3 วิธี แก้ปัญหาอาหารการกิน
มนุษย์เงินเดือน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้กินอาหารเช้า หรือกินอาหารเช้าอย่างขอไปทีแค่พอมีอะไรกินได้ ก็ต้องกินไปพอปะทังความหิว โดยไม่ได้ดูคุณค่าของอาหารให้มากพอ
ปัญหาเรื่องอาหารการกินของมนุษย์เงินเดือนเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์เงินเดือนเยอะมาก แต่มีอย่างหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ หรือรู้แต่อาจจะไม่ตระหนักคือ
อาหารส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์เงินเดือนด้วยเช่นกัน
ปัญหาเรื่องอาหารการกินที่พบบ่อยในบรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย
1. ไม่มีเวลาในการกินอาหารเช้า หรือกินแต่อาหารเช้าด้อยคุณภาพ (อาหารขยะ) ทั้ง ๆ ที่อาหารเช้าสำคัญสุดแนะนำ: มีงานวิจัยพบว่า เมื่อไม่ได้กินอาหารเช้าหรือกินไม่พอ จะทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ หรือประสิทธิภาพการทำงานลดลง
แถมยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอ้วน เบาหวาน ไขมันเลือดสูง อีกต่างหาก!!! เพราะฉะนั้นต้องกินอาหารเช้าดี ๆ ให้เต็มที่
2. กินน้ำตาลมากเกินไป โดยไม่รู้ตัว โดยหลาย ๆ คนอาจจะกินแบบนี้อยู่โดยไม่รู้ตัวก็ได้
• กินกาแฟ ตอนเช้า 1-2 แก้ว (แก้วละ 250 cc*2 = 500 cc)
• สาย ๆ ดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋อง (325cc)
• กลางวัน กินข้าวกลางวันกับชาเขียวใส่น้ำตาล 1 ขวด (500 cc)
• บ่าย ๆ กินชานมไข่มุก 1 แก้ว (16 Oz. 480 cc)
• เย็น ดื่มชาเขียวใส่น้ำตาล 1 ขวดพร้อมกับข้าวเย็น (500 cc)
• ค่ำ ๆ อาจจะกินน้ำอัดลมอีกสัก 1 ขวด (500 cc)
โมเดลแบบนี้หลาย ๆ คน อาจจะกินอยู่ก็ได้ถ้ากินแบบนี้ก็ได้น้ำใส่น้ำตาลไปประมาณ 2,805 cc หรือเกือบสามลิตรต่อวัน แถมเพิ่มความเสี่ยง โรคอ้วน เบาหวาน ไขมัน โรคหัวใจ
3. อาหารส่วนใหญ่ที่มนุษย์เงินเดือนกินนั้น มักจะทั้งเค็ม ทั้งมัน มากเกินไป
อาหารเค็ม เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไต ความดันโลหิตสูง
อาหารมัน เพิ่มความเสี่ยงไขมันในเลือดสูง หลอดเลือดอุดตัน
ทางออกง่าย ๆ สไตล์มนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่
1. แนะนำหุงข้าวกล้องมาจากบ้าน โดยตั้งเวลาหุงไว้ตั้งแต่กลางคืน
2. ซื้อผักสดออร์แกนิกไว้สัก 1 ถุง
3. แล้วนำมากินกับกับข้าวที่ทำงาน โดยสั่งเป็นอาหารตามสั่ง
ข้อควรระวัง
ไม่ซื้ออาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป หรืออาหารกระป๋องมากิน
• ส่วนกาแฟ ถ้าจำเป็นต้องดื่มจริง ๆ แนะนำเป็นกาแฟดำ และให้ดื่มหลังอาหารแบบนี้พอไหว
• ระหว่างวันดื่มเป็นน้ำผลไม้คั้นแยกกาก หรือชาสมุนไพรไม่ใส่น้ำตาล ก็จะได้ประโยชน์มากกว่าน้ำอัดลม หรือชานมไข่มุกครับ