Learning Solution  for All

Learning Solution for All

เป็นที่ทราบกันดีว่าหากนำระบบการศึกษาไทยไปเทียบกับต่างประเทศ เมืองไทยเรามักจะอยู่ท้ายตารางทุกที! เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสังคมที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน โดย ‘ธานินทร์ ทิมทอง’ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตระหนักถึงปัญหาในข้อนี้เป็นอย่างดี จึงได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมการศึกษารูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Learn Education”

ระบบการเรียน Learn Education เป็นระบบการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์รูปแบบใหม่ที่นำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับเนื้อหาวิชาที่สอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการเรียนการสอนแบบ
ครบวงจร สามารถเข้าถึงเนื้อหาและทบทวนความรู้ได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนให้กับคุณครู และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสำหรับนักเรียนในแต่พื้นที่ต่าง ๆ 

“เรามองว่า Challenge ของประเทศมันเยอะมาก เยาวชน 16 ล้านคน มีเด็กด้อยโอกาส 4 ล้านกว่าคน แถมยังมีเด็กอีก 3 แสนคน เรียนไม่จบม.3 พอมาดูเรื่องคุณภาพการศึกษาไทย เราก็อยู่ท้าย ๆ เสมอ ซึ่งต้นตอที่เราพบเป็นเรื่องครู คือเรายังขาดครูทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ บางโรงเรียนครูสอนวิชาเดียวก็จริง แต่สอนตั้งแต่ ป.1 ยัน ม.3 มันโหดมาก นอกจากนั้นด้วยระบบการศึกษาบ้านเราทำให้ครูออกมานอกห้องเรียนเยอะ เช่นต้องมาทำงานเอกสาร งานกิจกรรม และสุดท้ายสิ่งที่บ้านเรายังมีปัญหาอยู่ คือครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาตัวเด็กน้อย พอโยนลูกเข้าไปที่โรงเรียนแล้วก็ปล่อยให้โรงเรียนดูแลต่อ 

“จุดตั้งต้นของบริษัทเราเป็น Text-Based มีเทคโนโลยี มีหลักในเรื่องของการทำ Digital Content ต่าง ๆ แต่เราก็คิดว่าคนที่สำคัญที่สุดในห้องเรียนก็คือคุณครู เทคโนโลยีหรือสื่อการเรียนการสอนมันเคยมีอยู่เยอะแล้วแหละ แต่มันก็ไม่เคยเวิร์คเลย เราก็คงจะไม่ทำซ้ำในสิ่งที่มันไม่เวิร์ค เลยตั้งโจทย์ใหม่ว่าเราจะสร้างเทคโนโลยีช่วยครู และเทคโนโลยีที่ทำให้เด็กสนุกกับการเรียนรู้ เราก็ลองผิดลองถูก จนได้โซลูชั่น 3 ส่วน คือ Digital Content, Learning Platform และ ทีมผู้ช่วยครู

“เนื้อหาการเรียนตรงตามหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงฯ มี Text Book กับ Work Book ให้ รูปแบบเราก็ออกแบบให้น่าเรียน เหมือนหนังสือต่างประเทศ แล้วก็มีวีดีโอ อนิเมชั่น คลิปวีดีโอต่าง ๆ เพื่อทำให้เขารู้สึกว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์มันจับต้องได้นะ มันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เขาคิด ส่วนที่สองก็คือซอฟต์แวร์ ไฟล์การเรียนที่แยกแต่ละหน่วยการเรียน แล้วยังมีการทำทดสอบหลังเรียนจบแต่ละครั้งด้วย พร้อมระบบจัดเก็บคะแนน ให้ออกมาทาง Excel ครูไม่ต้องมานั่งตรวจงานที่มันเป็นเอกสาร แล้วส่วนสุดท้าย คือทีมผู้ช่วยครู จะมีทีมฝึกอบรมและให้บริการ คอยสนับสนุนด้านการใช้งานระบบ”

ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่พวกเขาทุ่มเทและตั้งใจที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทยให้สูงขึ้นทำให้ Learn Education ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพและความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น รางวัลชนะเลิศกิจการเพื่อสังคมของภูมิภาคบนเวทีระดับนานาชาติ DBS-NUS Social Venture Challenge Asia 2015 ซึ่งมีผลงานเข้าประกวดกว่า 680 โครงการ จาก 30 ประเทศในเอเชีย รวมไปถึงรางวัล Change Awards ในการประกวด Social Enterprise Awards by TSEO 2014 จากสำนักสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ 

“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือเรื่องทักษะครับ เด็กมีทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเองดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น กล้าถามมากขึ้น ครูก็ได้เปลี่ยนบทบาทจากเป็นคนที่ยัดความรู้ ให้เป็นคนที่คอยกระตุ้นการเรียนรู้ และความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนก็ดีขึ้น แล้วเครื่องมือตัวนี้ทำให้ช่องว่างทางด้านการศึกษามันลดลงได้ ตอนแรกเราทำเฉพาะม.ต้น แต่พอทำไปก็เจอปัญหา เด็กอ่านหนังสือไม่ออก บวกลบได้คูณหารไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่อยู่ ม.2 หรือ ม.3 เราเลยต้องถอยไปทำตั้งแต่ ป.5 และ ป.6 เพื่อปูพื้นให้แม่น เพราะการเรียนรู้สำคัญอยู่ที่พื้นฐาน” 

Business Model ของพวกเขาเรียบง่าย รายได้จะมาจากสองแหล่ง คือโรงเรียนที่มีกำลังซื้อ หรือองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุน แล้วนำกำไรบางส่วนมาแบ่งให้กลุ่มที่ไม่มีกำลังซื้อ เรียกว่าแม้เป็นโรงเรียนยากจนในพื้นที่ห่างไกลก็ต้องมีโอกาสได้เข้าถึงนวัตกรรมเพื่อการศึกษา 

“ถึงแม้ว่าเราจะสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ แต่คอนเซ็ปต์ในการทำการศึกษาคือต้องสร้างคนดีกับคนเก่ง ดังนั้นเวลาเราทำ Content วิชาวิทยาศาสตร์บางเรื่อง เราก็สอดแทรกเรื่องคุณธรรม ปัญหาสังคมต่าง ๆ หรือแรงบันดาลใจเข้าไปเลย ให้เขาตระหนักว่ามันไม่ดีหรอก น่าแปลกที่เด็กต่างจังหวัดรู้จักอาชีพไม่กี่อาชีพ หมอ ครู ตำรวจ เขาไม่รู้เลยว่าในโลกนี้มีอาชีพ วิศวกร สถาปนิก หรือบริหารธุรกิจ มันเลยทำให้เขารู้สึกว่ามันเป็นไปได้เหรอ เพราะเราสามารถเปิดโลกให้เขาเห็นว่ามันมีทางเลือกอีกเยอะ 
มันก็สร้างความเป็นไปได้ที่เขาจะมีแรงกระตุ้นในการเรียนขึ้นมา 

“ปัญหามีเข้ามาตลอด มีหลายอย่างที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่ยังไม่เคยท้อเพราะว่า ตอนที่ออกจากงานประจำมา 10 ปี มันยากเหมือนกันนะที่จะออกจาก Comfort Zone แต่เราตอบตัวเองไม่ได้ว่าพอเกษียณไปแล้วมันจะเติมเต็มชีวิตเราจริงรึเปล่า สิ่งที่เราอยากเติมเต็มคือ ได้ช่วยชีวิตคนนับร้อย นับพันคน ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น มันน่าจะเติมเต็ม ดูแล้วชีวิตมีคุณค่ามากกว่า การมีเงินเยอะมันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น”

ปัจจุบันระบบ Learn Education ถูกนำไปใช้ 60 กว่าโรงเรียนในประเทศไทย ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดโดยกระจายไปทุกภาคส่วน ก่อนจากกันเขาทิ้งท้ายถึงแผนระยะยาวของ Learn Education ไว้ว่า “สิ่งที่เราสัญญากับตัวเองและผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านไว้ก็คือใน 3-5 ปี เราอยากทำให้มันวิ่งไปถึง เด็กหนึ่งล้านคนทั้งประเทศ ได้รับโซลูชั่นที่เราทำ แล้วเชื่อว่าพอเราไปถึงตรงนั้นแล้วแพลตฟอร์มการศึกษาจะเปลี่ยน อยากให้มันเป็น Critical Mass ส่วนเรื่องของการขยายวิชา ก็คงทำไปเรื่อย ๆ ตามโจทย์ที่มี 
อย่างตอนนี้ภาษาอังกฤษก็น่าสนใจ แต่ก็คงต้องดูความเหมาะสมอีกทีครับ” 

Know Them 

•    โรงเรียนแรกที่ได้ทำวิจัยและพัฒนาร่วมกับ Learn Education คือโรงเรียนสหวิทย์ จ.สุพรรณบุรี จนเกิดผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการอย่างชัดเจน ช่วยให้โรงเรียนมีคะแนน O-Net วิชาวิทยาศาสตร์ เป็นอันดับ 1 ของจังหวัด 
•    Learn Education ได้ร่วมมือกับหลายฝ่าย หลายองค์กร หนึ่งในนั้นก็คือ มูลนิธิยุวพัฒน์ เป็นมูลนิธิที่มอบทุนให้เด็ก ซึ่งมีเครือข่ายอยู่พันกว่าโรงเรียน
•    ติดตามต่อได้ที่ www.learneducation.co.th 

Learn Education นวัตกรรมการศึกษายุคใหม่