ลูกทุ่งไทยในสายเลือด "โอ๋ ซีเปีย - เจษฎา สุขทรามร"

ลูกทุ่งไทยในสายเลือด "โอ๋ ซีเปีย - เจษฎา สุขทรามร"

คุณเจษฎา สุขทรามร หรือที่นักฟังเพลงไทยรู้จักในนาม โอ๋ ซีเปีย, โอ๋ ดูบาดู และ โอ๋ บางอ้อ จากการทำวงดนตรีในแนวต่าง ๆ เส้นทางศิลปินของเขาเริ่มตั้งแต่การทำวงดนตรีใต้ดินอันโด่งดัง ซีเปีย ออกอัลบั้มแรกในปี พ.ศ. 2537 และตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา เขาได้เป็น Producer ให้กับค่ายเพลงและศิลปินจำนวนมาก และเป็น Music director ผลิต Concert ให้กับศิลปินดังระดับประเทศมากมาย อาทิ ธงไชย แมคอินไตย์, อุดม แต้พานิช, นิโคล เทริโอ, Slot Machine, อัยย์ พรรณี วีรานุกูล, ใหม่ เจริญปุระ, สุเมธ แอนด์ เดอะ ปั๋ง ฯลฯ ทำเพลงในรูปแบบ Swing Jazz ร่วมกับนักร้องหญิงเสียงดีอย่างลูกหว้าในชื่อ ดูบาดู (DOObaDOO)

ปัจจุบันเขาได้ทำวงดนตรีลูกทุ่ง ในแบบย้อนยุค โดยมีเครื่องดนตรีสามชิ้น อย่าง แอคคอร์เด็ยน, ดับเบิลเบส และเพอร์คัสชั่น ลีลาดนตรีทำออกมาเหมือนเพลงในยุคครูสุรพล สมบัติเจริญ โดยมีนักร้องรับเชิญชื่อดังหลายท่านอาทิ สุรชัย สมบัติเจริญ, เล็ก ทีโบน, สิงโต นำโชค เป็นต้น

“เสน่ห์ของเพลงลูกทุ่งมันคือชีวิต เวลาฟังแล้วมันเหมือนย้อนเวลาได้จะเห็นภาพวัยเด็ก เพลงลูกทุ่งเก่า ๆ อย่างสมัยครูสุรพลเนี่ย สมมุตินะเด็กที่เกิดปีนี้ แล้วพอเขาอายุ 70 ปี เขาจะอินกับมันหรือไม่อันนี้ไม่แน่ใจ แต่วันนี้ยังมีคนอายุ 60-70 ปี ที่ทันก่อนสุรพลเสียชีวิต ทันได้ฟังวิทยุ ทันได้ดูการแสดงสด ก็จะอินจะชอบ เหมือนตัวผมเอง วัดบางอ้อนอก (วัดเลขธรรมกิตติ์) เปิดเพลงรักจางที่บางประกงบ่อย และได้ดูนักร้องลูกทุ่งแสดงสดครั้งแรก ได้ดูคอนเสิร์ตของสังข์ทอง สีใส คือภาพพวกนี้มันฝังใจเรา ประทับใจ

“ลูกทุ่งมันอยู่ในสายเลือด ตอนเด็กเราเล่นคีย์บอร์ดไฟฟ้า แกะเพลงดิอินโนเซ้นท์ เริ่มเล่นกีตาร์จากเพลงเพื่อชีวิต อย่างคนด่านเกวียน ตอนออกเทปครั้งแรกทำแนวพังก์ ร็อค จากนั้นก็เล่นแจ๊สมาเรื่อย ๆ ทำเพลงแจ๊ส แต่ลูกทุ่งเราฟังตั้งแต่เด็ก พี่คิดว่าตัวพี่เองมีความเป็นลูกทุ่งมากกว่าแจ๊ส มากกว่าร็อค มากกว่าทำออร์เคสตรา มากกว่าทุก ๆ อย่าง เพราะฉะนั้น โอ๋ บางอ้อ คือลูกทุ่งครับ” 

บ่มเพาะและซึมซับ

“บ้านเกิดคือตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก อยู่ใกล้วัด ตรงนี้มีวัดอยู่สองวัด คือวัดบางอ้อนอก และวัดบางอ้อใน ผมมีพี่น้อง 2 คน มีน้องชายที่อายุห่างกัน 4 ปี ตอนเด็ก ๆ ก็เรียนประถมที่โรงเรียนวัดเลขธรรมกิตติ์ ซึ่งอยู่ข้างบ้านเลย บ้านติดกับวัดเพราะคุณทวดซึ่งเคยเป็นกำนัน ได้รวบรวมคนมาบูรณะวัด เรียนที่นี่ตั้งแต่ ป. 1-6 “บ้านผมเป็นครอบครัวข้าราชการ คุณตาก็เป็นข้าราชการ แต่คุณยายเป็นแม่บ้าน พอคุณตาเสียชีวิต สิ่งที่คุณยายทำเพื่อเลี้ยงแม่และน้าคือการเย็บผ้า ตอนเด็ก ๆ ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าเลย เพราะคุณยายจะตัดเสื้อกุยเฮงให้ จะเป็นเสื้อเหมือนที่อาแปะใส่ ทำด้วยผ้าบาง ๆ คุณแม่เป็นข้าราชการ แต่ท่านเล่าว่าตอนเด็ก ๆ อยากเป็นลิเก แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีก็ต้องสอบทุนเรียนฟรี แล้วมีเบี้ยเลี้ยงก็จบมาเป็นข้าราชการ คุณพ่อคุณแม่เป็นข้าราชการ ไม่ได้รวยแต่ก็ไม่ลำบาก ฐานะปานกลาง

“เพราะบ้านอยู่ใกล้วัด สิ่งที่ซึมซับก็คือเพลงลูกทุ่ง หนังกลางแปลง ลิเก และก็แข่งเรือ สมัยก่อนมีแข่งเรือ ลานวัดก็เป็นที่พบกันของพวกเราในวัยเด็ก ขี่จักรยานยกล้อก็มารวมกันที่ลานวัด ตอนมัธยมต้นก็เข้าไปเรียนในตัวเมือง เป็นเด็กไม่เกเร ออกจะตุ๊ด ๆ ด้วยซ้ำ พี่สนิทกับตุ๊ดเยอะมาก อยู่ในกลุ่มเด็กซน แต่พี่ค่อนข้างเรียนดี อยู่ประมาณที่ 3-10 ของโรงเรียน ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี “สมัยนั้นใครที่อยากเข้ามหาวิทยาลัยได้ต้องเรียนค่อนข้างดี ประมาณแบบท็อป 20 ของโรงเรียนประจำอำเภอ ประจำจังหวัด ใฝ่ฝันว่าจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดม เนื่องจากว่าเปอร์เซ็นต์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สูงมาก เพราะเต็มไปด้วยคนเก่ง แถมน้าก็อยู่กรุงเทพด้วย ก็เลยมาอาศัยบ้านเขาตอนมัธยมปลาย แต่วันที่ไปสมัครเข้าเตรียมอุดมรถติดมาก บ้านอยู่เสนานิคม แต่โรงเรียนอยู่กลางเมืองเลย ก็เริ่มท้อกับการเดินทาง น้าก็เลยแนะนำที่โรงเรียนบดินทรเดชาอีกที่หนึ่ง ก็เลยไปสมัครที่นั่นแทน”

เข้าสู่ถนนสายดนตรี

“เริ่มหัดกีตาร์ตอน ม. 4  จำได้ว่าอยู่ ม. 1 พยายามสอบได้คะแนนดี เพื่อจะขอให้พ่อซื้อคีย์บอร์ด Casio เล็ก ๆ ชื่อรุ่น VL1 ที่จะมีโปรแกรมอัตโนมัติไปเล่าให้ใครฟังคือรู้เลย กดปุ่มมันจะมีเพลงประจำเครื่อง เป็นเดโม่ ก็จะเป็นคีย์บอร์ดที่เล่นคอร์ดไม่ได้เพราะมันกดได้ทีละโน้ต

“พอเราเริ่มเป็นวัยรุ่น ที่บ้านเขาไม่อยากให้เล่นดนตรีเพราะกลัวเสียการเรียน แต่เราชอบเพลงก็เล่นสิ พอมีคีย์บอร์ดก็หัดแกะเพลง เพลงลูกทุ่งที่ได้ยิน ที่วัดก็เล่นตาม เล่นได้หมดเพลงงานศพ พี่เล่นได้ทุกเพลง ช่วง ม. 2 ได้ดู ช.อ้น ณ บางช้าง ออกทีวี มีแหลมมอริสันออกช่อง 5 พี่ก็หยิบไม้กวาดมาแล้วแบบทำท่าเล่น ชอบวงดิอินโนเซ้นท์มาก อัลบั้ม อยู่หอ จำได้ว่าปีนั้นน้ำท่วมหนัก พ.ศ. 2525 ตอนนั้นเล่นคีย์บอร์ดได้โดยที่ยังกดคอร์ดไม่ได้ เครื่องมันไม่อำนวย แต่ว่าแกะเมโลดี้เก่งมาก คือเพลงละครโทรทัศน์ เพลงโฆษณาทุกอันคือนั่งเล่นจนเล่นได้หมด

“ตอนมัธยมปลายมีเรียนดนตรี แต่ว่าก็ไม่ได้เข้มข้นมากครับ ในสัปดาห์นึงมันจะมีเรียนดนตรี อยู่ประมาณสัก 4 ชั่วโมง ได้รู้พื้นฐาน รู้จักโน้ต รู้จักคอร์ด คือจริง ๆ แล้วพี่อยากเล่นกีตาร์ พอเข้ากรุงเทพเพื่อนในห้องเล่นกีตาร์เก่งมาก ชื่อปิงปอง (วงไทละเมอ) วันหนึ่งเขาก็ชวนพี่ดูวงที่โรงเรียนเก่าเล่นที่กรุงเทพคริสเตียน เขาเคยอยู่วงเดียวกับอาจารย์เด่น อยู่ประเสริฐ มาก่อน (คณบดีวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต) ครั้งแรกที่เจอกันเด่นนี้คือเนิร์ดมากเลย คุณพ่อเป็นเจ้าของโรงโบว์ลิ่งอยู่พัทยา รวย ใส่แว่น เด็กเรียน ดูญี่ปุ่น เรียบร้อย แล้วไม่พูดคำหยาบ แล้วเขาก็จะพกโน้ตเพลง หน้าแบบนิ่ง ๆ แต่เขาเล่นเพราะมาก

“พอรู้จักเขาก็ชวนไปแจม พี่ก็ไปเล่นในบางครั้ง คือแบบบางเสาร์จำได้เลยว่าซ้อมแถวพระโขนง ห้องซ้อมอยู่หลังห้างสรรพสินค้าอาเชี่ยน บางสัปดาห์อาจารย์เด่นต้องไปเรียนพิเศษเราก็ไปแทน ช่วงมัธยมปลายทุกวงในโรงเรียน จะต้องชวนเราไปเล่น มีมือคีย์บอร์ดอยู่แล้วก็ชวนเราไปเล่นเสริมอีกคน แต่กีตาร์เพิ่งมาหัดเพราะปิงปองสอนให้เลยครับ จำได้ว่าแกะเด็กปั้มของคนด่านเกวียนเป็นเพลงแรก

“พอเรียน ๆ ไปเริ่มพบว่าเราอยากออกแบบผลิตภัณฑ์ ตอนเอนทรานซ์ก็เลือกสถาปัตย์จุฬา กับพระจอมเกล้าลาดกระบัง ที่บ้านไม่อยากไห้เรียนศิลปะ คุณพ่อก็เป็นทหาร เขาก็อยากจะไห้ไปเรียนเภสัช เรียนนิติศาสตร์ แต่เราสอบติดสาขา Industrial Design พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไปเรียนอยู่ปีนึง แล้วก็พบว่าเราห่วยมาก

“ช่วงอยู่สถาปัตย์ก็เล่นดนตรีด้วย แต่เราวาดรูปไม่เก่ง ออกแบบไม่ดีด้วย เพื่อนที่ชื่อบุ๋มแนะนำให้ไปเรียนดนตรีแทนจะดีไหม ก็แนะนำว่ามีเพื่อนเรียนดนตรีอยู่เกษตร ชื่อเป้ง ต่อมาก็กลายเป็น สมาชิกวงซีเปียนี่แหละ พี่ชอบวิชาออกแบบเพราะฟังแล้วได้แง่คิดบางอย่าง ซึ่งความคิด ในชั้นเรียนคือความคิดที่เอามาทำงานดนตรีตลอดจนถึงปัจจุบัน เลยจะมีบางอย่างไม่เหมือนคนอื่น เพราะว่าใช้วิธีคิดจากชั่วโมงออกแบบที่ลาดกระบัง

“พอเทอมสองก็โดนรีไทร์ ก็เลยขอย้ายไปเรียนเอกดนตรีแทน แต่พ่อโกรธไม่คุยด้วยและก็ไม่ให้เงินค่าเทอม เพราะเขาไม่อยากให้เรียนดนตรี ไม่อยากให้เต้นกินรำกิน แต่ดีว่าน้าสาวที่เราไปอาศัยอยู่กับครอบครัวเขาที่กรุงเทพเขาส่งเสริม ก็ให้เงินเราไปสมัครและไปติวทฤษฎีดนตรี และหัดเล่นกีตาร์คลาสสิค ก็เริ่มเล่นกีตาร์จริงจังช่วงนั้น ยืมกีตาร์คลาสสิคของเพื่อนมาฝึกเพื่อจะเอาไปสอบ ตอนนั้นประมาณปี พ.ศ. 2531 เนื่องจากเราเริ่มช้าเลยต้องทุ่มเทมาก ปกติเขาเรียนกันตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ผมเพิ่งมาหัดตอนโตก็เลยต้องฝึกหนัก

“พอสอบติดก็ได้เรียนครุศาสตร์ เอกดนตรี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากที่พ่อไม่คุยด้วยก็กลับมาคุยเหมือนเดิมแถมส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ด้วย เพราะท่านอยากให้เรียนที่จุฬาฯตั้งแต่แรก ก็ดีใจ และให้เอากีตาร์ที่ยืมมาไปคืนเพื่อน ตอนเข้าไปอยู่จุฬาฯ ก็เล่นเพลงคลาสสิค เป็นยุคมือกีตาร์ร็อคสายปั่น เราก็ไปอยู่ชมรมดนตรีซึ่งเค้าเล่นแจ๊ส ตอนอยู่ CU Band พี่ไม่ค่อยได้เล่นกีตาร์ นะ เล่นเบสไฟฟ้าเป็นหลัก “ตอนอยู่ชมรมจะเป็นคนทำโน้ตคนสำคัญคนนึงในยุคนั้น คือเราทำโน้ตให้แต่ละเครื่องดนตรี เพื่อมารวมวง สมัยก่อนห้องซ้อมของชมรมจะมีคนมาซ้อมกันเยอะมาก เสียงจอแจไปหมด อย่างตรงนั้นซ้อมร้องคอรัส ตรงนี้ซ้อมแซกโซโฟน วงใหญ่ซ้อมอีก ตรงนี้ซ้อมเต้น แต่ผมต้องนั่งเขียนโน้ตเพลงให้ทั้งวง 20 ชุดด้วยดินสอ คือจะใส่หูฟังซาวน์เบาต์มือก็จะกดคีย์บอร์ด อีกมือจดโน้ต

“ตอนเรียนจุฬาเคยประกวดโค้กมิวสิคอวอดส์ ตอนนั้นรวมดาวเลยนะ มีโก้ มิสเตอร์แซกแมน เป่าแซกโซโฟน, อัยย์ พรรณี ร้องนำ, พี่ปิ้กเจ้าของค่ายเพลงอินดี้คาเฟ่ และหมี เทียนชัย ที่เป็นโปรดิวเซอร์แกรมมี่เล่นกีตาร์, พี่โอ๋เล่นเบส, เพื่อนชื่อตั๊วเป็น นักร้อง ตอนนี้หลายคนเป็นคนดังกันไปหมดแล้ว”

จากศิลปินเพลงใต้ดิน สู่โปรดิวเซอร์เนื้อหอม

“วงซีเปียเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ เพลงแรกที่แต่งคือเพลง เกลียดตุ๊ด ในคณะจะมีงานเลี้ยงที่จัดเป็นประจำทุกปี และก็จะให้คนไปลงชื่อจองเวลาเพื่อทำการแสดงต่าง ๆ ไม่ใช่เฉพาะวงดนตรีนะ แสดงอะไรก็ได้ พี่ก็ไปลงชื่อคนแรกเลย ปรากฏว่าพอถึงเวลาปั้บ ตุ๊ดกลุ่มหนึ่งมาแย่งเวทีขึ้นไปแสดงตอนคิวที่เราลงไว้ มาทำโชว์คาบาเรต์กัน เราก็เลยโดนแซงคิวและกลายเป็นต้องเล่นวงสุดท้าย ซึ่งมันดึกมาก คนก็กลับไปบ้าง เมาหลับกันไปบ้าง ก็เลยทำให้โมโหเพราะอุตส่าห์แกะเพลงเท่ ๆ ไว้แต่ไม่มีใครดู

“กลับบ้านก็เลยแต่งเพลงด่าแล้วก็อัดทิ้งไว้ นานจนลืม มาวันนึงไปเรียนซาวเอ็นจีเนียร์ อาจารย์ก็ถามว่ามีเพลงที่ทำไว้บ้างไหม ให้เอามาฟังหน่อย พอฟังแล้วเขาก็ส่งต่อให้คนอื่นฟัง จนดีเจยุทธนา บุญอ้อม เอาไปเปิดในคลื่นฮอตเวฟก็เลยดัง จากนั้นก็เลยได้ออกเทป ที่ทำแนวพังก์ เพราะได้อ่านนิตยสาร Quiet Storm ก็ได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับวงพังก์ ปรากฏว่าพี่ชอบดนตรีแบบ The Ramones คือแนวพังก์มันไม่เนี๊ยบ ตั้งสายเพี้ยนก็ได้ ร้องเพี้ยนก็ได้ พูดคำหยาบก็ได้ (ซีเปีย ออกผลงานมาสามอัลบั้ม ได้แก่ EP เกลียดตุ๊ด, Two Egg และ ไม่ต้องใส่ถุง) แล้วพี่เคยทำวงแจ๊สมาอัลบั้มนึง วงดูบาดู ออกกับค่ายก้านคอคลับ ในเครือแกรมมี่ แต่ไม่ได้ทำต่อเพราะว่าโจอี้บอยที่เป็นผู้บริหารค่ายแยกตัวออกมาจาก GMM

“เล่นดนตรีมาหมดทุกแนวแต่สุดท้ายก็กลับมาลูกทุ่ง คือมีเหตุการณ์ที่มาพอดีกันในหลายเรื่อง คือเราชอบทำในสิ่งที่คนบอกว่ามันยาก หรือทำไม่ได้หรอก แต่เราทำได้ อย่างเรื่องแรกเลยคือทำคอนเสิร์ต ให้พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ครั้งที่ 1 ที่เป็นวงออร์เคสตรา แล้วจะมีช่วงวงร็อคหนัก ๆ เล่นกับออร์เคสตรา และมีดนตรีไทย คือสามวงสามแบบเล่นพร้อมกัน ซึ่งพี่ทำให้ฟังรู้เรื่องได้

“หรือตอนที่ทำวงดูบาดู ทุกคนบอกแจ๊สขายไม่ได้ แจ๊สไม่ดัง ขายไม่ได้ คนไทยไม่รับ พี่บอกว่าไม่จริง สมัยที่แม่พี่เด็ก ๆ เพลงสุนทราภรณ์ดังมาก กลับไปย้อนฟังเลย สุนทราภรณ์นี่แจ๊สเลย ปีศาจวสันต์มาหลอกมาหลอน มันคือแจ๊ส! สมัยที่พี่อยู่ ม. ปลาย เพลงของชรัส เฟื่องอารมณ์ ดังมาก รู้ ๆ เธอนั้นมีเจ้าของ  นี่คือแจ๊ส แต่หลังจากนั้นคนทำแจ๊สอาจทำเพลงไม่เพราะ เนื้อร้องห่วย เก่งแต่เล่น เก่งแต่ซาวน์ แต่เนื้อร้องห่วยทำนองห่วยมันเลยไม่ดัง

“แล้วพี่รู้สึกว่าก็ลูกหว้าร้องทำนองแบบนี้ได้ดี และพี่ก็คิดว่าดนตรีที่พี่ทำนั้นดี นึกออกไหม และฉันก็ทำดูบาดูขึ้นอันดับ 1 มาแล้ว ฉันก็ทำได้ ส่วนซีเปียเนี่ยพอยุคมันเปลี่ยน แล้วพี่ก็รู้สึกว่าเออบางเรื่อง พอรู้เยอะขึ้น ๆ พี่ก็ไม่พูดดีกว่า แต่น้อง ๆ วงใหม่ ๆ อย่างไทยทศมิตร เค้ามีพลังมีความเป็นยุคนี้และก็มีแฟนคลับเยอะ ก็ปล่อยให้เขาทำไปดีกว่า เพราะฉะนั้นพี่ก็แบบโอเค...ออเครสตร้า ฉันเคยทำไปแล้ว ร็อคฉันก็เถื่อนสุดแล้ว แจ๊สฉันก็ทำอันนี้นะ นึกออกไหม อาจจะไม่เท่เท่าวงในยุคนี้ แต่ฉันทำมาแล้วไง ก็พบว่าอืม...ลูกทุ่งแบบที่เป็นวินเทจ เรายังไม่เคยทำ “บังเอิญหลายปีก่อนเพื่อนฝรั่งชาวอเมริกันชื่อ นิค ลาเฟลอร์ (นักดนตรีห้องอัดและศิลปินแแจ๊สค่ายแกรมมี่) ตอนนี้กลับไปอยู่อเมริกาแล้ว บอกโอ๋อีก 10 ปี มึงจะทำอะไร แล้วอีก 20 ปีล่ะ อีกหน่อยคอมพิวเตอร์พัฒนาก้าวหน้าทุกคนทำเพลงได้ ใครที่ไม่รู้เรื่องดนตรีก็ทำเพลงได้หมด แต่ความรู้ที่ลึกและเป็นความรู้โบราณมันจะมีมูลค่า ต่อไปมันจะขายแพง มึงเก่งเรื่องออร์เคสตรา มึงเก่งเรื่องดนตรีสด วงดนตรีสดเล่นรวมกันทั้งวงอัดไมค์เดียวเนี่ยไม่มีใครสู้มึงได้ มึงต้องทำเรื่องนี้

“สิ่งนี้พี่ต้องขอบคุณ นิค ลาเฟลอร์ และพี่ไม่เคยเจอเขาอีกเลย ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พี่ทำอัลบั้มดูบาดูพอดี (ช่วง พ.ศ. 2548) แล้วพี่พบว่ามีแฟนเพลงที่เป็นนักเล่นเครื่องเสียงไฮเอนด์ ซึ่งฉันไม่เคยรู้จักพวกเขาเลย เค้ามาชวนกินข้าวเลี้ยงข้าวคือแบบนัดคุยเรื่องการบันทึกเสียงบ้าง เรื่องซาวน์ต่าง ๆ เรื่องเพลง ฯลฯ พอมาทำอัลบั้ม ‘Another By คุณโอ๋’ เฮ้ย! มีคนชอบอีก พี่ก็เลยคิดว่าเออแบบนี้แหละ มาถูกทางแล้ว”

คืนสู่ถนนสายลูกทุ่ง

“บังเอิญมีนักเล่นเครื่องเสียงและนิตยสารเครื่องเสียงอยากทำอัลบั้มเพลงลูกทุ่ง  ก็มีนัดพูดคุยกันซึ่งก็ได้ทำอัลบั้มหนึ่งขึ้นมา นักเล่นเครื่องเสียงท่านนี้เป็นหมอฟันชื่อดัง ทพ.ทวีศักดิ์ อุ่นประเสริฐ พอท่านเกษียณก็อยากให้รางวัลตัวเอง อยากลงทุนทำแผ่นเสียงเพลงลูกทุ่งที่บันทึกเสียงดี ๆ ชุดหนึ่ง อยากได้ซาวน์ยุคสุรพล เขาก็ถามว่าโอ๋สนใจทำไหม มั่นใจไหม? ผมก็ตอบไปว่าไม่มั่นใจ 100% หรอก เพราะการใช้ไมโครโฟนตัวเดียวหรือ สองตัวอัดต้องรู้วิธีที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ยากและไม่มีการสอนกันและคนที่เคยทำก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว

“เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ซาวน์แบบสุรพลเนี่ย ผมเองก็อยากทำแต่ผมก็ไม่มั่นใจ แต่ลองแบบนี้ไหม ผมขอ 20,000 บาท โดยมัดจำ 10,000 บาท ทำงานเสร็จ ทำงานเสร็จค่อยให้ที่เหลือ ผมจะไปหาน้อง ๆ มาแล้วทำ Research แล้วมาพรีเซนต์ถ้าผ่านคุณหมอชอบ ค่อยลงทุนก้อนใหญ่ถ้าไม่ผ่านก็จบที่ 20,000 บาท เขาก็ตกลง เมื่อทำการทดลอง การบันทึกเสียงมาแล้วก็เอาให้คุณหมอฟัง โดยพวกผมทดลองการอัดไมค์เดียวและสองไมค์มาทุกรูปแบบ จนได้การวางไมค์และการเซ็ตที่น่าพอใจ เมื่ออัดสดให้คุณหมอฟังแล้วคุณหมอชอบ ก็เป็นที่มาของอัลบั้ม 50 ปี ไม่ลืม สุรพล สมบัติเจริญ

“เฉพาะการทำเพลง 8 เพลง ไม่เกี่ยวกับปก อาร์ตเวิร์ค ไม่เกี่ยวกับปั๊ม CD ปั๊มแผ่นเสียง เฉพาะต้นทุนเพลงในการทำอัลบั้มชุดนี้คือ 1,500,000 บาท ซึ่งตัวผมเองก็ได้ค่าตัวน้อยมาก เพราะว่าเราต้องการสร้างผลงานให้ดีที่สุด ช่วงนั้นพี่ฟังเพลงลูกทุ่งยุคนั้นแทบทั้งหมด ฟังไปกว่า 400 เพลง ที่เป็นยุคนั้นทั้งของครูสุรพลทั้งของครูคำรณ หรือคนอื่น ๆ ก้าน แก้วสุพรรณ อะไรก็แล้วแต่ว่าเป็นยังไง แล้วก็ไปศึกษาเข้าอินเตอร์เน็ตไปหาคุยกับคนแก่ ๆ ที่เขาสะสมแผ่นเสียงยุคนั้น หาข้อมูลจากเพื่อนต่างชาติเรื่องการอัดเสียง

“การบันทึกเสียงนั้นเริ่มจากระบบโมโนก่อน การอัดแบบนี้มีแบบรับรอบทิศทาง รับแคบ รับกว้าง หรือรับด้านเดียว ถัดจากนั้นมามันเริ่มใช้ 2 ไมค์เล็กคู่กันหรือไมค์ใหญ่คู่กัน หรือไขว้เป็นตัว X ทดลองหมดทุกวิธี เหมือนเราทำการทำลองวิทยาศาสตร์ ตอนนำเสนอเราเปิดคอมตั้งไมค์อัดให้คุณหมอดู จัดตำแหน่งแล้วก็ร้อง แค่นี้เลยอินโทรกับร้องท่อนแรกจบปั๊บเปิดฟัง คุณหมอโอเคให้เงิน 1,500,000 บาทไปทำอัลบั้มนี้

“ทางผู้ลงทุนมีเพื่อนเยอะ บรรดานักเล่นเครื่องเสียงเขาจะชอบนัดปาร์ตี้ฟังเพลงตามบ้านของนักฟังแต่ละคน เช่นกินไวน์บ้านนี้ฟังลูกกรุง ไปบ้านนี้กินอาหารอิตาเลี่ยนฟังโอเปร่า ไปที่บ้านนี้ฟังโมโน วินเทจ บางคนก็บอกว่าเนี่ยอัดทำไมไมค์เดียวไม่มีมิติ อัด 2 ไมค์มีซาวน์สเตจ มีซ้ายขวามีใกล้ไกลดีกว่า บางคนก็บอก อัดทำไมแค่ 2 ไมค์มันไม่ชัดตามแบบรสนิยมของเขา อัดหลายไมค์ดีกว่าชัดดีเป็นออดิโอไฟล์

“เราก็แบบเอางี้ไหมเพลงทั้งหมดในนี้เราจะทำ 8 เพลง เนื่องจากอยากให้แผ่นมันกว้าง ๆ หน่อยจะได้เสียงดี แล้วก็ค่าลิขสิทธิ์ถ้าเกิน 8 เพลงจะจ่ายไม่ไหว ตอนทำจะเป็นช่วง 2 ปีก่อนจะครบรอบการเสียชีวิต 50 ปี จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้คุณสุรชัย สมบัติเจริญ ขณะที่เราซ้อมกันเพื่อที่จะอัดเพราะมันจะต้องอัดพร้อมกันหมดเลยทั้งวง ร้องด้วยห้ามผิด เราต้องตั้งไมค์เพื่อซ้อมอยู่แล้วเพื่อมาดูว่าเครื่องเป่าตัวนี้ดังไปนิดนึงนะ นึกออกไหม นักร้องร้องตรงนี้คุณร้องคำบางคำแล้วมันเบานะ คุณต้องใกล้ไมค์มานึดนึง แล้วคุณก็ถอยออกตอนคำนี้

“คือมันต้องซ้อมคิวทั้งหมด เพราะฉะนั้นผมต้องสำรวจดูว่าอะไรเหมาะกับอะไร ก็พบว่ามี 4 เพลงที่ต้องตั้งไมค์ทุกเครื่องดนตรี ส่วนอีก 2 เพลงเนี่ยไม่แน่ใจจะให้โมโนหรือสเตอริโอ ฉะนั้นตอนอัดต้องตั้ง 3 ไมค์ ไมค์โมโนกับไมค์สเตอริโออัดไปทั้ง 2 แบบ แบบไหนดีขายอันนั้น ในอัลบั้มนี้ก็จะมี 2 เพลงที่เป็นโมโนเพราะมันดีกว่า อีก 2 เพลงเป็นสเตอริโอ เพราะมันดีกว่า”

กำเนิด ลูกทุ่งทริโอ้

“คณะที่ทำงานชุดนี้จะอัดเสียงเพลงนึงประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วก็เบรก นักดนตรีก็โทรศัพท์หาแฟนคุยธุระ ไปเข้าห้องน้ำ บางคนที่เล่นเพลงแรกเพลงเดียวแล้วก็กลับ เพลงที่ 2 นักดนตรีคนใหม่มาเปลี่ยนเครื่องดนตรี เพราะฉะนั้นมันก็จะมีการพูดคุย ก็มีน้องมือเบสชื่อคุณจิ๊บกับคุณแอมเขาก็ยืนอยู่กับพี่ จิ๊บก็บอกว่าพี่เมื่อก่อนจิ๊บเล่นแนวร็อคใช้เบสไฟฟ้า แล้วจิ๊บก็เรียนแจ๊สเล่นแจ๊สมา เล่นออเครสตร้าก็เคยมาหมด แต่เขาบอกว่าผมเล่นเพลงลูกทุ่งแล้วมีความสุข ถ้าพี่มีงานแบบนี้ชวนผมอีกนะ

“พี่ก็บอกเออได้แต่พี่ไม่มีงบจ้างนะ เขาก็ว่าถ้าผมว่างแล้วพี่จองคิวผมก่อนจะรับงานอื่นผมไป ผมมาเล่นกับพี่แจมกันสนุก ๆ แล้วกินข้าวกัน แอมก็บอกพี่ผมไปด้วย เราก็เลยอืมโอเค แต่คือพี่เป็นมือกีตาร์ไง เพลงลูกทุ่งยุคนี้มันไม่มีกีตาร์ พี่อาจจะเล่นเปียโนได้แต่แบกไปไหนไม่ได้ โจ๊กผู้จัดการของพี่ก็บอกเดี๋ยวผมซื้อแอคคอร์เดียนให้ตัวนึงให้พี่หัดเล่น นี่คือจุดกำเนิดของวงลูกทุ่งทริโอ้ ก็คือวง 3 คน มี เบส กลอง และแอคคอร์เดียน

“ตอนนี้มีซิงเกิ้ลออกมาหลายเพลงแล้ว อย่างเพลง ลมหนาว ที่เราเคยทำในอัลบั้มนี้ พอเริ่มทำลูกทุ่งทรีโอ้เราก็ทดลองแจมแล้วโพสในเฟสบุ๊ค ว่าเราจะไปเล่นลูกทุ่งกันแบบโบราณ ใครอยากมาร้องกับเราบ้าง ก็มีเพื่อน ๆ นักร้องหลายท่านสนใจ อาทิ ฟอร์ด สบชัย, โรส สิรินทิพย์, ต๋อง เดอะบีกินส์, หมู มูซู, พี่เล็ก ทีโบน, ไมเคิล ตั๋ง, บอล Mad Pack It ฯลฯ

“พอเราเล่นสดแล้วก็โพสเล่น ๆ แล้วก็พบว่าคนฟังเขาอยากได้เสียงร้องแบบลูกทุ่งโบราณ 100% ฟอร์ดร้องดี ต๋อง ก็ร้องดี หมู มูซู ก็ร้องดี น้องโรสก็ร้องดี เรารู้สึกว่าเพราะเราชอบ แต่ว่าสำหรับแฟน ๆ ที่มาดูนะสำหรับเขาคือไม่ใช่ เราก็เลยไปชวนน้องอิ้งค์ สมัชญา ชื่น​จิต​ร ที่ร้องเพลงชื่อ ลมหนาว ในอัลบั้ม 50 ปี สุรพล มาร้อง โพสกันเองไม่มีค่าย แล้วก็เพลงลูกทุ่ง EDM ตลก ๆ ชื่อเพลง นักร้องตกรอบ คือเป็นกลองไฟฟ้าเลย อันนั้นร้องโดยครูลูกแก้วที่เป็นนักร้อง โด่งดังคนนึง ก็ไปขอเพลงเขามา Cover หลายเพลง อย่าง แม่ค้าตาคม ที่ร้องโดย หมู มูซู แล้วก็มีสาวฝั่งโขง กับ โปรดเถิดดวงใจ พี่เล็ก ทีโบน ร้องแล้วเราก็โพสไปบางเพลงก็โดนบี้ลิขสิทธิ์ บางเพลงก็ไม่โดน

“ส่วนเพลงที่ทำแบบจริงจัง High Quality กับห้องอัด สตูดิโอ 28 ได้ไปคุยกับ GMM ซึ่งค่ายเขาบอกมีเพลงของ ครูพยงค์ มุกดา ฝากไว้สนใจไหม ก็เอาเพลงนั้นมากทำชื่อ ฉันรักลูกทุ่ง คือแบบเพราะมาก เป็นเวอร์ชั่นที่เราทำแล้วให้อิ้งค์ร้อง สรุปเลือกมา 3 เพลงคือ ข้ามันลูกทุ่ง, เป็นโสดทำไม, แล้วก็ฉันลูกทุ่ง พอทำเสร็จทางสตูดิโอ 28 ก็ส่งมิกซ์กับซาวน์เอ็นจีเนียร์ชาวอเมริกันที่เก่งเรื่องซาวน์แบบโบราณ คือส่งไฟล์ไปให้เขามิกซ์ แล้วฝากขายกับ GMM

“ซิงเกิ้ลล่าสุดของเราชื่อเพลง ‘เมียตาม’ บังเอิญมีวันนึงไปกินข้าวกับสิงโต นำโชค คุยเรื่องจะทำงานร่วมกันในคอนเสิร์ต แล้วสักสองทุ่มเขาก็บอกเมียตามผมกลับบ้านก่อนนะครับ ผมก็บอกว่าเรื่องเมียตามน่าแต่งเป็นเพลง สิงโตก็บอกแต่งเลยพี่ แต่งเลยแต่เดี๋ยวผมกลับก่อน พอขึ้นรถปั๊บเราได้ท่อนแรกมาจากเหตุการณ์นี้เลย ‘เมียตามแล้วพี่ คืนนี้อยู่ต่อไม่ไหว พรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่’ ท่อนแรกคือไหลออกมาตอนนั้นเลย พอขึ้นทางด่วนไปจนใกล้ถึงบ้านก็แต่งเสร็จพอดี แต่ก็ยังไม่ได้เอามาทำอะไร จนมาเจอสิงโตอีกรอบ สิงโตบอกแล้วเพลงเมียตามผมล่ะ ผมก็เลยปิ๊งไอเดียว่าควรจะร้องคู่นักร้องรุ่นใหญ่สักคน ก็เลยชวนพี่แอ๊ด สุรชัย สมบัติเจริญ ไปนัดซ้อมกัน เทียบคีย์แล้วบังเอิญคีย์ที่ทั้งคู่ร้องเพราะ มันคีย์เดียวกันพอดี ก็เลยทำเพลงนี้ต่อ เพลงนี้พี่มิกซ์เอง ทำมาสเตอร์เอง ปล่อยออกมาแล้ว จะบอกว่าฝากช่วยเชียร์ เปิดไปฟังในยูทูบกันด้วยนะครับ”

ฉันรักลูกทุ่ง

“พี่ชอบนักร้องลูกทุ่งรุ่นใหม่หลายคนนะ ใบเตย, กระต่าย, กระแต อาร์สยาม คือดนตรีถึง ร้องถึง ถ้าทำแล้วลงตัวมันจะเท่ เพลงเนี่ยชอบ แต่ถ้าทำไม่ลงตัวมันก็จะแบบดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ค่อยน่าฟัง เรื่องของภาพลักษณ์ที่อาจจะขายเซ็กซี่ คือความเซ็กซี่มันขายทุกแนวอยู่แล้ว พี่ก็ ไม่ได้แอนตี้นะ  แล้วก็นักร้องที่เขาขายภาพลักษณ์เซ็กซี่เนี่ย เวลาเขาไปออกงานหลาย ๆ งาน พี่ก็เห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยนะ แล้วเขาก็ร้องเพลงเพราะมาก เพราะฉะนั้นพี่บอกว่าพี่เฉย ๆ กับการที่นักร้องลูกทุ่งแต่งตัวเซ็กซี่ แล้วก็อยากชวนเขามาร้องด้วยเหมือนกันโดยที่เขาไม่ต้องโป๊ แต่ก็มีเพลงบางเพลงหรือนักร้องบางคนที่ร้องแย่แต่พยายามขายภาพลักษณ์เซ็กซี่ แล้วดนตรีก็แย่ เพลงก็ไม่ดี แล้วชอบโชว์ พวกนั้นก็มี ถ้าเป็นพวกนั้นพี่ก็ขอดูอย่างเดียว แต่ปิดเสียง

“เสน่ห์อีกอย่างของเพลงลูกทุ่งก็คือ การขับร้องที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงจากครูเพลงผู้เขียนออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยอารมณ์ และเรื่องราว การจะได้รับการยอมรับเป็นครูเพลงลูกทุ่ง แต่งเพลงเพราะ ไพเราะประทับใจคนฟัง แล้วแต่งเพลงฮิตไว้เยอะ ถ้าคนที่แต่งเยอะแล้วไม่ฮิตไม่ควรจะถูกเรียกว่าครูเพลง แต่งเพลงเพราะแล้วฮิตแล้วฮิตไม่เยอะด้วย แบบว่าฮิต 5 เพลง ไม่ควรถูกเรียกว่าครูเพลง

“แบบพี่ตอนนี้เรียกว่าไม่ใช่แน่ แต่อนาคตยังไม่รู้ อย่าง สุรพล สมบัติเจริญ ใช่ พยงค์ มุกดา ใช่ ครูสลา คุณวุฒิ ใช่ ท่านที่มีผลงานประมาณนี้ หรือว่ามีอีกหลายท่าน ครูไพบูลย์ บุตรขัน เนี่ยใช่ แต่งเยอะแล้วดี แล้วฮิต มีหลากหลายสไตล์ ไม่ใช่แค่ช้ำอกหัก ไม่ใช่แค่ทะลึ่งจีบสาว

“นักร้องไม่ว่าจะเป็นแนวลูกทุ่งหรือแนวอื่น ๆ บางครั้งตัวนักร้องเขาเป็นแค่เสียงร้องเท่านั้น เพราะไม่สามารถจะกำกับการร้องในการอัดเสียงได้ เขาก็จะใส่ลูกคอเว่อร์มากไปในท่อนนั้น เขาอาจจะลากคำนี้ดังยาวเกินไป นึกออกมั้ย คือไม่พอดีกับดนตรีเพราะฉะนั้นในการไปอัดเสียงส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่ง คนที่แแต่งเนื้อร้องทำนองจะเป็นคนไปคุมนักร้องในการอัดบันทึกเสียง นี่ก็เป็นหน้าที่ครูเพลงด้วยเช่นกัน คือต้องทำให้สมบูรณ์ในแบบที่เขาคิดไว้มากที่สุด

“ถ้าถามว่าจะเล่นดนตรีทำเพลงลูกทุ่งไปนานขนาดไหน ช่วงที่พี่เริ่มทำคลิปลูกทุ่ง เคยคุยเล่นกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ว่าถ้าทำแนวนี้แล้วรวยพี่จะเลิกทำแนวอื่น แต่ตอนนี้ต้องทำแนวอื่นเพราะยังไม่รวย แต่ก็จะทำเพลงลูกทุ่งไปจนแก่นะ คือถ้าลูกทุ่งทรีโอ้เล่นที่ไหนหรือแสดงสดเมื่อไหร่ พี่เชื่อว่าถ้าว่าหาคนสู้ในแนวนี้ยาก แบบย้อนยุคอย่างนี้นะ เพียงแต่ว่าเราจะไปไกลไปกว้างแค่ไหนนานแค่ไหนนั้นก็อีกเรื่องนะครับ” 

Highlight Thai Luk thung - "โอ๋ ซีเปีย - เจษฎา สุขทรามร"