เครื่องดื่มแสนพิเศษในอยุธยา

เครื่องดื่มแสนพิเศษในอยุธยา

หากนึกถึงของกินของฝากที่ขึ้นชื่อของอยุธยา ก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “สายไหมอยุธยา” ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นของหวานทานเล่นอย่างโรตีสายไหมแล้ว ยังถูกนำมารังสรรค์เป็นส่วนประกอบให้กับแก้วโปรด รวมไปถึงของหวานอีกหลากหลายชนิด จนอาจกล่าวได้ว่า สายไหมกินกับอะไรก็อร่อย ที่แม้แต่คนอยุธยาเองยังต้องมาชิม

สไตล์การตกแต่งของที่นี่ เน้นความเรียบง่าย ตัวอาคารและด้านในเลือกใช้สีขาวตัดกับสีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีของเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มมุมสดชื่นให้กับร้านด้วยพันธุ์ไม้เล็กสีเขียว บนเพดานร้านโดดเด่นด้วยโครงสร้างของเหล็กสีขาวตัดกันเป็นเส้นกริด อันเป็นโครงสร้างของลายผ้าขาวผ้า ตอกย้ำความเป็นแบรนด์บุษบา

สำหรับเมนูเครื่องดื่ม เริ่มด้วยเครื่องดื่มเบา ๆ White Peach Yuzu ชาไวท์พีชยูสุ ชาส้มยูสูผสมผสานกับชาพีชขาว เป็นแก้วเริ่มต้นที่ดื่มได้ง่าย สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ ช่วยเพิ่มความสดชื่นดับร้อนระหว่างวันได้เป็นอย่างดี

แก้วต่อมา Ice Busaba Latte บุษบาลาเต้เย็น ฟองนมนุ่ม ๆ ท็อปด้านบนด้วยสายไหมอยุธยา รสชาตินุ่มละมุมลิ้น กรุบกรอบดด้วยเท็กเจอร์ของสายไหมที่กำลังลายในปาก

ส่วนแก้วนี้ Espresso Affogato เอสเปรสโซ่อัฟโฟกาโต แก้วนี้นำเข้าเมล็ดกาแฟจากเคนยาและกัวเตมาลา เมื่อพร้อมดื่มก็ให้ค่อย ๆ ราดเอสเปรสโซ่ร้อน ๆ หนึ่งช็อต ลงบนไอศกรีมสายไหมอยุธยา หากชื่นชอบในสายไหมก็สามารถใส่ลงไปได้อีก

ต่อกันที่ของหวานแบบไทยๆ Thai tea Granita กรานิต้าชาไทยทรงเครื่อง เกล็ดน้ำแข็งชาไทยหวานฉ่ำ ท็อปด้วยเฉาก๊วย มะพร้าว ตบด้วยไอศกรีมชาไทยและสายไหมอยุธยา หากอยากเพิ่มความเข้มข้นแนะนำให้ราดด้วยน้ำราดชาไทยที่เสิร์ฟมาคู่กัน

ปิดท้ายด้วยของหวานอีกอย่าง Homemade Passion Fruit Cheesecake เสาวรสชีสเค้กโฮมเมด เค้กเสาวรส ทานคู่กับซอสเสาวรส สด ๆ จากลูก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เนื้อสัมผัสดี

นอกจากนี้แล้วทางร้านยังมีอาหารฟิวชันอีกหลายหลายเมนูรอให้มาลิ้มลอง ถ้าหากมีแพลนมาเที่ยวแถวอยุธยา Busaba Cafe & Meal เป็นอีกร้านที่ไม่ควรพลาด

 


More Information

ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโรงแรม Busaba Ayutthaya ถ. อู่ทอง ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00 น. – 20.00 น. โทร. 06-1418-9229

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง FB : https://www.facebook.com/BusabaCafeMeal/

หากนึกถึงของกินของฝากที่ขึ้นชื่อของอยุธยา ก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็น “สายไหมอยุธยา”