สัมผัสประวัติศาสตร์ภาพ ในและนอกอาเซียน - บทบันทึกที่ยังไม่จบ
บทบันทึกที่ยังไม่จบ
ใครสักคนเคยพูดไว้ว่า “ความเหงาเศร้าเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์ เพราะมันไม่เคยที่จะอยู่ห่างไกลไปจากเรา แม้ในเวลาที่แวดล้อมด้วยผู้คนมากหน้า หรือความสนุกสนานนานา แต่ลึกลงไปในจิตใจของเรานั้นก็มักจะหลีกเร้นด้วยความซึมเศร้า และเปล่าเปลี่ยว ไม่เปลี่ยนแปลง บางทีอาจจะเป็นเช่นที่บางคนกล่าวว่า เราเป็นเพียงผู้พลัดหลงอยู่ ในโลกที่แปลกแยก เพื่อรอเวลาที่จะพลัดพรากจากไปเพียงลำพัง…”
ข้อความที่ยกมาพิมพ์ไว้ข้างบนนี้ แฟน ๆ นักอ่านน่าจะพอคาดเดาได้ ว่าสำนวนแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ของ ประภัสสร เสวิกุล ใช่แล้วค่ะ... ผลงานหลากหลายของคุณภัสสร ยังหลงหูหลงตาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เขาใช้ทำงาน และที่นำมาลงไว้ก็เป็นหนึ่งในผลงานที่ไปค้นเจอ เลยนำ มาฝากท่านผู้อ่าน เพราะช่างเข้ากับบรรยากาศในตอนนี้ ของประเทศเราเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เขาจากไปก่อนนี้เกือบ 6 ปีมาแล้ว แม้แต่เรื่องการล้างธนบัตร ก็มีเขียนไว้ในนวนิยายแนวเหนือจริง เรื่องผีเสื้อกับหิ่งห้อย ของเขามาแล้ว
ส่วนสถานการณ์ปัจจุบัน ในเดือนมิถุนายน 2564 ของเรากับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมารุนแรงและแพร่กระจายรวดเร็ว เข้ารอบที่ 3 และกำลังเดินหน้าสู่รอบที่ 4, 5 และ.... ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ มีสายพันธุ์อินเดีย ที่กำลังแรงแซงโค้งมาให้ต้องระวัง มากยิ่งขึ้น โชคดีที่ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนกันไปบ้างแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ค่ะสำหรับภาพที่นำมาให้สัมผัสประวัติศาสตร์ในฉบับนี้ นอกจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองและ ป้อมปราการที่ยืนหยัดมาอย่างยาวนานแล้ว เพื่อให้ คุณผู้อ่าน MiX ที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้านมาเป็นเวลานาน ๆ จะได้หายเบื่อ เลยค้นภาพอาหารสวย ๆ และอร่อย ๆ มาฝากกันด้วยค่ะ
เมื่อสี่ปีก่อน ได้มีโอกาสกลับไปนั่งกินนอนกินที่อังการ่าอีกครั้งหนึ่ง และอยู่นานเป็นเดือน ๆ แต่ก่อนหน้านู้นนนน... เคยไปอยู่มาแล้วหลายปี ในยุคนั้นมีคนบอกว่า อังการ่า "มีถนนอยู่สายเดียว" เป็นคำบอกที่ฝังจำอยู่ในใจไม่ลืม (เพราะแอบไม่เชื่อ) แต่กลับไปเที่ยวนี้ อังการ่า เมืองหลวงของตุรกีดูทันสมัยขึ้นมาก ตามภูเขาหรือเนินเขา มีบ้าน ตึกสูง ๆ สวยงาม โผล่ขึ้นเต็มไปหมด ทำให้ตุรกียุคใหม่เจอสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิด คือเมื่อฝนตกหนัก ๆ ไม่หยุดเป็นวัน ๆน้ำก็เริ่มเอ่อนอง และไหลจากภูเขาที่มีอยู่มากมาย การไหลของกระแสน้ำฝนที่เชื่ยวกราด ทำให้เราได้เห็นขบวนรถที่จอดไว้บนไหล่ทาง ไหลลงจากเขาพร้อมสายน้ำเชี่ยว โดยไม่มีอะไรขวางได้
ภาพที่นำมาให้ท่านชมกันฉบับนี้ คือป้อมปราการแข็งแรงบนเขาอูรุส ที่มีอายุนับพัน ๆ ปี เรายังคงได้เห็นธงชาติตุรกีโบกไสวอย่างสง่างาม ยังได้เห็นภาพของอตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk) บุรุษเหล็กผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของชาวเติร์ก ผู้กอบกู้ประเทศตุรกีขึ้น เมื่ออาณาจักรออตโตมันที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต เพลี่ยงพล้ำในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อเยอรมันแพ้สงคราม ออตโตมันก็พลอยติดร่างแหไปด้วย ดินแดนหลายแห่งถูกพวกสัมพันธมิตร ซึ่งเป็นฝ่ายชนะสงครามเรียกร้อง ยึดเอาไป จนสุดท้ายสุดสุลต่านก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของฝ่ายสัมพันธมิตร ผู้ชนะสงครามได้จึงตัดสินใจหนี และนั่นเองเป็นจังหวะให้อตาเติร์กตัดสินใจ เข้ามาสร้างตุรกีขึ้นจากดินแดนที่เป็นของชาวเติร์กที่ยังคงเหลืออยู่ ประกาศเป็นสาธารณรัฐตุรกี และเป็นคนเลือกอังการ่าให้เป็นเมืองหลวง เหล่านี้เป็นเรื่องราว ในประวัติศาสตร์ที่ชาวเติร์กรับรู้กันดี
อังการ่ากำลังจะฉลองอายุครบ 100 ปี ของการเป็นเมืองหลวง แต่จริง ๆ แล้วถ้าค้นให้ลึกลงไปจะรู้ว่าดินแดนแถบนี้มีความเจริญ มานานนับเป็นพัน ๆ ปีแล้ว นอกจากป้อมปราการที่อูรุสแล้ว สิ่งหนึ่ง ที่อตาเติร์ก สร้างไว้ก็คือ การหัดให้ชาวบ้านเลี้ยงวัว เพื่อจะได้นำ น้ำนมและเนื้อมาบริโภค บำรุงร่างกายให้แข็งแรง อตาเติร์ก สร้างฟาร์มเลี้ยงโคนม เลี้ยงไก่ เลี้ยงผึ้ง และสอนให้ชาวเมืองรู้จักปลูกผักด้วย สิ่งหนึ่งที่แม้อตาเติร์กไม่อยู่แล้ว แต่ผลิตภัณฑ์จาก ฟาร์มของอตาเติร์กยังอยู่ ที่ขึ้นชื่อก็คือไอติมนมสดที่เหนียวหนึบ และนมสด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ยังมีจำหน่ายมากมาย หลายชนิดและยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย โรงงานยังอยู่ ซึ่งพวกเราได้โฉบไปเยือนมาแล้ว
และนั่นคือประวัติศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังของภาพที่นำมาเสนอในฉบับนี้ค่ะ หลังจากนี้ก็ขอให้ทุกท่าน มีความสุขกับภาพอาหารของชาวตุรกี ที่แค่เห็นก็ชวนให้นึกอยากลิ้มชิมรสกันแล้ว โดยทั่วไปคนตุรกี แม้จะกินเนื้อวัวเป็นหลัก แต่ก็มีไก่ และผักด้วย อาหารเนื้อ ๆ ทั้งหลายส่วนใหญ่เป็นปิ้งย่าง ที่เรียกกันว่า กะบับ และผักต่าง ๆ ก็มาในรูปของสลัด หลายชนิด มีแตงกวา มะเขือเทศ มะนาว เป็นตัวยืน แต่ของโปรดอีกอย่างที่นิยมนำมาทำอาหารคือ มะเขือม่วง มะเขือยาวค่ะ นอกจากจะทานกับแป้งแล้ว คนตุรกียังนิยมกินข้าวด้วยนะคะ โดยใส่หญ้าฝรั่นลงไปผัดก่อนนำไปอบให้สุก ดูจากรูปอาหารแล้วถ้าคุณ ๆ อยากกินรอไว้ให้โควิด-19 จางหายไปแล้ว จะลองไปลิ้มชิมรสของจริงดูเองก็ไม่มีใครว่านะคะ
แต่ตอนนี้ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองกันให้ดี ๆ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยตลอดไป เพราะบทบันทึกนี้ยังไม่จบจริง ๆ