ศิลปินสู้ชีวิต คาวบอย "จรัญ แก้วเจริญชัย" อัตลักษณ์ใต้เงาเสียง แอ๊ด คาราบาว
“เจอแบบนี้มันเจ็บจุงเบย แอบรักข้างเดียวเหมือนเคย ก็เลยต้องเจ็บซ้ำ ๆ ไม่อยากผิดศีลเลยต้องผิดหวัง ยอมรับความจริงทั้งๆ ที่เจ็บจุงเบย” เพลงนี้โด่งดังกระหึ่มจนทำให้คำว่าเจ็บจุงเบยกลายเป็นคำติดปากวัยรุ่นกันไปพักใหญ่ หลายคนเมื่อได้ยินครั้งแรกก็นึกว่าเป็นเพลงใหม่ของแอ๊ด คาราบาว แต่จริง ๆ แล้วเป็นผลงานของศิลปินที่ใช้ชื่อว่า คาวบอย หรือ คุณจรัญ แก้วเจริญชัย ผู้ที่โด่งดังมาจากการเป็นเงาเสียงของแอ๊ด คาราบาว นั่นเอง
สไตล์เพลงของคาวบอย มีเนื้อหาจิกกัด วิพากษ์สังคม เสียดสี ประชดประชัน ในด้านดนตรีเน้นสีสันความเป็นร็อค เขาโด่งดังมาจากช่วง ดันดารา ในรายการ ตีสิบ ก่อนจะได้รับโอกาสไปออกรายการต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น หม่ำ On stage และรายการอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เขายังเป็นแฟนพันธุ์แท้ แอ๊ด คาราบาว อีกด้วย
เขาได้พยายามทำความฝันให้เป็นจริง จากเงาเสียงของศิลปินที่เขาชื่นชอบ กลายเป็นคาวบอย ศิลปินในสังกัด Banana Record มีผลงานเพลง อาทิ ไอโฟน, เจ็บจุงเบย, ไส้กรอก, บ่องตง, หมาหน้าเซเว่น, รูปไม่หล่อมีสิทธิ์ไหมครับ จากเงาเสียงที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของศิลปินคนโปรด เขาได้ใช้โอกาสผลักดันพรสวรรค์ของตัวเองจนสร้างตัวตนจนเป็นเอกลักษณ์ที่ต่างออกไปจากต้นฉบับ กลายเป็นคาวบอยศิลปินดังอย่างในทุกวันนี้
ก่อนเปล่งเสียง
“คุณพ่อเป็นคนพิจิตร แม่เป็นคนสุพรรณฯ แต่ผมมาโตกรุงเทพฯ เลยไม่ได้อยู่ต่างจังหวัดครอบครัวผมอบอุ่นครับ อยู่ด้วยกันพ่อแม่แล้วก็พี่ ๆ มีพี่น้อง 3 คน ผู้ชายหมดเลย ผมเป็นคนสุดท้อง รักกันดี อยู่ด้วยกันมาตลอด ตอนโตเนี่ยค่อยแยกย้ายกันไปมีครอบครัว
“ตอนเราเด็ก ๆ ฐานะธรรมดาครับ ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ว่าเราก็โชคดีตอนเด็กเราเป็นคนแบบจะเรียกว่าขยันก็ไม่ใช่นะ อะไรได้เงินเราก็ทำอย่างเช่นผมเคยขายเรียงเบอร์ พับถุงกล้วยแขกขายก็เคย สมัยก่อนทำงานร้านวีดิโอ เขาก็ต้องมีรายการหนังมาให้ หนังจีน ไทย ฝรั่ง ฮ่องกง หนังตลก แล้วก็มาเรียงเป็นแผ่นกระดาษ A4 ทำรายชื่อหนังให้เช่า แล้วก็บริการส่งถึงบ้าน ต้องเอาใบปลิวไปส่งตามบ้าน หมาก็วิ่งไล่กัดไล่เห่าบ้าง อะไรที่แบบได้เงินเราก็ทำ เพราะที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีอะไรเราก็ทำมันก็เลยส่งผลตอนโตมีอะไรเราก็ทำ ๆ ไปเถอะไม่ได้ซีเรียสใครจะมองอะไรไม่ได้สนใจ
“ผมเป็นเด็กที่ไม่เกเรเลยครับ ตอนเด็ก ๆ เป็นคนขี้กลัวด้วยซ้ำ ขี้อาย ไปไหนก็ต้องไปกับพี่ชาย ให้พี่ชายนำหน้า ที่สำคัญนี่ร้องเพลงไม่เป็นด้วย คือไม่มีวี่แววว่าโตมาจะมาร้อง ด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายด้วย สองสิ่งนี้คือบอกได้เลยว่าไม่มีแวว มันไม่ใช่เลยนะ คนละเรื่องเลย
“ผมเรียน ปวช.และ ปวส. ที่พานิชย์การธนบุรี เป็นเด็กพานิชย์ แล้วก็ต่อ ป.ตรี 2 ปีเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจ แต่ว่าเรียนที่ศูนย์นอก แถวประชาสงเคราะห์ บางทีแต่งตัวไปเด็กช่างก็มาถามว่าเรียนที่ไหน นึกว่าเด็กช่าง ผมเป็นเด็กฝั่งธนอยู่วงเวียนใหญ่มาก่อน แล้วเพิ่งย้ายมาอยู่บางกรวยได้ประมาณ 5 ปี
“ก็ถือว่าเป็นคนตั้งใจเรียนนะ เอาง่าย ๆ ตอนเรียนมัธยมเคยแย่งกับเพื่อนนั่งหน้าห้องเรียน นั่งโต๊ะหน้าสุดเลยนะตอนมัธยมก็งงเหมือนกันพอคิดย้อนกลับไปแล้วตลกดีนะ แต่ตอนโตมาพอเรียน ป.ตรี ก็ตั้งใจเรียน อาจจะมีดื่มเหล้าบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตามประสา แต่เราก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
“แต่พอจบ ป.ตรี มาทำงานบริษัทที่ทำเครื่องรูดบัตรตามศูนย์อาหารในโลตัส, บิ๊กซี ทำได้ 2-3 เดือน ก็โดนให้ออกเพราะเราไม่มีความพร้อมที่จะทำงาน ตอนนั้นผมเริ่มร้องเพลงในร้านอาหารแล้ว บางทีเขามีโอทีให้เราไปทำงานไกล ๆ แต่ตอนนั้นเราขับรถเก๋งไม่เป็น แล้วพอเราขับรถเก๋งไม่เป็น ไม่มีเวลาให้บริษัทเขาก็เลยให้เราออก เหมือนไม่ผ่านโปร
“ทำงานเป็นฝ่ายซ่อมบำรุง เวลามันเสียเราก็ต้องไปซ่อม คือเอาตรง ๆ ผมไม่ได้ชอบเลยนะ คือเมืองไทยวิชาให้เลือกเรียนมันน้อยไปน้อยมากสมัยก่อน เราก็เรียนไปอย่างนั้นเอาตรง ๆ เลย เรียนให้มันจบ ๆ ไปตามความหวังของพ่อ-แม่ครับ”
เงาเสียง แอ๊ด คาราบาว
“ผมชอบเพลงของคาราบาวตั้งแต่ประมาณ 10 ขวบ พ่อชอบเปิดให้ฟังประมาณชุดเวลคัมทูไทยแลนด์, ทับหลัง ก็เริ่มรู้สึกฟังเพลงแล้วมันสนุกดีเนื้อหาก็ดี แต่ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กอยู่อาจจะไม่ได้อินเรื่องเนื้อหา แต่พอมาเรียนตอนประมาณ ปวช.เนี่ย ผมก็รู้จักเพื่อนคนนึงที่ชอบฟังเพื่อชีวิต มันฟังคาราบาวเหมือนมากระทุ้งเราอีก พอมาฟังตอนโตก็ยิ่งชอบเพราะเนื้อหาดี ดนตรีก็สนุก โดยเฉพาะพี่แอ๊ดเนี่ยแกเป็นคนที่เก่งมาก แล้วก็ตลกด้วย แกจะออกมาดกวน ๆ หน่อย เป็นคนที่มีความสามารถมาก ร้องเพลงก็เพราะเล่นดนตรีก็เก่ง คือเป็นไอดอลผมเลย เราก็เริ่มฟังจริงจังตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับผม
“หัดร้องเพลงมาเรื่อย ๆ จนมาได้เล่นดนตรีอาชีพช่วงอายุประมาณ 20 ปี คือจังหวะที่เริ่มร้องเนี่ย ไปขายของกับพี่ชายที่วัดไร่ขิงขากลับมาพ่อก็แวะร้านอาหาร ซุ้มไผ่ แถวพานิชย์ธนฯก็ไปนั่งกิน มีดนตรีพอดีเป็นคาราโอเกะ พ่อให้ขึ้นไปร้อง พอขึ้นไปร้องปั๊บหัวหน้าวงที่เล่นคีย์บอร์ดเขาก็ขอเบอร์ไป อีก 3-4 วัน เขาก็โทรมาบอกให้ไปร้องแทนนักร้องหน่อย พอร้องปั๊บ เขาก็เอาประจำเลย
“ตอนนั้นได้ค่าตัววันละ 300 บาท ตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม พ่อจะให้หยุดร้องเพราะเราเรียนอยู่เดี่ยวเสียการเรียน คิดไปคิดมาไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าเวลาไหนสอบก็เอาหนังสือมาอ่านในที่ทำงานก็ได้ เพราะมันร้องคนละ 5 เพลง สมมุติ นักร้องมี 4 คน ร้องรอบละ 5 เพลง ร้อง 5 เพลงเสร็จเราก็ว่างเราก็เอาหนังสือมาอ่านก็ได้ตอนสอบ ยังดีกว่าอยู่บ่านอยู่บ้านมันตั้งใจอ่านเกินไป ไม่ได้ฟีล อยู่ที่ทำงานว่างก็อ่าน ถึงเวลาก็ขึ้นไปร้องเพลงแค่นั้นเอง
“พี่แอ๊ด คาราบาว มีอิทธิพลกับผมมาก ผมร้องเพลงไม่เป็นตั้งแต่เด็ก พอได้มาฟังคาราบาวเนี่ย ฟังทุกวันและก็ร้องตาม แล้วมันเข้าหัว คือเรารู้ว่าท่อนนี้เขาจะร้องแบบไหนเสียงขึ้นลงอะไรยังไง พอมันอยู่ในหัวเนี่ย เราก็กลั่นกรองออกมาเป็นเสียงร้องเท่านั้นเอง พอฟังทุกวันมันเลยจำได้
“ผมร้องเพลงที่สวนอาหารได้ประมาณปีกว่า ๆ แล้วค่อยออกจากสวนอาหารมาร้องเพลงเล่นโฟล์ค เล่นซาวด์มิดี้กับโน๊ตบุ๊ค ผมเล่นกีตาร์โปร่ง พี่อีกคนก็โซโล่ แล้วพอเล่นได้ไม่นานก็ออกอีก มาทำวงเป็นดนตรีสด ก็เริ่มขยับขยับขึ้นมาร่วมกับวงแบนด์ตอนนั้นเล่นแถวพระราม 2 ก่อนและค่อยย้ายมา ป.กุ้งเผา และก็อยู่ยาวเลย 10 กว่าปี
“ผมร้องเพลงเป็นเพราะคาราบาว เท่ากับร้องเพลงมาประมาณ 20 ปีแล้ว เราร้องเพลงเป็นได้เพราะคาราบาว เพราะเรามีโทนเสียงที่พอร้องได้ ตั้งแต่นั้นทำเป็นอาชีพมาเลย ตอนนั้นดันดารากำลังดัง เราก็อยากจะหาประสบการณ์ออกทีวีบ้าง คิดว่าที่ทำให้มีชื่อเสียงคนรู้จักก็น่าจะไปประกวดตอนรายการตีสิบ ช่วงดันดารา ก็โทรไปสมัคร สมัยนั้นโทรไปแล้วเขาก็ให้ร้องเลยในโทรศัพท์ ร้องให้เขาฟังแล้วเขาก็เรียกไปอัดรายการ ก็เลยมีชื่อมาเป็นเงาเสียงพี่แอ๊ด ต่อมาไปออกรายการหม่ำออนสเตจ ตอนนั้นออกกับพี่หม่ำก็เริ่มทำให้ผมมีชื่อเสียงขึ้นมา อย่างตอนกิ๊กดู๋สงครามเพลงก็ทำให้คนจำได้มากขึ้น
“งานโฆษณาก็เริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนลูกค้าติดต่อมานี่คือเขาอยากได้เสียงแบบแอ๊ด คาราบาว เริ่มจากร้องเพลงโฆษณาของประกันภัยบ้าง ของบริษัทยางรถยนต์บ้าง อีโน เพลงหาเสียงเลือกตั้ง ทุกเพลง รับงานหมดทุกอย่าง ร้องเพลงงานศพก็เคยไปร้อง หน้าเมรุ หน้างานเผาศพก็ร้อง
“เพลงโฆษณามีเข้ามาเรื่อย ๆ นะครับ มีหลายเพลงที่คนฟังคิดว่าเป็นเสียงของพี่แอ๊ด คาราบาว แต่จริง ๆ แล้วผมร้อง ก็มีเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล สจ. ผมก็ทำให้ ชลบุรี ราชบุรี ปทุมธานี มีมาหลายที่เหมือนกัน รับร้องเพลงนักการเมืองหลายพรรคส่วนใหญ่เขาแต่งมาหรือจะให้ทีมผมแต่งให้ก็ได้เช่นกันครับ”
จากเงาเสียงสู่เบื้องหน้า ศิลปิน “คาวบอย”
“ตอนร้องเพลงประกอบโฆษณา ทำให้รู้จักกับค่ายบานาน่าเร็คคอร์ด เพราะเขาจ้างผมให้ไปร้องเพลงโฆษณา ก็คุยเรื่องเพลงเหมือนเขาจะมีโปรเจ็กต์อยากทำเพลง เลยมาให้ผมฟังและก็ทำเพลง ซิงเกิ้ลแรกก็เป็นเพลง ไอโฟน เปรียบเปรยจิกกัดคนช่วงนั้น คนก็คิดว่าพี่แอ๊ดมาทำแนวร็อคเมทัล คนก็ไม่รู้ว่าเงาเสียงเป็นคนร้อง พอซิงเกิ้ลที่ 2 เจ้าชู้ล้างผลาญ ผมก็แต่งเอง ให้บานาน่าทำดนตรี พอซิงเกิ้ลที่ 3 เจ็บจุงเบย ก็ดังขึ้นมา ตอนนั้นช่วงที่ดังสุด ๆ ก็ทัวร์คอนเสิร์ตกันทั้งปีแต่ไม่ถึงกับทุกวัน ก็มีฟันหลอบ้าง แต่งานเยอะเรียกว่ามีเดินสายทัวร์ทั้งปีเลยครับ
“ไปเล่นมาแล้วเกือบทุกจังหวัด ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 3-4 จังหวัด เผื่อมีใครอยากจ้าง ที่ยังไม่ได้ไปน่าจะมี กาฬสินธุ์ มุกดาหาร บึงกาฬ นอกนั้นไปหมดแล้ว อย่างภาคใต้ เบตง นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สุไหงโกลก หรือที่ว่ามีเหตุไม่สงบนี่ไปมาหมดแล้ว วันก่อนเพิ่งมาจากปัตตานี ขับมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเมืองเลย
“แต่หลัง ๆ ด้วยกระแสเพลงมันเริ่มดร็อบ ก็อาจจะรับเดี่ยวบ้าง เต็มวงคนจ้างไม่ไหวบ้าง ร้านเล็ก ๆ อะไรแบบนี้เราก็จะไปเดี่ยว ให้วงที่ร้านเล่นแบคอัพให้ เราก็ส่งรายชื่อเพลงไปแต่เพลงคาราบาวก็ต้องร้องด้วย เพราะความที่เราร้องเพลงคาราบาวมาก่อนอยู่แล้ว เพลงคาราบาวร้องด้วยเพลงตัวเองก็ร้องด้วยคาราบาวประมาณ 5-6 เพลงบางทีก็เป็นเมดเล่ย์
“รายได้ตอนพีค ๆ กับตอนนี้ต่างกันเยอะครับ เพราะว่าตอนนี้แทบไม่มีงานเลย จากสถานการณ์โควิด ตอนนี้เลยมาขายของ นอกจากขายหอยบิด ก็มีขายปลาหมึกย่าง อาจจะมีเป็นรับขัดโคมไฟหน้ารถ อันนี้วางแผนไว้ก่อน เพราะซื้อเครื่องมาแล้วไม่รู้จะได้ทำหรือเปล่า ขาดทุนก็ช่างมัน ทำให้รู้ เป็นประสบการณ์ชีวิต”
ผันตัวเป็นพ่อค้า “คาวบอยหอยบิด”
“การที่มาขายหอยบิด คือเราตกงาน เราเองชอบกินกุ้ง กินปลาหมึกย่าง พอกินบ่อยก็เบื่อ เราก็นึกได้ว่าเคยกินหอยบิดมันอร่อยดีด้วย ก็เลยจะไปหาซื้อแต่ไม่มีขายในกรุงเทพ ลองค้นดูในกูเกิ้ลก็อยู่ต่างจังหวัดทั้งนั้นเลย ก็เลยไปซื้อเพื่อมาทำกินเองก่อน ราคาไม่แพงด้วยก็เลยคิดว่าน่าเอามาขาย ลงทุนแค่หอยกระสอบนึงถ้าทำแล้วขายไม่ดีหรือเจ๊งก็เสียแค่ค่าเตาย่าง ค่าถุง ค่าน้ำจิ้ม ลงทุนเต็มที่ก็ไม่เกินสามสี่พันบาท เจ๊งก็ช่างมันเหอะ คิดแค่นี้ บางทีคิดซับซ้อนก็ปวดหัว
“คือถ้าเราเป็นน้ำเต็มแก้ว คิดเยอะว่าโอ้โห้...ขายของต้องทำนู่นทำนี่ ต้องมาล้างหอย ต้องอะไรนั่นนี่ ไม่ต้องทำกันพอดี ถ้ามันคิดว่ายากตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ทำ แต่คิดว่าเจ๊งก็ช่างมัน ไม่ได้ลงทุนเป็นหมื่นเป็นหมื่นเป็นแสนก็น่าคิดหน่อย
“ร้านคาวบอยหอยบิด เปิดมาตั้งแต่โควิดรอบแรกถ้าจำไม่ผิดน่าจะปลายพฤษภาคมปีที่แล้ว พอโควิดรอบแรกทำให้งานโชว์คอนเสิร์ตหายหมด เราก็ต้องหาอย่างอื่นทำประทังชีวิตไปก่อน อย่างหอยบิดนี่มันไม่มีขายในเมืองเลยนะมีแต่แถวชานเมือง ก็เลยโทรไปถามร้านขายส่ง เขาบอกว่าขายอย่างต่ำก็ 50 กิโลเลย กระสอบนึง เราก็เลยลองคิดดูราคามันไปต่อได้หรือเราจะเอามาขายดี คิดว่าขาดทุนก็ช่างมัน ดีกว่าอยู่เฉย ๆ เพราะว่ามันเบื่อไง เป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ด้วย ก็เลยลองขายขาดทุนก็ช่างมัน
“ตอนแรกผมเอามาขายแบบลวกก่อน ทีนี้แบบต้มมันสุกยากไปหน่อย ก็เลยมาทำแบบเผา พอแบบเผาขายได้สัก 3-4 วัน ก็มีนักข่าวมาสัมภาษณ์มันก็เลยบูมขึ้นมา แต่ว่ามาขายหอยบิดเนี่ยก็ทำให้เรารอดจากโควิดครั้งแรกได้เหมือนกัน ก็พอมีรายได้ประมาณนึง แล้วพอมีกระแสคนก็มาซื้อกันเยอะ จากบางบัวทอง พระราม 3 ปากเกร็ด มาจากหลาย ๆ ที่ บางคนก็มาเพราะติดตามผลงานเราด้วย
“ปลาหมึกย่างก็มาเพิ่มทีหลัง เพราะปลาหมึกเป็นที่นิยมอยู่แล้ว ให้มีอะไรหลากหลายบางทีกินหอยบิดทุกวัน คนก็เบื่อ ก็เลยเอาหมึกกระดอง ไข่ปลาหมึก คอหมึก หมึกสาย มาเพิ่มน้ำจิ้มเราทำเองครับ แฟนผมเป็นคนทำ เป็นน้ำจิ้มมะนาวแท้ เราใช้มะนาวแท้ พริกสด สูตรเราก็คิดเอง แล้วเราก็คั้นเองด้วย
“หอยบิดราคาชุดนึง 60 บาท มีน้ำจิ้มให้ด้วย เผาให้ด้วย วันนี้หมึกกระดองตัวใหญ่มากครับ อย่างตัวใหญ่ราคา 140 บาท ไซส์เล็กลงมาหน่อยนึงก็ 120 บาท อย่างไซส์เล็กสุดก็ 80 บาท มีหลายไซส์แล้วแต่บางวัน มันไม่แน่นอน แล้วแต่ไซส์ อย่างไข่ปลากหมึกก็ 3 ไม้ร้อยนึง ไม้ละ 35 บาท ร้านอยู่ที่ตลาดนัดชาวสยามบางกรวย เปิดประมาณบ่ายสามจนถึง 1 ทุ่มครึ่ง มีส่งเดลิเวอรี่ด้วยครับ จะสั่งในไลน์แมน หรือสั่งในไลน์ของร้านก็ได้ ถ้าหมู่บ้านใกล้ ๆ สั่งในไลน์กลุ่มเดี๋ยวผมขี่ไปส่งให้เองครับ”
กระแสก๊อบปี้โชว์กำลังบูม
“ผมว่าคนที่เขาจ้างก๊อบปี้โชว์เนี่ย คือไม่ได้เปรียบเทียบกับตัวจริงหรอก แต่ก๊อบปี้โชว์ราคาถูกกว่า ถึงเนื้อถึงตัวได้มากกว่าตัวจริง ตลกได้มากกว่าด้วย เพราะศิลปินตัวจริงค่าตัวเขามีเรตของเขาอยู่ และก๊อบปี้โชว์สามารถจ้างมาเอาฮาได้ แบบร้านหมูกระทะ หรือปาร์ตี้วันเกิดในครอบครัวก็ได้
“มันง่าย ไม่ใช่มักง่ายนะ มันง่ายที่มีความสนุกอยู่ในนั้น มีความตลกอยู่ในนั้น สามารถหารายได้ และรายการเพลงบ้านเราก็เยอะ อย่างก๊อบปี้โชว์ของพี่แอ๊ด คาราบาวนี่เยอะมาก โอ้โห...เรียกว่า 1 ตำบล 1 คนได้เลยนะ คือเอกลักษณ์แกชัดเลียนแบบง่าย ใส่แว่น ใส่หมวก เสื้อแขนกุด ไว้หนวดหน่อยก็เป็นพี่แอ๊ดแล้ว แต่ถามว่าร้องเพลงได้ไหม ร้องเหมือนไหม เสียงดีไหม ก็อีกเรื่องนึง
“การเอ็นเตอร์เทนสำคัญเป็นอันดับแรกเลย สำหรับการทำโชว์ หรือการแสดงก๊อบปี้โชว์ เสียงคุณเหมือนหรือเปล่า หน้าตาก็ประมาณนึง ทำยังไงก็ได้เพื่อให้คนรู้ว่าคือศิลปินคนนั้น ไม่ใช่แบบออกมาเฮ้ย...เป็นใครวะ ไม่ต้องเหมือน 100 % สัก 70 % ทั้งหน้าและก็เสียงร้องแค่นี้แหละที่เหลือก็เอ็นเตอร์เทนให้สนุกไป หมายถึงสำหรับผมนะ
“เวลามีคนมาทักที่ผมว่าเป็นเงาเสียงพี่แอ๊ดกับทักเป็นคาวบอย ความรู้สึกมันไม่ต่างกันนะ แต่ถ้ามีคนมาทักว่าเป็นพี่ตูนเนี่ยจะตลก แล้วก็มีทักหลายคนด้วย งงว่าเหมือนกันตรงไหน บางทีตอนรวบผมคงจะเหมือนพี่ตูนมั้ง
“ผมไม่เคยร้องเพลงที่ไม่ใช่เสียงแบบพี่แอ๊ด คาราบาว เลยนะ เพราะว่าผมร้องเพลงได้ก็เพราะว่าผมฟังคาราบาว ลูกคงลูกคอผมไม่รู้เรื่อง คือถ้าร้องเพลงไม่เป็นผมอาจจะเป็นพนักงานง่อย ๆ คนนึงในบริษัท เงินเดือนหมื่นกว่าบาทเป็นคนธรรมดาคนนึงเดินไปไหนมาไหนก็ไม่มีใครรู้จักเรา
“จะเรียกว่าพรสวรรค์ก็คงไม่ใช่ ผมว่าเป็นพรแสวงมากกว่า มันเกิดจากการที่เราฝึกฝน จากการที่เราไม่รู้ตัว เพราะเราฟังทุกวัน เราก็ทำเสียงตาม แล้วก็ทำได้ไง ทำได้ประมาณนึงนะ พอเป็นอาชีพได้แค่นั้นเอง
“คาแรคเตอร์การแต่งตัวก็แต่งตามพี่แอ๊ดเพราะเราเป็นเงาเสียงไง เพื่อให้ดูมีอะไรหน่อย เราก็ชอบนะมันง่ายดี ร้องเพลง เสื้อยืดแขนกุดจบล่ะ กางเกงยีนส์ใส่หมวกจบแล้ว แว่นก็แว่นสายตามันง่ายไม่ต้องเยอะแยะ ผมเคยนะบางทีไปต่างจังหวัดไปงานก๊อบปี้โชว์ ก็ดันลืมเอาเสื้อมา ก็เลยเอาสื้อยืดสีดำมาตัดเป็นแขนกุดจบเลย ง่ายดี
“การก๊อบปี้ทั้งดุ้นกับการนำมาสร้างแรงบันดาลใจมันต่างกันอยู่แล้วครับ ก๊อบปี้มันก็ไม่มีอะไร ถึงเวลาก็ขึ้นไปร้องเพลงต้นฉบับ แต่ก๊อบปี้และพัฒนาให้เป็นสไตล์ของเราคือเอามาอย่างละหน่อย ก็มาปรับใช้ให้เป็นฉบับตัวเอง อย่างของผมก็เอามาหน่อยนึง แล้วก็เอามาบิดให้เพี้ยนไปจากคาราบาวเลย ทำให้เป็นแบบฉบับของตัวเอง ถ้าร้องเพลงของคนอื่นตลอด เป็นเงาเสียงตลอดถามว่าหาเงินได้ไหม ได้ครับ แต่เราก็จะอยู่แค่นั้น แต่ถ้ามีเพลงของตัวเองด้วยก็จะดีกว่า
“อย่างที่ตามมาถ่ายทำเบื้องหลัง ก็จะเป็นโปรเจ็กต์ ‘ตามรอยควาย’ เล่นโฟล์คตามสถานที่ต่าง ๆ ให้ชื่อเพลงกับสถานที่มันเข้ากัน อย่างเช่นเพลง บ้า ก็ไปเล่นที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เพลง ขี้เมาใจดี ก็ไปเล่นสวนสัตว์ดุสิต เพลงมหาลัยเล่นหน้า ม. จันเกษม Welcome to Thailand เล่นที่ซอยพัฒพงศ์ ฯลฯ ติดตามได้ที่ช่อง บานาน่าแม็กซ์ทีวี
“และกำลังจะมีโปรเจ็คต์ใหม่ ‘คาวบอยย้อนรอย 40 ปี คาราบาว’ เป็นการร้องในห้องสตูดิโอแบบง่าย ๆ 40 เพลง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่วงคาราบาวเดินทางมาถึง 40 ปี ซึ่งเป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่มายาวนาน และเป็นวงดนตรีที่ผมรักและเคารพ ติดตามผมได้ที่เพจ ‘คาวบอยเฟซบุ๊ก’ กับ ‘เงาเสียงแอ๊ดก๊อบปี้โชว์ คาวบอย’
“สุดท้ายอยากบอกว่าครั้งแรกที่พี่เจอพี่แอ๊ด โอ้โห...ผมจำได้ไม่ลืม ดีใจมาก ถ่ายรูปคู่ด้วยนี่ตัวผมสั่นเลย ดีใจ ตอนนี้ก็ยังดีใจอยู่ สำหรับน้อง ๆ ที่อยากเป็นเหมือนไอดอลของเรา อยากเหมือนพี่แอ๊ด หรืออยากเหมือนพี่คาวบอย อยากบอกว่าให้ตั้งใจ ทำในสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุดทำไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะว่าอะไร และเดี๋ยวสักวันโลกจะหันมามองเราเองครับ”