ประวัติศาสตร์ภาพ - สุสาน Recoleta @Buenos Aires
Recoleta @Buenos Aires : แม้กายไกล แต่ชื่อยังอยู่
ยุคโควิด-19 ที่ย้อนกลับมาระบาดอีกครั้งเป็นรอบสอง และอาจจะมีรอบสาม สี่ ห้า ตามมา เพราะโควิด-19 เริ่มแสดงพฤติกรรมให้เห็นว่าเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นแล้ว ล่าสุดที่ได้พบคือ โควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกา ซึ่งในประเทศไทยเราก็มีคนได้รับเชื้อสายพันธุ์นี้มาแล้ว และท่ามกลางกระแสข่าวน่ากังวลของคนที่ผลตรวจเป็นบวก ที่มีจำนวนมากจนน่าตกใจและกระจายไปเกือบทั่วประเทศแล้ว เอาเป็นว่า ช่วยกันดูแลสุขภาพของตัวท่านเองอย่าให้บกพร่อง เวลาที่ต้องไปเจอผู้คนมาก ๆ กันดีกว่านะคะอย่างน้อยที่สุดก็ใส่แมสป้องกัน วัดอุณหภูมิ และล้างมือบ่อย ๆ เป็นปราการด่านแรกที่พอจะปะทะปะทัง ปกป้องเราได้ในระดับหนึ่งค่ะ
มาเข้าเรื่องของเราต่อนะคะ ที่ผ่านมาโควิด-19 ทำให้คนดี ๆ คนดัง ๆ ของโลกทยอยลาลับจากไกลกันราวใบไม้ร่วงจริง ๆ ข่าวคนดัง ๆ ที่เล่นเอาผู้คนใจหายกันเป็นแถว ๆ ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ บอนด์ 007 ล่าสุดก็ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ จาก The Sound of Music และ นักฟุตบอลชื่อกระฉ่อนโลกอย่าง มาราดอนน่าก็ยังมาจากไปช่วงนี้ด้วย และเลยทำให้เราอดย้อนกลับไปดูภาพตอนที่ไปเยือน บัวโนส แอร์เรส ไม่ได้ และภาพที่นำมาเสนอในฉบับนี้ก็คือภาพที่ รีคอเลคต้า ซึ่งเป็นที่ฝากร่างของผู้ลาลับจากโลกนี้ไปที่อยู่กลางเมือง บัวโนส แอร์เรส มาฝากกัน
เมื่อครั้งที่เราไปเยือนเมืองหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า ที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านของชิลี ซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ด้วยกัน โดยมีประเทศใหญ่สุดคือบราซิล ใช้ภาษาโปรตุเกส ใหญ่ย่อมลงมือคืออาร์เจนติน่า ใช้ภาษาสเปน และเลียวเล็กยาวลงมาจนปลายแหลมของทวีปอเมริกาใต้ก็คือชิลีนั่นเองค่ะ ซึ่งพื้นที่ของอาร์เจนติน่ากับชิลีที่หันหลังชนเขตชายแดนกันแนบแน่นและยาวเฟื้อย ทำให้เย้าแหย่กระทบกระทั่งกันแบบหยิกแกมหยอกอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ก็มี เปรู เอควาดอร์ อยู่เหนือขึ้นไป ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ใช้ภาษาสเปนกันเป็นส่วนใหญ่
มีแต่บราซิลเท่านั้นที่ใช้ภาษาโปร์ตุเกส ซึ่งมาประจำที่สถานทูตในบัวโนส แอร์เรส คุณหมอก็อนุญาต ทำให้คุณประภัสสร ได้เดินทางไปเปลี่ยนบรรยากาศ หลังการผ่าตัด และเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความแข็งแรงของร่างกายภายหลังการผ่าตัดที่ผ่านพ้นมา ได้เพียง 3-4 เดือนไปในตัว
ในการไปประจำการอยู่ในประเทศต่าง ๆ อย่างที่เคยพูดถึงมาแล้วคือ พวกเราจะมีวันหยุดทั้งของบ้านเราและบ้านเขาถัวเฉลี่ยกันถ้าวันหยุดบ้านเขา สถานที่ต่าง ๆ ผู้คนก็จะเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าเป็นวันหยุดของบ้านเรา ก็ค่อนข้างโชคดีเพราะเราได้หยุดในขณะที่คนพื้นเมืองส่วนใหญ่ต้องทำงานกันต่อ และเราก็มักจะหาโอกาสออกไปทัศนศึกษายังนอกเมือง ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ หรือแม้แต่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาเดินทางออกไปเยี่ยมเยือนเพื่อนฝูงยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งใกล้และไกล ตามกำลังทรัพย์ที่ต้องใช้ในการเดินทางและระยะเวลาที่เหมาะสม การไปบัวโนส แอร์เรส ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของเราสองคน ดังนั้นด้วยระยะเวลาวันหยุดที่มีอยู่ ทำให้น้องติ๊กและมิตรสหายทางบัวโนส ฯ ช่วยกันจัดโปรแกรมให้ เรียกว่าไหน ๆ ก็มาแล้วก็เอาให้คุ้มที่สุด เราจึงได้เที่ยวในเมืองหลวงหนึ่งคืนต่อกันอีกค่อนวัน
ก่อนจะลงเรือล่องแม่น้ำพลาต้าที่กว้างใหญ่ราวทะเลไปยังเมือง โคโลเนียล และ ชมเขื่อนอีปู ชมน้ำตกอีกัวซู ก่อนล่องเรืออกลับมายังบัวโนส มาถึงกลางดึก นอนต่ออีกสองสาม คืน เที่ยวชมเมืองตามจุดต่าง ๆ แล้วบินกลับกรุงซันติอาโก
ที่บัวโนส น้องติ๊ก ดูแลเราอย่างดี จัดห้องต้อนรับให้หลับนอนอย่างสุขสบาย และน้องกุ๊ก ลูกสาวรับหน้าที่พาลุงกับป้าเที่ยวชมเมือง ตกกลางคืนคุณแม่คุณลูก พาไปกินสเต๊กเนื้อที่ขึ้นชื่อของอาร์เจนติน่า แล้วพอเสาร์อาทิตย์ทั้งคู่ก็ขับรถพาเราล่องเรือ พาไปเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ชานเมือง เรียกว่าเราสองคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในบัวโนสฯ ที่บอกกันว่าถนนในเมืองนี้กว้างใหญ่มากถึง 10 เลน มีกลุ่มคนจูงหมาฝูงใหญ่เป็นยี่สิบสามสิบตัว โดยไม่ฟัดกันเอง หรือไปฟัดกับกลุ่มอื่น แล้วเวลาพัก เหล่าน้องหมาเหล่านี้กับกลุ่มผู้จูงก็ไปนั่งพักกินน้ำชากาแฟกันที่ปาร์ค เป็นกลุ่มก้อนน่าทึ่งมาก แล้วยังมีสถานที่ที่น่าจะต้องไปชมอีกหลายแห่ง ที่แน่ ๆ คือ ทัวร์โรงละครดังอย่าง เดอะ โคลอน ที่งดงาม แล้วเดินตลุยย่านชอปปิ้ง ตกค่ำก็จองดินเนอร์เคล้าเสียงเพลงพร้อมดูเต้นแทงโก้ ไปด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งที่สุดในความรู้สึกของเราสองคนคือการได้ไปเยือนบ้านหลังสุดท้ายของเหล่าคนดังที่รีคอเลคต้า ซึ่งอยู่กลางเมืองบัวโนส แอร์เรส สุสานที่หรูหรา สวยงาม และที่นี่เราได้พบบ้านของ เอวา เปรอง ที่ผู้คนชาวอาเจนติน่าส่วนใหญ่รักและศรัทธาเธอ และเมื่อปีที่แล้ว เป็นช่วงวาระครบ 100 ปีของการจากไปของเธอ
ประวัติของเธอถูกนำมาสร้างเป็นละครเพลงและภาพยนตร์ และแน่นอนที่เมื่อพูดถึง เอวา ทีไร ผู้คนก็จะต้องนึกถึงเพลง Don’t Cry for Me Argentina… แม้แต่เราก็เช่นกัน ค่ะ