EDITOR’S PAGE
สองเดือนที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากคุณพ่อป่วย ถึงแม้ดวงตาของผมไม่สามารถมองเข้าไปเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของคนที่ถูกเรียกว่า ผู้ป่วย แพทย์ หรือพยาบาล รวมถึงผมและคนอื่น ๆ ที่ถูกเรียกว่าญาติได้ก็ตาม แต่ก็สัมผัสรับรู้ได้ว่าทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือต้องการให้ความเจ็บป่วยนั้นดีขึ้น และมลายสิ้นไป
อีกทั้งในช่วงเวลาดังกล่าวผมมีโอกาสเข้าไปสัมผัสบรรยากาศห้อง ER (Emergency Room) หรือห้องฉุกเฉิน ถึงแม้จะเพียงไม่กี่วันก็เข้าใจถึงคุณค่าของเวลาและการรอคอยเป็นอย่างดี เพราะห้องนี้ถูกกำหนดให้สามารถเข้าไปเยี่ยมเป็นรอบ ๆ ญาติผู้ป่วยทุกคนต่างรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อจะเข้าไปพบและเห็นคนที่เขารัก ในเวลาแห่งความทุกข์นั้นกลับได้เห็นมิตรภาพ รอยยิ้ม แววตาที่แสดงความเข้าใจ เห็นใจจากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก และที่สำคัญผมว่าทุกคนในห้องนี้ได้สัมผัสรู้ซึ้งถึงคุณค่าของเวลาได้เป็นอย่างดีว่ามันสำคัญเพียงใด เพราะหากพลาดช่วงเวลานั้นแล้ว บางคนอาจจะไม่มีโอกาสได้พบกับมันอีกเลยก็ได้
ช่วงเวลาเหล่านี้กลับทำให้ใจซึ่งไม่มีขีดจำกัดด้วยระยะทางของการมองเห็นเหมือนกับสายตา พบว่าพระพุทธองค์ได้ตรัสถึงมนุษย์ต้องประสบกับทุกข์ 2 ประการ คือ ทุกข์จากสิ่งที่ไม่ได้รัก กับทุกข์จากการพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก เพราะเราเองก็ไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ และหลีกเลี่ยงการพลัดพรากได้เลย เพราะวันหนึ่งเราก็ต้องพลัดพรากจากคนที่รักเรา หรือไม่สิ่งที่เรารักก็ต้องพลัดพรากจากเราไป ดังพระพุทธองค์เคยตรัสว่าทุกสิ่งโดยเฉพาะสังขารทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง มีเกิด มีแปรปรวน และดับสลายลงในที่สุด การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักย่อมเป็นธรรมดา
ชโลทร ศิวารัตน์
บรรณาธิการบริหาร