสดงออกได้นิดเดียว มันซับซ้อน เพราะปกติถ้าเราเจ็บก็แสดงออกชัดเจน ไม่ค่อยเก็บความรู้สึก ส่วนเพลงที่ห้า ‘แอบ’ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่หยิบเอาวัตถุของเก่ามาใช้ ซึ่งมันคือตัวเราชัดเจนที่สุดในด้านคอร์ดหรือเมโลดี้ คนจะเห็นเราแต่งเพลงเศร้า ร้องเพลงเศร้า เพราะว่าชีวิตมันเศร้าแหละ แต่เราอยากมีเพลงหวาน ๆ แอบรักแอบจีบสักเพลง พอทำสำเร็จออกมารู้สึกว่าเป็นมู้ดที่น่ารักดี คนน่าจะไม่ค่อยเห็นมู้ดหวาน ๆ จากวงสักเท่าไหร่
นิว : จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว อัลบั้มแรกมีเพลง ‘Always’ อัลบั้มสองมีเพลง ‘เรา’ มาอัลบั้มนี้ก็เลยอยากทำให้มันชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่า Zweed n’ Roll ก็มีด้านนี้ เราแอบรักได้เหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่ความเศร้าอย่างเดียว
พัด : เพลงนี้เพราะมากๆ อวยเลย มันเหมือนเด็กมัธยมแอบชอบกัน
ปูน : ผมชอบมากนะ รู้สึกว่าเป็นเพลงที่ดนตรีมันโปร่งดี ฟังซ้ำได้เรื่อย ๆ เรื่องเมโลดี้ที่ผมเล่นตอนอัดแล้วไม่มั่นใจว่าดีมั้ย แต่ทุกคนเขาชอบกัน ทุกคนเชื่อมัน เราก็เลยโอเค ตอนนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในเพลงโปรดที่ผมเปิดฟังบ่อยมากครับ
พัด : เพลงสุดท้าย ‘คนสุดท้ายบนโลกใบนี้’ เริ่มมาจากพี่เบียร์ มือกีตาร์วง Solitude Is Bliss เป็นคนเขียนเพลงนี้ขึ้นมาให้แฟนเขา เขาบอกว่าตอนแต่งเพลงนึกถึงเสียงของพัดก็เลยส่งมาให้วงฟังดูว่าชอบมั้ย อยากให้เอามาทำเพลง พอได้ฟังก็รู้สึกเพราะมาก เนื้อหาเขียนมาดีมาก ร้องแล้วมันเข้าปาก
นิว : สำหรับขั้นตอนการทำเพลง พวกเราลองทำดูหลากหลายแบบ เริ่มจากเพลงที่พี่เบียร์แต่งมามันเข้ากับเสียงพัดอยู่แล้ว มีกีตาร์โปร่ง เรามาคิดต่อว่าใส่อะไรลงไปเพิ่มอีกได้มั้ย จบที่การตัดเครื่องดนตรีให้เหลือน้อยที่สุดแล้วใส่เครื่องสายเข้าไป เพราะมันไม่ควรเยอะมากไปกว่านี้ เพิ่มแค่ไดนามิกของเครื่องสายที่ให้ความรู้สึกเหมือนการหายใจเข้าลึก ๆ ถึงแม้ว่าเพลงอาจจะดูเศร้าด้วยเสียงของพัด แต่จริง ๆ แล้วเพลงนี้อบอุ่นมาก ๆ หวังว่าจะเจอคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ คนที่สำคัญกับเรามากจริง ๆ ครับ
Track 6 : Music Spotlight
พัด : เลือกหนึ่งเพลงเพื่อให้คนได้รู้จักตัวตนของวงเพิ่มขึ้น เราเลือก ‘ช่วงเวลา’ รู้สึกว่าช่วงเวลาเป็นเพลงที่เข้าถึงคนได้ง่ายที่สุด และโชว์ศักยภาพของคนในวงมากที่สุด ทุกพาร์ทในเพลงนี้มันเพราะมากจริง ๆ
ปูน : อยากให้ลองฟังเพลงแรกของวงครับ ‘ธันวาคม’ เพลงแรกที่ทำให้ค้นพบแนวทางของพวกเรา เป็นจุดเริ่มต้นของการทำผลงานเพลงในนาม Zweed n’ Roll
มิน : ขอเป็น ‘Fighter’ ครับ น่าจะเป็นอีกโหมดหนึ่งของวงที่เข้มข้น รู้สึกว่าเป็นความเข้มที่กำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป มีความเป็นสากลด้วย เหมือนเป็นอีกด้านหนึ่งของ Zweed n’ Roll
นิว : ผมแนะนำ ‘Another Dimension (Bonus Track)’ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะมาอยู่ที่ (Z)ometh!ng_E/se? แต่ Another Dimension คือการบอกว่าวงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ถ้าวันนั้นเป็นการค้นหาตัวตน วันนี้คือการแสดงให้ทุกคนได้เห็นกันมากขึ้นว่าตัวตนของพวกเรานั้นเป็นอย่างไร
Track 7 : หลักฐานของการมีอยู่
พัด : 10 กว่าปีที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่เคยรู้สึกหมดไฟ เพราะว่าเรารักดนตรีมาก สมมุติวันไหนไม่มีงาน เราก็จะหยิบกีตาร์ขึ้นมาร้องเพลง สิ่งที่ผลักดันคือการที่เรารักมัน เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ร้องเพลง
ปูน : สิ่งที่ทำให้เรายังอยากอยู่กับดนตรีคือคนฟัง การสนับสนุน การแสดงออกของเขาว่ายังสนใจวงมันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่มีคนมาคอยผลักดัน คอยบอกว่ามันโอเคแล้วนะ ทำให้อยากทำผลงานเพลงมาอีกเรื่อย ๆ จะพยายามต่อไปครับ
มิน : สำหรับเราแรงผลักดันมาจากเอเนอจี้ของเพื่อน ๆ ในวงด้วย ความรู้สึกที่ทุกคนยังรักดนตรีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันคือแรงผลักดันที่คอยช่วยเหลือกัน ช่วยให้กลับมาลุยได้อีกครั้ง
นิว : สำหรับผมมันคือการยืนยันในสิ่งที่เรารักต่อไป เพราะว่าผมรักมันจริง ๆ เราก็จะทำมันต่อไปไว้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงไม่ได้เงินผมก็จะเล่นดนตรีอยู่ดี เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของตัวตน ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง The Pursuit of Happiness ผมแบบ ‘If You Want Something, Go Get It. Period.’ ก็แค่นั้นครับ ‘Period’
Track 8 : Music Inspire
นิว : เรื่องของรสนิยมและการสร้างงาน จริง ๆ คุณลอกเขามาแต่เราก็ไม่เหมือนเขาแล้วครับ ยกตัวอย่างให้พัดร้องเป็นศิลปินคนอื่น ร้องยังไงมันก็คือพัด พัดไม่ได้โตมาแล้วมีชีวิตแบบเขา เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวที่จะเหมือนเขา อย่ากลัวที่จะเหมือนไอดอล สมมุติมีคนบอกว่าเราเหมือน Coldplay หรือ The Cranberries ผมขอบคุณนะ เพราะถ้าไม่มีวงเหล่านี้ก็ไม่มีพวกเราแน่นอน ส่วนเรื่องความแตกต่าง ผมคิดว่าแค่คุณหยิบสิ่งที่ชอบ บวกความเป็นคุณใส่เข้าไป ยังไงมันก็แตกต่างกันอยู่แล้ว ผมว่าสิ่งที่สำคัญคือความมั่นใจมากกว่า
พัด : ฟังเยอะ ๆ ค่ะ แล้วเราจะมีอินพุตเยอะ หลังจากนั้นมันก็ต้องเอาท์พุตด้วย ฝึกฝนให้เกิดความสร้างสรรค์ขึ้นมา
นิว : ขอเสริมเรื่องนี้ครับ อินพุตอย่างเดียวไม่พอ ไม่งั้นสิ่งที่คุณพูดว่าอยากทำอย่างนั้นอย่างนี้มันจะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่มีใครเชื่อคุณหรอก คุณต้องลงมือทำ เอาท์พุตมันออกมาด้วย อย่าไปกลัวว่ามันจะดูไม่ดี
ปูน : ถ้าเรามีไอดอลมากกว่าหนึ่งคน ยังไงผลงานมันก็แตกต่างอยู่แล้ว นอกจากนี้เราก็ต้องเสพงานที่มีคุณภาพจริง ๆ เพื่อพัฒนาผลงานไปในทางที่ดี เสพเยอะ ๆ แล้วก็พยายามเอาออกมาใช้เยอะ ๆ ถ้าทำได้
มิน : เสริมครับ ยิ่งถ้าเป็นวงดนตรี แต่ละคนก็มีวัตถุดิบที่ต่างกัน เอามารวมยังไงมันก็เกิดสิ่งใหม่อยู่ดี ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะบอกว่าเราเหมือนใคร ยกตัวอย่างเพลง ‘หลักฐานของการมีอยู่’ มีคอนเมนต์ว่าฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงวง Barbies นึกถึงพี่แมว จิรศักดิ์ สำหรับเราแล้วบุคคลเหล่านี้คือครูเพลงทุกคน เราดีใจนะครับ
นิว : มันมีสิ่งนั้นอยู่ในตัวเพราะเราฟังเพลงเขามาตั้งแต่เด็ก สมมุติว่าผมเรฟการแต่งตัวมาจาก Sid Vicious วง Sex Pistols หรือตัวละคร Ren Honjo ใน NANA แล้วผมเหมือนพวกเขามั้ย ผมก็ยังเป็นผมเหมือนเดิม
Outtro : Nice To ‘Zweed’ You
นิว : ยินดีที่ได้รู้จักชาว MiX Magazine ทุกคนนะครับ หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของพวกเรา ได้ฟังเพลง ‘ช่วงเวลา’ ติดตามมาตั้งแต่แรก หรือแบบไหนก็ตาม ตอนนี้ Zweed n’ Roll ยังคงสร้างสรรค์ผลงาน ยังคงเล่นดนตรีอยู่ครับ เพิ่งปล่อยอัลบั้ม (Z)ometh!ng_E/se? สามารถไปเจอกันได้ทุกที่ตามตารางงานของพวกเราเลยนะครับ ปีนี้พวกเราอยากเจอทุกคนมาก เพราะรู้สึกว่าการได้เจอผู้คน ได้เจอแฟนเพลง มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากมีชีวิตกันต่อไปครับ
พัด : มาเจอกันค่ะ อยากเจอ
ปูน : ขอบคุณที่คอยสนับสนุนกันมาตลอดนะครับ แล้วก็จะพยายามสร้างพลังงานดี ๆ ส่งกลับไปให้ทุกคนนะครับ
Follow Them
Facebook : Zweed n’ Roll / Warner Music Thailand
Instagram : zweednroll
X : zweednroll
Tiktok : zweednroll_band
Youtube : Zweed n’ Roll
Photo by : Ajarin Duangchaemsai