"เบี้ยแก้" คุณไสย มนตร์ดำ ยาสั่งแก้ไขจากร้ายให้กลายเป็นดี

"เบี้ยแก้" คุณไสย มนตร์ดำ ยาสั่งแก้ไขจากร้ายให้กลายเป็นดี

คำศัพท์ “มูเตลู” เป็นคำศัพท์ที่ใหม่สำหรับผมมาก ผมได้ยินคำนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ทราบที่มาและเข้าใจถึงความหมายของมันเลย คำว่า “มูเตลู” หรือ “สายมู” เมื่อ Search เข้าไปใน google ปรากฏความหมายขึ้นมาว่า “บูชาและความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องราง ของขลัง ไปจนถึงพิธีกรรมที่มีความหมายเชิงบวก สื่อถึงการเสริมดวงชะตาชีวิตด้านต่าง ๆ ทั้งการเรียน การงาน การเงิน ความรัก ดึงดูดทรัพย์และโชคลาภ ไปจนถึงการคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย” ซึ่งจากความหมายที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถสรุปได้อย่างง่ายว่า มันคือการหาของวิเศษเสริมดวงนั่นเอง เครื่องรางของขลังที่ผมพบเห็นสำหรับสาย “มูเตลู” ในปัจจุบันนี้ มักจะออกไปในทิศทางของแฟชั่นเครื่องรางโดยส่วนมาก แต่สำหรับผมแล้วเป็นคนที่ชอบในเรื่องของเครื่องราง แต่ผมไม่ได้เต้นไปตามกระแส เพราะในใจผมนึกถึงเครื่องรางของขลังเพียงชนิดเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ “เบี้ยแก้” โดยแค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า เป็นการแก้จากร้ายให้กลายเป็นดี

ซึ่ง “เบี้ยแก้” นั้นมีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ รุ่นปู่ รุ่นทวด กว่าหลายร้อยปีมาแล้ว เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งสำหรับแก้คุณไสย มนตร์ดำ ยาสั่งแก้ไขจากร้ายให้กลายเป็นดี แก้กันสิ่งอาถรรพณ์ที่จะให้โทษ อีกทั้งเสริมดวงและสิริมงคลต่อตัวผู้ใช้ถือครอง การจะสร้างเบี้ยแก้นั้น ในแต่ละสำนักที่มีชื่อมีกระบวนการ ขั้นตอนในการสร้างที่ไปในทิศทางเดียวกันคือ การนำเอาหอยเบี้ยมาบรรจุปรอท แล้วอุดด้วยชันโรงใต้ดิน หุ้มด้วยแผ่นตะกั่วหรือผ้า แล้วนำมาถักด้วยเชือกทารัก หรือยางมะขวิด จากนั้นเกี่ยวด้วยขอโลหะ หรือบางสำนักใช้ “ทองแดงเถื่อน” เป็นตัวเกี่ยวร้อยเชือกในการ พันรอบบั้นเอวนั่นเอง ซึ่งจากองค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการสร้าง “เบี้ยแก้” ทั้งสิ้น โดยแต่ละองค์ประกอบขยายความได้ดังนี้

“ปรอท” เป็นสิ่งมีชีวิต มีฤทธิ์ในตัวเป็นรองเพียงแต่เหล็กไหลแม้จะยังไม่ผ่านพิธีปลุกเสกแต่ก็มีฤทธิ์ในตัว ภูตผีปีศาจกลัวแร่ชนิดนี้ ซึ่งคณาจารย์ในสมัยโบราณจะทำการเสกให้ปรอท วิ่งเข้าไปอยู่ใน “เบี้ย” ที่เตรียมไว้ในการจัดสร้างเบี้ยแก้ ซึ่งในหนึ่งฝาเบี้ยจะมีปรอทอยู่น้ำหนัก 1 บาท หรือประมาณ 15.244 กรัม
“ชันโรงใต้ดิน” โดยชันโรงใต้ดินเป็นของอาถรรพณ์อยู่ที่ไหนที่นั่น จะไม่ไหม้ไฟมีฤทธิ์ตามธรรมชาติเป็นมหาอุด กันไฟ กันคุณไสยได้ซึ่งชันโรงใต้ดินคณาจารย์ใช้ปิดปากเบี้ยไม่ให้ปรอทหนีตะกั่วนั่นเอง
“น้ำรักสีดำ” ถือเป็นเคล็ดความศักดิ์สิทธิ์อีกประการหนึ่งว่า คำว่า “รัก” มีความหมายที่ดี คือเป็นที่รัก ที่เมตตาของคนทั่วไป เมื่อนำรักมาย้อมหุ้มเบี้ยแก้ย่อมเพิ่มอำนาจทางเสน่ห์เมตตา

เมื่อผ่านกระบวนการจัดทำจัดสร้างทั้งหมด ผ่านการปลุกเสกโดยคณาจารย์ ก็ถือเป็นอันใช้ได้ ซึ่งเบี้ยแก้ถือเป็นเครื่องรางที่ไม่มีผลร้ายอีกทั้งไม่มีข้อห้ามใด ๆ ต่อผู้ใช้ ซึ่งโดยปกติเครื่องรางของขลัง โดยทั่วไปมักจะมีข้อห้ามบางอย่าง เช่นห้ามเดินรอดราวตากผ้า ห้ามผู้อื่นเดินข้ามหัว ห้ามมุดใต้ถุน หากผู้ใดไม่ทำตามจะทำให้ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเสื่อมลงไป แต่เบี้ยแก้ไม่มีข้อห้ามใด ๆ เลย โดยเบี้ยแก้ ที่มีชื่อเสียง และเป็นที่ตามหากันของผู้นิยมสะสมเครื่องรางนั้นส่วนใหญ่มาจาก 3 แหล่งที่ดังนี้ 

เบี้ยแก้ วัดนายโรง เป็นสุดยอดเบี้ยแก้ ที่ หลวงปู่รอด สร้างเสกไว้ด้วยวิชาอาคมและพุทธาคมที่ล้ำเลิศ ซึ่งท่านเป็นพระในยุคสมัยเดียวกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) และหลวงปู่ เอี่ยม วัดสะพานสูง การจัดสร้างเบี้ยแก้ของท่านจะค่อนข้างพิถีพิถัน เบี้ยเปลือกหอยต้องมีฟันเบี้ย 32 ซี่เหมือนมนุษย์ พร้อมปรอท ชันโรงดินพร้อมแผ่นตะกั่วทุบลงอักขระขอมโบราณ กล่าวกันจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า หลวงปู่รอดจะบริกรรมปลุกเสกแต่ในเวลากลางคืนเท่านั้น จากนั้นจะนำไปถักเชือกโดยลูกศิษย์ของหลวงปู่ เป็นลายตาข่ายเพชร หรือลายจระเข้ขบฟันมีพุทธคุณและประสบการณ์มากมาย ทั้งป้องกันคุณไสย แก้เรื่องร้ายให้กลับกลายเป็นดี ป้องกันดวงตกดวงต่ำ นำพาให้ผู้บูชาประสบพบแต่ความสุขความเจริญ ป้องกันฝันร้าย ปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไปอีกทั้งมีพุทธคุณทางด้านทำมาค้าขึ้นอีกด้วย ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดจึงเป็นที่เฝ้าหาและเป็นที่ต้องการของนักสะสมมาอย่างช้านาน ราคาเช่าซื้อหากันในเวลานี้กว่าล้านบาท

เบี้ยแก้ วัดกลางบางแก้ว เบี้ยแก้ต้นตำรับของที่นี่มาจาก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว สุดยอดพระคณาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีนผู้มีความเชี่ยวชาญเวทมนตร์คาถาทั้งพุทธคุณและไสยศาสตร์และเป็นสหธรรมิกที่สนิทสนมกับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ คณาจารย์ผู้เป็นเลิศและต้นตำรับพระกริ่งหลาย ๆ องค์ของประเทศไทย สรรพคุณและการปลุกเสกของเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ คล้ายเฉกเช่นหลวงปู่รอด ต่างเพียงลวดลายการถักเชือก และการใช้ทองแดงเถื่อน ในการร้อยติดเช้ากับเบี้ยอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัดกลางบางแก้ว ราคาเช่าหาในปัจจุบันนี้ ตั้งแต่หลักแสนปลายจนถึงหลักล้านกว่าบาท ซึ่งปัจจุบัน วิชาการจัดสร้างเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญได้ถูกส่งต่อมายังลูกศิษย์คือ หลวงปู่เพิ่ม และ หลวงปู่เจือ ตามลำดับมา 3 รุ่น ซึ่งปัจจุบัน หลวงปู่เจือได้มรณภาพไปแล้ว ปัจจุบันยังหาคณาจารย์ ที่สืบทอดวิชาได้เฉกเช่นสามท่านนี้ยังไม่ได้

เบี้ยแก้ หลวงพ่อภักตร์ หลวงพ่อภักตร์ แห่งวัดโบสถ์ อ่างทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันก็ยังมีชื่อเสียงเป็นอมตะ ท่านได้วิชาพุทธาคมมาจากพี่ชาย คือ ครูวาต ซึ่งอดีตเคยเป็นขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่อยู่แถวชานเมืองอ่างทองและสุพรรณบุรี มีลูกศิษย์ที่เป็นเสือร้ายอยู่มากมาย ต่อมาภายหลังได้กลับตัวมาเป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ และถ่ายทอดวิชาอาคมให้ หลวงพ่อภักตร์ โดยเฉพาะวิชาการทำ เบี้ยแก้ ซึ่ง เบี้ยแก้ หลวงพ่อภักตร์ ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเครื่องรางของขลังที่มีพุทธคุณครบทุกด้าน โดยเฉพาะการป้องกันคุณไสย กลับร้ายเป็นดี แคล้วคลาด และคงกระพัน ปกป้องคุ้มครองภัย ราคาเช่าซื้อหาอยู่ที่หลัก แสนกลาง ๆ เอกลักษณ์เฉพาะของเบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ คือ การถักเปิดให้เห็นลายเบี้ยหอยบริเวณตรงกลางนั่นเอง

 

เบี้ยแก้ นั้นมีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ รุ่นปู่ รุ่นทวด กว่าหลายร้อยปีมาแล้ว เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งสำหรับแก้คุณไสย มนตร์ดำ ยาสั่งแก้ไขจากร้ายให้กลายเป็นดี แก้กันสิ่งอาถรรพณ์ที่จะให้โทษ อีกทั้งเสริมดวงและสิริมงคลต่อตัวผู้ใช้ถือครอง