หินปริศนา Legend of Al Naslaa Laser or Erosion

หินปริศนา Legend of Al Naslaa Laser or Erosion

Legend of Al Naslaa Laser or Erosion

หากจะพูดในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยกับซาอุดีอาระเบียนั้น เรื่องราวความสัมพันธ์อาจจะดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ด้วยเรื่องของคดีความที่กระทบในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งกรณีการฆาตกรรมสังหารเจ้าหน้าที่นักการทูตซาอุดีอาระเบีย ที่ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิดได้ การลอบอุ้มสังหารนายมูฮัมมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย และเป็นสมาชิกราชวงศ์ของตระกูลอัล-สะอูด รวมไปถึงการที่ นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนไทยที่ไปทำงานในวังของเจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ลักลอบโจรกรรมเพชรกลับประเทศอีกด้วย ตำรวจไทยไม่สามารถติดตามเพชรของกลางหลายรายการกลับส่งคืนให้ซาอุดีอาระเบียได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเพชร “บลูไดมอนด์” ซ้ำยังมีการเปลี่ยนของกลางขณะส่งคืน ให้กับประเทศซาอุฯอีกด้วย  

ด้วยหลาย ๆ ประการที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทย กับ ซาอุฯ นั้นไม่สู้ดีนัก ถูกลดระดับความสัมพันธ์การค้าขาย รวมถึงความร่วมมือระดับสูงในทุกด้าน ลงมาอยู่ระดับต่ำสุดออกข้อจำกัดเกี่ยวกับแรงงานไทยในการไปทำงานที่ประเทศตนเอง รวมถึงสั่งห้ามประชาชนของซาอุดีอาระเบียเดินทางมาประเทศไทยอีกด้วย ในมุมของการศึกษาประวัติศาสตร์นั้น ความสัมพันธ์ที่เกิดรอยร้าวดังกล่าว มีผลต่อการศึกษาประวัติศาสตร์หลาย ๆ ด้าน เพราะประเทศซาอุฯ เป็นพื้นที่ที่มีความเกี่ยวพันทั้งทางศาสนา และทางประวัติศาสตร์หลายอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิหารกะบะห์ กรุงเมกกะ ศูนย์กลางของการประกอบพิธีฮัจญ์ และเป็นที่สถิตของหินดำศักดิ์สิทธิ์ของชนชาวอิสลาม (ยังโชคดีที่ทางประเทศ ซาอุฯ ยังอนุญาตให้กับชาวไทยมุสลิมให้สามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้)เมือง มาดีนะห์ หรือ เมดีนา เมืองทางประวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวพันทางศาสนาอิสลาม อันมีความสำคัญไม่แพ้ กรุงเมกกะ ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ฝังพระศาสนฑูตมุฮัมมัด อยู่ในมัสยิดอันนะบะวีหรือมัสยิดศาสนทูตในที่แห่งนี้นั่นเอง

 

หากศึกษาในเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ได้รับการไขปริศนานั้น ที่ประเทศซาอุฯ นี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง แต่ที่น่าจะมีชื่อเสียงและเป็นปริศนาที่สุดคงหลีกหนีไม่พ้น Al Naslaa หินผ่าซีกลึกลับที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่า ในยุคโบราณในดินแดนก่อนที่ประเทศนี้ จะมีนามว่าประเทศซาอุฯ คนในสมัยโบราณนั้นได้ใช้เทคโนโลยีใด ในการตัดหินก้อนนี้ให้ขาดออกจากกันได้อย่างเรียบเนียน หรืออาจจะเป็นไปโดยเหตุความบังเอิญจากธรรมชาติ

ขอขยายความให้ท่านผู้อ่านทราบก่อนว่า หินแปลกก้อนนี้ มีอายุมากกว่า 4,000 ปี ตัวของมันตั้งอยู่ในโอเอซิสเทย์มาเป็นจุดถ่ายภาพ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศซาอุฯ ด้วยจุดเด่นของหินก้อนนี้ที่มีรอยผ่าซีกที่เรียบเนียนดั่งมีดตัดเนย ราวกับใครเอาเลเซอร์มาผ่าครึ่งมันออกจากกัน นอกจากรอยผ่าครึ่งก้อนหินที่เรียบเนียนราวกับถูกผ่าด้วยเลเซอร์ หิน Al Naslaa ที่ถูกผ่าแยกออกเป็นสองซีกนี้ แต่ละซีกนั้นยังตั้งอยู่บนแท่นเล็ก ๆ ที่รองรับหินซีกทั้งสองก้อนอย่างสมดุล และมันอยู่ที่ตรงนี้มากว่า 4,000 ปี มันอยู่อย่างนี้มาได้อย่างไร หากคิดในตรรกะการทรุดของแผ่นดิน การเคลื่อนของเปลือกโลก หรือทฤษฎีน้ำใต้ดิน มันก็ไม่น่าที่จะทำให้หินสองก้อนนี้ยังทรงตัวอยู่ได้ 

สิ่งที่เรียบนั้นไม่ใช่เพียงแต่รอยตัดตรงกลางเท่านั้น บริเวณด้านหน้าของหิน Al Naslaa ก็มีพื้นผิวที่เรียบเหมือนถูกเลเซอร์ผ่าเช่นกัน และที่สำคัญก็คือบนพื้นผิวด้านหน้านี้ยังปรากฏร่องรอยของ เปโตรกลีฟ (Petrogylph) ศิลปะสกัดหินในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เป็นรูปม้าอยู่บนพื้นผิวก้อนหิน นั่นแสดงว่าหินก้อนนี้ได้มีความเชื่อมโยงบางอย่างกับมนุษย์ยุคโบราณและได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการสกัดหิน มาสู่มนุษย์ในปัจจุบันนั่นเอง หินก้อนนี้มีความเป็นปริศนามากมายครับ โดยเฉพาะในเรื่องของการตั้งสมมุติฐานที่ว่า มนุษย์ในยุคโบราณนั้นใช้เทคโนโลยีใดในการตัดหินก้อนนี้ออกจากกัน ที่แน่ ๆ ก็คือรอยตัดนั้นมันเรียบเนียน เกินกว่าจะเป็นฝีมือธรรมชาติสรรค์สร้างเป็นแน่ ๆ ดังนั้นในเรื่องของการเกิดรอยเขยื้อนของเปลือกโลก ที่ทำให้หินแยกออกจากกัน เลยไม่น่าที่จะเป็นไปได้อย่างแน่นอน

สมมุติฐานมีอย่างหลากหลาย บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ยุคโบราณ ใช้ลวดขนาดยักษ์ค่อย ๆ ทำการเลื่อยหินออกจากกัน ก็มีความเป็นไปได้ แต่บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวที่ใช้เลเซอร์ในการตัดนั่นเอง ซึ่งก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าใด อย่างไรก็ตามหิน Al Naslaa ยังคงเป็นปริศนาทั้งจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม Al Naslaa ยังคงเป็น landmark ที่สำคัญของประเทศซาอุฯที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ คนไทยน้อยคนนักครับที่จะมีโอกาสได้ไปสังเกต และเก็บภาพจากสถานที่จริงในประเทศซาอุฯนี้ อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ทำให้เกิดรอยร้าวทางความสัมพันธ์ต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตามผมได้รับข่าวดีบางอย่างว่า ประเทศไทยและประเทศซาอุฯนั้น กำลังมีการวางแผนในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในขณะนี้ นับจากที่เกิดรอยร้าวมากว่า 30 ปี

โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของประเทศซาอุฯ ได้ส่งเทียบเชิญ มายัง รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของไทย เชิญให้มาเยือนยังประเทศซาอุฯ ซึ่งก็ได้มีการเดินทางไปตามเทียบเชิญและได้มีการพูดคุยในหลายประเด็นหลัก ซึ่งประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งข่าวนี้ถือเป็นพัฒนาการในทางบวกที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคตนั่นเอง

Al Naslaa หินผ่าซีกลึกลับที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่าคนในสมัยโบราณนั้นได้ใช้เทคโนโลยีใด ในการตัดหินก้อนนี้ให้ขาดออกจากกันได้อย่างเรียบเนียน