โรส วริศรา มหากายี

โรส วริศรา มหากายี

ก่อนจะหันหลังให้กับวงการบันเทิง

“การที่โรสได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงมันเป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อน แต่เมื่อได้เข้ามารับบทบาทในงานละคร หรือแม้กระทั่งการเป็นพิธีกรที่โรสทำติดต่อกันมานาน มันก็เกิดเป็นความรักในอาชีพนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเรารู้สึกสนุกที่ได้ทำ มันท้าทายความสามารถดีนะคะ ได้พบเจอคนมากมาย มีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต เรียกว่าเป็นสีสันของชีวิต เป็นสิ่งที่เราชอบ เราได้เปิดหูเปิดตา ได้เจออะไรใหม่ๆ กับการมาทำโรงแรมก็เหมือนกัน แต่มันต่างกันตรงที่การทำธุรกิจมันตื่นเต้นตรงที่มีความเสี่ยงนั่นเองส่วนเรื่องมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์ ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่กลับกัน ซึ่งก็ทำให้เราได้แง่คิดที่ดีอีกมากในชีวิต

 

“หากจะพูดถึงมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์นั้น เมื่อก่อนโรสและเพื่อนๆ เริ่มมาจากการทำเป็นชมรมไปช่วยชาวบ้านสอนหนังสือ ไปเก็บขยะ แล้วทำให้มีปัญหาขลุกขลักนิดหน่อย ก็เลยทำเป็นมูลนิธิซึ่งน่าจะสะดวกกว่า ก็มีหลายคนร่วมกันมาช่วยกันให้ความรู้สอนหนังสือเด็กๆ ปลูกฝังให้เขามีความรัก และรู้วิธีในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเล็งเห็นถึงเหตุ และผลของการดูแลรักษา ยิ่งช่วงที่เริ่มแรกๆ ยังไม่มีเงินทุนสักเท่าไหร่ เรายังไม่มีแรงสนับสนุน ก็ระดมทุนกันเองจากกลุ่มเพื่อนๆ คนรู้จัก มันก็ได้แนวคิดอะไรในชีวิตเหมือนกันนะคะ”

 

ก้าวแรกสู่บทบาทนักธุรกิจ

“ก็เหมือนกันนะสำหรับการเข้ามาทำที่โรงแรมนี้ โรสไม่ได้ตั้งใจไว้เลย เพราะไม่ได้เป็นคนที่มีหัวทางธุรกิจอยู่แล้ว แต่เมื่อมีโรงแรมนี้มาเป็นธุรกิจของตัวเอง ก็เลยต้องมาดูแล คือมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่เลยนะ ไม่มีประสบการณ์ เอาแค่ว่าตอนเด็กๆ เป็นคนชอบค้าขาย เพราะคุณแม่จะสอนให้เราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อย่าทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ก็ให้สตางค์มาจำนวนหนึ่ง แล้วให้เราคิดเองว่าจะทำอย่างไรให้มันงอกเงยขึ้นมา เราก็ชอบสิ มันเหมือนเล่นน่ะ ได้สนุก ก็ไปซื้ออุปกรณ์อะไรมาทำขนมครกขายคนแถวๆ บ้าน ตอนนั้นก็ทำไปแบบเด็กๆ ไม่มีการวางแผนอะไรซับซ้อน มันทำให้เราสนุก ก็เลยชอบ แต่พอชีวิตพลิกจากการทำงานวงการบันเทิงแล้วต้องมาจับธุรกิจ ก็เหมือนเราต้องสวมหมวกใบใหม่ ที่มันอาจจะใหญ่และหนักกว่าเดิม”

 

คู่ชีวิต คู่ธุรกิจ

“ด้วยความที่เราค่อนข้างศิลปินหน่อย (หัวเราะ) ก็เลยไม่ค่อยวางแผนอะไร นึกอยากจะทำอะไรก็ทำเลย คิดเร็วทำเร็ว ทันใจดีแต่มันก็มีจุดบอดเพราะการทำแบบนี้มันทำให้พลาดเยอะ แต่ก็ว่าถือเป็นจุดที่ดีคือมีคู่ชีวิตที่วางแผนต่างๆ ได้ดี โรสจะเป็นคนที่ถนัดกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า มันก็มาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้

 

“ยิ่งช่วงแรกๆ ที่ทำธุรกิจ มันดูตลกมากเลยนะเพราะเราทั้งสองคนก็ทำธุรกิจกันไม่เป็น มันก็มีเหวอๆ บ้าง คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ มันก็ต้องมีอะไรหลายๆ อย่างที่เราก็ต้องเรียนรู้กัน อาจจะไม่ง่ายนักสำหรับคนที่เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมดอย่างพวกเรา อย่างเช่นเดือนแรกๆ ที่โรงแรมนี้ตกแต่งเสร็จ เราก็มานั่งมองหน้ากันแล้วว่าจะทำอย่างไรให้คนเข้ามาพัก ทำไงดีล่ะ เพราะในช่วงของการตกแต่งเราก็สนใจแต่เรื่องนั้น จนลืมนึกไปถึงแผนการตลาด ก็เลยต้องมานั่งหาวิธีโปรโมต จนผ่านไป3 เดือนแรกเราก็ยังไม่มีแขก ก็เริ่มมองเห็นว่ามันจะมีปัญหาทางด้านธุรกิจที่เราไม่คุ้นเข้ามาเยือน (หัวเราะ)

 

“จนวันหนึ่งเรามานั่งคิดว่าทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อเราไม่ใช่นักธุรกิจก็ต้องหาวิธีที่เราถนัดและสามารถทำได้จริงมากกว่า โดยใช้วิธีให้เพื่อนๆ ของพวกเรานี่แหละมาลองพักดู แล้วก็เรียนรู้ที่จะพัฒนาโรงแรมของเราจากคอมเม้นท์ว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องยังไงจากนั้นเมื่อพวกเขาประทับใจ มันก็จะกลายเป็นการบอกต่อๆ กันไป จึงคิดว่านี่อาจเป็นการตลาดที่เราสามารถทำได้ดีและเหมาะกับเรามากที่สุด ในช่วงนั้นจะให้โรสไปจ้างใครมาทำ หรือจะไปลงคอร์สเรียนเพื่อการนี้เลยมันก็ไม่ใช่ตัวเราไง”

 

กลับสู่ความเรียบง่าย

“เราพยายามที่จะให้ที่นี่เป็นตัวแทนความเรียบง่าย เราไม่ได้หวังจะเป็น Boutique Hotel แต่ที่ผ่านมาก็มีหลายๆ คนเรียกเราว่าอย่างนั้น ก็ยินดีค่ะ เราจะบอกคนของเราเสมอว่าที่นี่คือบ้านนอกของกรุงเทพฯ เพราะเราอยากให้ทิศทางมันเป็นแบบนั้นมากกว่า

 

“บุคลากรที่มีอยู่ เราก็ฝึกกันเอง ไม่ได้ส่งไปฝึกการโรงแรมให้เป็นแพทเทิร์นอะไรขนาดนั้น เพราะว่าเราดึงความเป็นบ้านนอกเข้ามาอยู่ที่นี่ เราจะสอนให้เขาทำยังไงก็ได้ให้แขกรู้สึกว่าเราเป็นมิตร เราบริการดี และเขาประทับใจโดยไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมากให้ออกมาจากใจจากข้างในก็พอแล้ว มันเป็นการสร้างโอกาสให้เขา อย่างน้อยเมื่อเขาได้เรียนรู้จากที่นี่ เขาก็จะได้ไปเติบโตที่อื่นได้สบาย

 

“และที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราคิดคือถ้าเราวางกรอบอะไรมากๆ ความเป็นธรรมชาติมันอาจไม่เกิดก็ได้ ดังนั้นเราอยากให้การบริการออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติ เราก็สอนวิธีการบริการที่ดีที่ถูกต้องไป ส่วนสไตล์การบริการของเขาก็จะออกมาจากใจเอง แขกที่มาพักก็ประทับใจแล้วเขาก็ภูมิใจ จริงๆ แล้วมันเป็นห่วงโซ่นะ คิดว่าภายใต้พื้นฐานของความเรียบง่ายมันเวิร์คสุดแล้วล่ะ” 

 

ความสุขที่เกิดขึ้น  ใจกลางกรุงเทพฯ

“ส่วนใหญ่แขกที่รู้จักและเข้ามาพักที่นี่จะเป็นชาวต่างชาติ เพราะว่าในขณะที่พวกเราโหยหาความสะดวกสบายหรูหรา แต่ต่างชาติเขากลับเสาะหาแต่ความเป็นธรรมชาติ เรียบง่าย และเป็นปัจเจก แม้พื้นที่ที่เรามีจะดูน้อยนิด แต่เรารักษาการบริการ รักษาภาพความประทับใจเอาไว้ มันเลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แขกที่มาพักก็มีมาอยู่เรื่อยๆ เรามีห้องพักกว่า 30 ห้อง แต่ก็พยายามให้เปิดพักได้ไม่เกิน 20 ห้อง เพื่อต้องการให้ที่พักของเราไม่โทรมหรือแออัดจนเกินไป”

 

สร้างพระนครให้นอนเล่นสบายๆ 

“สำหรับที่นี่เราพอใจที่จะไม่รักษาภาพพจน์นะ เราจะบอกใว้ก่อนเลยในเว็บไซต์ว่าที่นี่เรามีจิ้งจกและยุงที่กำลังหาวิธีในการจัดการกับมันอยู่ คือเราไม่รู้จะหาเหตุผลมาแก้ตัวยังไงเวลาที่แขกต้องมาประหลาดใจกับจิ้งจกและยุง โอเค สำหรับโรงใหญ่ๆ หรูๆ คุณอาจไม่เจอ แต่นี่เราไม่ใช่ เราเป็นอีกสไตล์หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเรามีไว้ต้อนรับแขกนะคะ แต่เรากำลังพยายามกำจัดอยู่ (หัวเราะ) เราไม่มีโทรทัศน์ เพราะอยากให้แขกที่มาพักได้รู้สึกว่าหลีกหนีความวุ่นวายของข่าวสาร มาพักผ่อนจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอินเตอร์เน็ตไว้บริการ เพราะเรามองว่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่าสำการรับข้อมูลข่าวสารโดยที่ตัวเราเองเป็นฝ่ายเลือกมากกว่าถูกเสิร์ฟจากโทรทัศน์ค่ะ

 

“เราเป็นโรงแรมเล็กๆ ก็จริง แต่ก็มีศักยภาพมากพอที่จะดูแลคุณภาพชีวิตแขกที่มาพัก และเพื่อนบ้านร่วมชุมชนของเราได้โดยการพยายามบำบัดของเสียก่อนปล่อยออกไป แขกก็ได้สุขภาพดีไปกับการทานผักที่ได้มาจากการปลูกแบบออแกนิกส์บนดาดฟ้าของเราเอง

 

“ส่วนรางวัล Winner Traveler’s Choice 2008 เราได้รับมาแบบไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย เพราะว่าแขกที่มาพักไปโหวตกันเองมันเลยทำให้รู้สึกว่าหลายๆ สิ่งที่เราพยายามกันมาทั้งหมดนั้นมันสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในใจของคนที่มาพักแค่ไหน มันยิ่งกว่าความภาคภูมิใจอีกค่ะ”

 

ความเป็นตัวตนที่หล่อหลอมให้มีวันนี้

“ด้วยวิธีการทำงานของโรสที่ได้มีส่วนร่วมลงไปดูแลเองทั้งหมด อบรมให้พนักงานมีความสามารถที่หลากหลายพอที่จะช่วยเหลืองานเราได้หลายๆ ด้าน มันก็จะทำให้เราลดต้นทุนไปได้เยอะ ทำไมพวกเขาถึงเต็มใจทำอะไรให้เราได้เยอะ และเต็มที่น่ะเหรอ 
เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่าเราเต็มที่กับเขาหรือยัง แล้วเราก็จะได้รับมันกลับมาเองค่ะ เวลาทำอะไรแล้วต้องตั้งใจทำ ทำให้ได้ทำให้ดี แล้วก็จริงใจกับงานกับตัวเอง ทำในสิ่งที่เรารัก ถ้าเราชอบมันแล้วจะออกมาดีที่สุด และเราจะไม่มานั่งเสียใจในความผิดพลาดที่ผ่านมา เราควรคิดว่ามันสอนอะไรเราบ้างจะดีกว่า

 

“ชีวิตตอนนี้มีความสุขนะ ทุกวันมันมีกิจกรรมให้ทำตลอด แม้กระทั่งการดูแลครอบครัวก็ด้วย ยอมรับนะ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งกับหน้าที่การงานที่มีอยู่ และการดูแลครอบครัวให้ดีนี่มันเป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อยสุดๆ แต่ผู้หญิงเราก็ต้องทำและผ่านมันไปให้ได้ค่ะ

 

“ส่วนการใช้ชีวิต โรสชอบแนวคิดแบบ Slow Life นะ เพราะคิดว่าทำไมชีวิตเราจะต้องเร่งรีบอะไรกันขนาดนั้นค่อยๆ เดินอย่างมั่นคง ดีกว่าเดินเร็วๆ แต่มันอาจทำใหคุณมีความเสี่ยงที่จะสะดุดล้มก็ได้ ในเมื่อชีวิตเรามันอยู่ท่ามกลางสิ่งแปลกปลอมทุกๆ วันอยู่แล้ว ทำไมเราจะต้องแข่งขันกับอะไรก็ไม่รู้ให้ชีวิตมันดูเพี้ยนไปกว่านี้ล่ะคะ”

โรส วริศรา มหากายี ผู้บริหารโรงแรมพระนครนอนเล่น