จิงจิง วริศรา ยู

จิงจิง วริศรา ยู

“จิงจิง วริศรา ยู” ชื่อนี้อาจคุ้นหูใครหลายคนว่าเธอคือนางแบบอายุน้อยแต่มากไปด้วยประสบการณ์ และหากบอกว่าเธอคนนี้คือนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง App War แอปชนแอป เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงต้องร้องอ๋อมากกว่าเดิมแน่นอน จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ตอนอายุ 15 กับเวทีการประกวด Thai Supermodel ปี2012 สู่การทำตามความฝันได้สำเร็จในอายุ 21 ปี ด้วยการเป็นนางแบบโกอินเตอร์ได้ร่วมงานกับต้นสังกัดที่ประเทศเกาหลี และนี่คือหนึ่งในตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน พยายามไขว่คว้าหาโอกาส และพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จ 

อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นตั้งแต่ประกวด Thai Supermodel ?
ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก จิงเริ่มต้นจากการเป็นสายเต้น เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็ก เต้นโคฟเวอร์ตามงานต่าง ๆ บ้าง เป็นแดนเซอร์ให้เขาตามงานคอนเสิร์ตบ้าง พออายุ 15 ช่วงนั้นมีการประกวด Thai Supermodel ปี 2012 คนรอบตัวบอกว่าหน้าตาของเราแปลก คอก็ยาว ตัวสูงด้วย อยากให้ลองประกวดดู เราจึงตัดสินใจเข้าประกวด และได้รับรางวัลชนะเลิศที่ 1 พร้อมคว้าตำแหน่งพิเศษ คือ Editors’ Choice และ Glowing and Beautiful Skin By Lux หลังจากนั้นก็เข้าสู่วงการนางแบบเต็มตัว ซึ่งจิงอยู่ในวงการนางแบบมา 6 ปีแล้วโดยที่ไม่ได้กลับไปเต้นอย่างจริงจังอีกเลยค่ะ

ชีวิตหลังทำตามความฝันได้สำเร็จเป็นอย่างไรบ้าง?
ความฝันของจิงคือการเป็นนางแบบที่โกอินเตอร์ไปยังต่างประเทศ ซึ่งเรียกได้ว่าเราทำตามความฝันได้สำเร็จแล้ว เพราะตอนนี้ทำงานทั้งที่ไทยและเกาหลี การไปทำงานที่ต่างประเทศเหมือนกับเราต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี จริง ๆ แล้วในสัญญากับต้นสังกัดที่เกาหลี จิงจะต้องรับงานทางฝั่งเขาเป็นหลัก แต่ช่วงก่อนหน้านี้เราก็มีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง App War แอปชนแอป มันทำให้เรารู้สึกว่าการแสดงมันสนุกดี แล้วเราก็ชอบมันเหมือนกัน ประกอบกับช่วงนี้ใกล้หมดสัญญากับทางเกาหลี จิงเลยขอเขากลับมาทำงานที่ไทยควบคู่กันไป โดยเลือกเดินทางไปกลับและพักอยู่ที่เกาหลีเป็นหลักค่ะ 

ความแตกต่างที่พบในการทำงานที่เกาหลี ?
วงการนางแบบที่เกาหลีเขาจะจริงจังกับการทำงานมาก เพราะมันมีการแข่งขันที่สูงมาก ไม่ใช่แค่การเดินแบบเท่านั้นแต่เป็นทุกวงการเลย จิงรู้สึกโชคดีมากที่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมงานกับพวกเขา และที่สำคัญรัฐบาลเกาหลีเขาให้การสนับสนุนวงการแฟชั่นและนิตยสาร เช่น หากมีนิตยสารหัวไหนกำลังจะปิดตัวลง ทางรัฐบาลจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทำให้วงการนิตยสารและแฟชั่นเกาหลีกว้างขวางและแข็งแรงมาก

การเริ่มทำงานตั้งแต่เด็กจนมาถึงปัจจุบัน มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง ?
การทำงานตั้งแต่เด็กทำให้เราขาดสังคมกับการเรียนในมัธยมและมหาวิทยาลัย ทำให้กิจกรรมในช่วงเวลาตรงนั้นมันไม่ค่อยมี เราอยากทำกิจกรรมเหมือนคนอื่น ๆ นะ แต่ว่าทำไม่ได้เพราะต้องทำงาน และการทำงานในต่างประเทศ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปทุกด้านเลยค่ะ เมื่อก่อนจิงเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลย แต่พอไปอยู่ที่เกาหลีเราต้องหาที่พัก หาอาหาร ซักเสื้อผ้า  ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด ใช้ชีวิตตัวคนเดียว เรื่องการทำงานเราอาจจะเริ่มจากหนึ่ง แต่เรื่องการใช้ชีวิตเราเริ่มจากศูนย์เลย ตอนแรกมีปัญหาเยอะมาก แต่ตอนนี้ผ่านไป 2 ปีแล้ว ทุกอย่างเริ่มลงตัว เราดูแลและรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว พอได้กลับมาที่ไทย พ่อกับแม่เขาก็ภูมิที่เราโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น 

ทัศนคติในการทำงาน ?
จิงมีคติประจำใจในการทำงานอยู่ 2 ข้อ คือ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราคิดจะทำ และความมั่นใจเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าคุณทำงานในวงการบันเทิงโดยไม่มีความมั่นใจ มันส่งผลกระทบต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน

ตัวตนที่แท้จริง ?
ภาพลักษณ์ภายนอกจิงอาจดูเป็นคนนิ่ง ๆ ที่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้าสนิทกันแล้ว ทุกคนจะรู้วาจิงเป็นคนติ๊งต๊อง พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เป็นคนที่นิ่ง ๆ นะ เวลาอยู่กับคนที่ไม่สนิท เราจะไม่กล้าเข้าหาใครก่อนเลย

อะไรคือความท้าทายใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ?
ความท้าทายใหม่ ๆ ที่น่าสนใจคือการแสดงค่ะ จิงอยากลองเล่นบทแปลก ๆ ดู ในตอนนี้กำลังมีผลงานกับ Gmm Grammy ทางช่อง GMM 25 เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนและฆาตกรรม รอคิวถ่ายทำช่วงปีหน้า และน่าจะมีซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ตามออกมาอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโปรเจ็กต์ลับรออยู่ ขอบอกใบ้ไว้นิดนึงว่าเกี่ยวกับเกิร์ลกรุ๊ปของไทยค่ะ ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกมาในทิศทางไหน ยังไงก็ฝากติดตามและรอดูกันในปีหน้านะคะ

คำแนะนำถึงคนที่มองเราเป็นต้นแบบ ?
ถ้าเรามีความฝัน เราต้องลงมือทำ ถ้าไม่ทำเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะทำมันได้หรือไม่ได้ ถึงแม้เราลงมือทำไปแล้วแต่กลับรู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จในด้านนี้ การลงมือทำมันอาจนำทางเราไปสู่ความฝันอันต่อไปของเราก็ได้ การลงมือทำมันอาจชี้นำเราไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี ตัวอย่าง จิงเป็นคนที่ตัดสินใจปุ๊ปปั๊ป อย่างจะไปทำงานที่เกาหลี พอได้รับโอกาสก็เลือกตัดสินใจทำทันที ทำก็คือทำเลยค่ะ

รู้จักคุณหลิน มชณต ได้อย่างไร และสนิทสนมกันมากน้อยแค่ไหน ?
จิงรู้จักพี่หลินตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ นับตั้งแต่เข้าวงการจนมาถึงตอนนี้ 6 ปีแล้วค่ะที่สนิทกัน ได้เจอกันบ่อย ๆ ที่สำคัญพี่หลินเป็นคนพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องและติ๊งต๊องเหมือนกัน มันก็เลยทำให้เราสองคนเข้ากันง่ายขึ้น ช่วงหลังมานี้เวลามีปัญหาชีวิต เราก็จะคอยพูดคุยปรึกษากันและกันค่ะ

TEXT :  Roekdee & Sasatorn 
PHOTO : เดี๋ยวเดียว

#mixmagazinethailand #Connected