FEVER : Outro Fever บทบันทึกไอดอล ซินธ์ป็อป และความแตกต่างที่ลงตัว

FEVER : Outro Fever บทบันทึกไอดอล ซินธ์ป็อป และความแตกต่างที่ลงตัว

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบไอดอลหรือไม่ หากคุณเป็นนักฟังเพลง คงเคยได้ยินคำว่า “ไอดอล” ผ่านหูมาบ้างไม่มากก็น้อย และเมื่อพูดถึงวงไอดอลอันมากมายในบ้านเรา แน่นอนว่า FEVER คือหนึ่งในวงที่โดดเด่นขึ้นมา ด้วยภาพลักษณ์และแนวเพลงที่ชัดเจน แตกต่างจากวงไอดอลวงอื่นอย่างเห็นได้ชัด และนับตั้งแต่ปล่อยเพลง “Start Again” เรื่อยมาจนถึง “Crush!” ซิงเกิลพิเศษจากรายการ LODI X NEXT IDOL ที่พวกเธอร่วมกันฝึกฝนพัฒนาทักษะ จนคว้าแชมป์แรกของรายการได้สำเร็จ และเนื่องในวาระที่ทาง FEVER มีเหตุให้ต้องยุติบทบาทของวงลงท่ามกลางความรู้สึกอันหลากหลายจากเหล่าแฟนคลับ ทางเราจึงขอหยิบยกบทสัมภาษณ์ของวงขึ้นมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง เพื่อเป็นการเก็บบันทึกเรื่องราวของกลุ่มเด็กสาวผู้มีฝันในชื่อ “FEVER”

พวกเราคือ FEVER

FEVER คือวงที่ยืนอยู่ในจุดกึ่งกลางระหว่างความเป็นไอดอลและศิลปินอินดี้ ประกอบด้วยสมาชิกทั้งสิ้น 12 คน โดยวง FEVER เกิดขึ้นจากแนวคิดของคุณปลั๊ก อธิปติ ไพรหิรัญ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารค่าย Roamrun Entertainment กับไอเดียที่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับไอดอลในบ้านเราเหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ ดังนั้นคอนเซ็ปต์ โปรดักชั่น และเพลง จึงเป็นสิ่งที่ค่ายให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของเพลง

“วงเราค่อนข้างมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร เพลงของวงเราค่อนข้างแตกต่างจากวงอื่น เพราะถ้าพูดถึงไอดอลแล้ว ทุกคนก็จะแบบเพลงมันต้องเป็นแนวนั้นแนวนี้ เขาจะ Studio Type กันไปในแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วผลงานเพลงมันไม่ได้มีแค่อย่างเดียว อยากให้ทุกคนลองเปิดใจฟังเพลงของพวกเราก่อน เพราะทีมเพลงของเราฝีมือคุณภาพมาก ๆ” บีมบีม

FEVER เปิดตัวด้วยซิงเกิลแรกด้วยเพลง Start Again, Ghost World และ Password ตามลำดับ กับแนวเพลงซินท์ป็อป-ซิตี้ป็อป ซึ่งทั้งสามเพลงล้วนได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งกลุ่มแฟนคลับ และเหล่านักฟังเพลงโดยเฉพาะสายเพลงอินดี้ สืบเนื่องมาจากทีมเพลงของวงที่ประกอบด้วยเหล่าคนดนตรีจากแวดวงอินดี้ อาทิ คุณเฉลิมพล สูงศักดิ์ จากวง Gym and Swim, คุณปกป้อง จิตดี จากวง Plastic Plastic เป็นต้น

 

เหตุผลในการสมัครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ FEVER

ป๊อป : จริง ๆ หนูชอบดูพวกนักร้องนักแสดงอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ ด้วยบุคลิกที่เหมือนไม่ค่อยกล้าแสดงออกเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีความมั่นใจ เลยอยากจะลองทำดู พิสูจน์ตัวเองว่าจะทำได้หรือเปล่า แล้วก็อยากจะเอาชนะตัวเองด้วย

ฟอล์ย : ชอบไอดอลอยู่แล้วค่ะ เป็นวงไอดอลญี่ปุ่นชื่อ Keyakizaka 46 ก็เลยอยากลองเป็นไอดอลดูบ้าง

ซี : มันเริ่มมาจากการที่ว่าซีรู้สึกว่าเรามีเวลาว่างตอนปี 3-4 เพราะดร็อปเรียน เลยอยากจะทำอะไรที่ตอบแทนกลับคืนสู่สังคมในช่วงเวลาที่ว่าง แล้วช่วงนั้นคำว่าไอดอลมันเริ่มเป็นกระแสขึ้นมา ซีรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สามารถเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ใครสักคนได้เสมอ เป็นกำลังใจให้เขาได้ เลยตัดสินใจสมัครค่ะ

ปาย : เพราะว่าเราเล่นดนตรีมาก่อน พอเห็นชื่อทีมเพลง ก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากเข้ามาทำตรงนี้ค่ะ

บีม : เข้ามาด้วยเพราะว่าเห็นชื่อทีมเพลง เป็นเพลงแนวที่หนูชอบฟังอยู่แล้ว เลยตัดสินใจสมัครเข้าวงค่ะ

บีมบีม : การเป็นไอดอลมันคือความฝันที่ยังค้างคาของบีม ตอนแรกบีมเคยไปสมัครไอดอลวงหนึ่ง มันแบบกำลังจะก้าวขาเข้าไป แต่เราก็ไม่ได้ทำ หลังจากนั้นตอนทำงานเป็นแอร์โฮสเตสแล้ว บีมเห็นไอดอลหลาย ๆ วงเริ่มเปิดตัว เริ่มรู้สึกว่าอยากลองดูอีกครั้ง พอ FEVER เปิดรับสมัคร ก็สอบถามทีมงานไปว่าถ้าทำงานเป็นแอร์โฮสเตสไปด้วย สามารถเป็นเมมเบอร์ของวงได้ไหม เขาบอกว่าได้ ก็เลยทำทั้งสองควบคู่กัน

 

คำว่า “ไอดอล” ในมุมมองของเรา

ป๊อป : หนูรู้สึกว่าไอดอลเป็นคนที่สร้าง Inspiration ให้คนอื่นได้ แล้วก็ค่อยให้กำลังใจ ให้ความสุขกับคนอื่น

ฟอล์ย : คำว่าไอดอลอารมณ์คงเหมือนเหมือนไอคอนมั้งคะ

ปาย : หนูคิดว่าไอดอลควรจะเป็นตัวของตัวเอง

บีมบีม : ไอดอลน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่น จริง ๆ แล้วบีมไม่มองว่าตัวเองเป็นไอดอลด้วยซ้ำ  คือเราก็ต้องมีมุมที่ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน คำว่าไอดอลมันอาจสูงไปสำหรับคำจำกัดความของเรา บีมมองว่าตัวเองใกล้เคียงกับคำว่าศิลปินมากกว่า คำนี้มันดีกว่าจริง ๆ แล้วไม่อยากจะจำกัดความอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่ามันยาก

บีม : บีมมองว่าไอดอลก็คือคนธรรมดา ไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร ไม่ทำผิดจนติดคุก เป็นแบบอย่างที่ดีในแง่ใดแง่หนึ่ง

ซี : ไอดอลในความคิดของซีอาจเหมือนที่หลาย ๆ คนตอบไปนะคะ คือเป็นตัวอย่างแบบแผนให้ใครสักคนหนึ่งในด้านในด้านหนึ่งค่ะ

 

โมเมนต์ในความทรงจำของการเป็นเมมเบอร์ FEVER

ป๊อป : นึกถึงวันเดบิวต์สเตจค่ะ วันนั้นคือเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนมาดูเยอะแค่ไหน พอขึ้นมาบนเวทีก็ได้เห็นคนมารอดูเราเยอะมาก

ปาย : วันเดบิวต์สเตจ ตอนขึ้นไปบนเวทีมันตื่นเต้นมากจริง ๆ ค่ะ และเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับแฟนคลับ ได้เห็นว่ามีคนมาเชียร์เราเยอะมาก

บีมบีม : นึกถึงตอนบูมก่อนขึ้นแสดง มันเป็นโมเมนต์ที่ทุกคนมารวมตัวกัน หันมามองหน้ากัน แล้วก็บูม “ FEVER! FEVER! FEEEEEEEEEEVER!” เป็นโมเมนต์ที่ดีในทุกการแสดงทุกคอนเสิร์ตเลยค่ะ

บีม : นึกถึงโมเมนต์หลังแสดงเสร็จ แบบเรามารวมตัวให้กำลังใจกัน พุดคุยกันว่าวันนี้เราผิดพลาดอะไรบ้าง ให้คำแนะนำกัน แล้วค่อยเริ่มใหม่กันนะ

ฟอล์ย : เป็นทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเมมเบอร์ค่ะ อย่างเช่นตอนซ้อม ตอนแสดง หรือตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน

ซี : สำหรับซีคือทุกครั้งที่ซ้อม มันจะมีโมเมนต์ที่เหนื่อยที่ท้อ แต่ในทุกครั้งเมมเบอร์ก็จะเดินเข้ามากอด เข้ามาปลอบ แบบไม่เป็นไรนะ เป็นกำลังใจให้นะ เป็นแบบนี้เสมอไม่ว่าจะเพลงไหน วันไหน เดือนไหน ปีไหนเลยค่ะ

 

ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเป็น FEVER

บีมบีม : บีมไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่าจะได้ขึ้นเวที เหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าความฝันของเรามันค้างคา อาจจะไม่มีโอกาสแล้วด้วยซ้ำเพราะเราได้ทิ้งจุดนั้นไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าเรามีโอกาสได้ทำ ได้ขึ้นบนเวที มันดีมากจริง ๆ การที่เราขึ้นไปร้องเพลงแล้วมีคนคอยเชียร์ให้กำลังใจ มันค่อนข้างมาไกลจากสิ่งที่เราฝันเหมือนกัน ที่สำคัญบีมค่อนข้างชอบเพลงของวงตัวเองมาก รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ร้องค่ะ

บีม : ทำให้เราโตขึ้นอีกขั้นหนึ่งในแง่ของการทำงาน ได้พบผู้คน ได้อยู่ในสังคมที่หลากหลาย ถ้าไม่ได้มาเป็นเมมเบอร์ก็คงแค่ทำงานธรรมดา

ซี : รู้สึกว่าซีแคร์คนอื่นมากขึ้น มองเห็นหลายอย่างมากขึ้น ได้เติบโตขึ้น ได้มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่ออะไรหลายอย่างมากขึ้นค่ะ

ฟอล์ย : ฟอล์ยเข้ามาอยู่ใน FEVER ในช่วงที่กำลังเป็นวัยรุ่นพอดี ประมาณมัธยม 4-5 ตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่มอบประสบการณ์ต่าง ๆ ให้หนูมากที่สุดเลยค่ะ

ปาย : ปกติหนูเป็นคนพูดเก่ง แต่แบบให้ออกไปพรีเซนต์หน้าห้องเรียนหนูจะทำไม่ได้ การเป็น FEVER มันทำให้หนูได้พบเจอผู้คน ได้ทำการแสดง ได้มีความกล้าที่จะยืนอยู่ข้างหน้ามากขึ้น

ป๊อป : หลายอย่างเลยค่ะ คือช่วยให้หนูได้ปลดปล่อยตัวเอง ได้พูดกับผู้คนมากขึ้น ได้ค้นพบตัวเองในด้านที่ไม่คิดเลยว่าจะมีมาก่อน ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง เพิ่มสกิลร้องเต้น และที่สำคัญคือได้เพื่อนดี ๆ ด้วยค่ะ

Follow Them
Facebook : FEVERTH
Youtube : FEVER Thailand
 

Photo : Satchaphon Rungwichitsin

FEVER : Outro Fever บทบันทึกไอดอล ซินธ์ป็อป และความแตกต่างที่ลงตัว