Nonalcoholic  Fatty Liver Disease

Nonalcoholic Fatty Liver Disease

หากตับในร่างกายปกติแข็งแรง ร่างกายก็จะมีภูมิต้านทานที่ดี แต่เมื่อใดก็ตามที่ตับมีปัญหา เมื่อนั้นก็จะมีโอกาสที่จะเกิดโรคอื่นๆแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย และโรคหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับตับโดยที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบหรือไม่รู้จักนั่นก็คือ “ภาวะไขมันพอกตับ”

 

หลายคนคงคิดว่า ภาวะไขมันพอกตับเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายเราได้รับไขมันจำนวนมากเข้าไปอย่างเดียว แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน

 

อย่างแรกก็คือ การได้รับแป้งขัดขาวจำนวนมากเข้าไปร่างกาย น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคนี้แน่นอน แต่การกินแป้งเข้าไปจำนวนมากก็ส่งผลต่อร่างกายเหมือนกัน เพราะแป้งจะถูกนำเข้าไปสะสมในร่างกายหลังจากที่ใช้ประโยชน์ไม่หมด ส่วนหนึ่งแป้งจะถูกนำมาสะสมที่ตับ และตับจะทำหน้าที่แปรรูปแป้งให้กลายเป็นไขมันแล้วนำไปเก็บสะสมไว้ใช้ในยามจำเป็น แต่ไขมันส่วนนี้ไม่เคยจำเป็นต่อร่างกาย เมื่อถูกสะสมมากๆ เข้า ก็ทำให้เกิดความผิดปกติที่ตับจนทำให้เกิดเป็นไขมันพอกตับได้

 

สาเหตุอีกอย่างหนึ่งก็คือ การกินยาลดไขมันอย่างต่อเนื่อง ในกรณีของคนที่มีน้ำหนักมากหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันสูง การรับประทานยาลดไขมันเข้าไปจะช่วยให้ตัวเลขของไขมันในเลือดลดลง แต่เหตุผลที่มันลดลงก็เป็นเพราะยาลดไขมันเข้าไปกดหรือยับยั้งไม่ให้ตับสร้างไขมันคอเลสเตอรอลออกมา สุดท้ายจึงทำให้เกิดอาการสำลักไขมัน ไขมันเกาะตับได้ในที่สุด

 

นอกจากนี้ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับได้ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดัน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน โรคอ้วน สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ก็มีผลเช่นกัน เพราะนอกจากโรคเหล่านี้จะส่งผลให้มีโอกาสเป็นไขมันพอกตับแล้ว ยังไปเพิ่มความรุนแรงของโรคต่างๆ เหล่านั้น จนทำให้ผลการรักษาโรคไม่ดีเท่าที่ควรและ ฟื้นฟูได้ยาก

 

ในระยะแรกนั้น อาการป่วยจะไม่แสดงออกมาสักเท่าใดนัก จึงทำให้หลายๆ คนไม่สนใจและไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ยังคงกินอาหารที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง บางรายอาจมีอาการแน่นปวดชายโครงด้านขวา เบื่ออาหาร ท้องอืดท้องเฟ้อคล้ายอาหารไม่ย่อยท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง หากใครที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการดีซ่าน ผิวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้อาเจียน

 

ส่วนใหญ่แล้วการตรวจพบว่าเป็นไขมันพอกตับหรือไม่นั้น จะอาศัยการตรวจสุขภาพประจำปีว่าเอ็นไซม์ตับมีค่าผิดปกติหรือไม่หากสูงขึ้นแปลว่ามีอาการของตับอักเสบ หรือกลุ่มคนที่มีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ก็มีโอกาสเป็นไขมันพอกตับได้ ถึงแม้ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับไขมันพอกตับจะไม่รุนแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เกิดการอักเสบ และกลายเป็นตับแข็งจนเสียชีวิตได้

 

การรักษาโรคไขมันพอกตับนั้นต้องเริ่มจากตัวผู้ป่วยเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นสิ่งเร่งด่วนที่ต้องทำ งดเหล้า เบียร์บุหรี่ อาหารปิ้ง ทอด โดยเฉพาะแป้งขัดขาวต้องงดอย่างเด็ดขาด หันมากินข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้สด ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ ทำน้ำหนักตัวให้กลับสู่เกณฑ์ปกติ ที่สำคัญต้องมีวินัยกับตัวเอง แล้วไขมันพอกตับก็จะลดลงและหายไปในที่สุด

ตับเป็นอวัยวะที่จำเป็นที่สุดชิ้นหนึ่งของร่ายกาย