สมิทธิ์ อารยะสกุล

สมิทธิ์ อารยะสกุล

“สาขานี้เพิ่งจะเปิดได้ไม่กี่วันเองครับ ผลตอบรับก็ถือว่าดีครับ”

 

คลินิกแห่งนี้เป็นสาขาที่สองที่เปิดต่อจากสาขาแรกที่สยามแสควร์ซึ่งเปิดดำเนินการมาหกปีแล้ว โดยมีคนไข้ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่นและผู้ปกครองที่มาใช้บริการที่อาคารแห่งนี้

 

“จริงๆ ผมเข้ามาร่วมหุ้นทีหลัง คือคุณหมอสุวิรากร (โอภาสวงศ์) ท่านเป็นอาจารย์ผมที่ศูนย์ผิวหนัง มศว ระหว่างเรียนผมก็มาช่วยงานที่นี่ พอทำแล้วก็รู้สึกว่าเข้ากับงานนี้ได้ดี ก็เลยตัดสินใจทำที่นี่”

 

ย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็กๆ เขาเล่าว่าเด็กชายโอ๊คเรียนอยู่ที่สาธิตเกษตรตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ม.5 เขานับเป็นเด็กเรียนคนหนึ่งเลยทีเดียว สิ่งที่เด็กชายโอ๊คถนัดที่สุดก็คือการใช้ความจำ เรียกว่าเรื่องท่องจำเป็นของง่ายมากสำหรับเขา

 

“คือตอนนั้น ทุกคนจะเรียนกว้างๆ อย่างพวกศิลปะ พละ มีวิชาเยอะ ผมก็ไม่เก่งพวกวิชาแบบนี้เลย อย่างศิลปะนี่ไม่ได้เลย แต่พอมาอยู่แผนวิทย์ ได้เลือกตามความถนัด ได้เรียนเคมี ชีวะ ที่ผมชอบเพราะผมเป็นคนอ่านหนังสือเร็ว ก็เลยรู้สึกว่าเรียนเก่งขึ้นเรื่อย จากสามนิดๆ ก็มาเป็นสี่จุดศูนย์ศูนย์

 

“สิ่งที่ผมได้จากการเรียนที่สาธิตเกษตรก็คือความกล้าแสดงออก เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนต้องออกมาพูดหน้าชั้นทุกวัน มาเล่าข่าว เพราะฉะนั้นเด็กสาธิตจะกล้ายกมือ กล้าถาม ผมก็ไม่รู้ถึงความแตกต่างจนกระทั่งมาเรียนมหาวิทยาลัย

 

“ส่วนตอนเรียนหมอ ช่วงแรกๆ ก็ถือว่าเรียนหนัก เพราะแพทย์จะเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น เรียกว่าเหมือนตอนเรียนมัธยม”

 

ความจริงแล้ว ตอนเด็กๆ เขาไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นหมออย่างทุกวันนี้ แต่เรียกว่าเลือกตามความถนัดมากกว่า รวมทั้งยังได้คำแนะนำจากญาติๆ ผู้ใหญ่ รวมทั้งคุณแม่และคุณลุงที่เป็นแพทย์ทั้งคู่

 

“หลายคนเขาก็แนะนำผมว่า ถ้าถนัดท่อง อ่านหนังสือเร็วๆ แบบนี้ก็น่าเรียนหมอ แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อนะ ก็ลองฟังคำแนะนำจากที่โรงเรียนด้วย สุดท้ายผมก็เลือกไม่ผิด เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือคน เรียนก็สนุก แต่บางคนอาจจะมองว่าแพทย์เรียนหนักมาก โหด เข้าใจยาก แต่จริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้น แค่มีเวลากับมัน แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบรับฟังปัญหาคนอื่น ก็อาจจะทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเป็นคนใจกว้าง ใจเย็น พร้อมที่จะรับฟังเรื่องที่เป็นปัญหา แล้วก็แก้ปัญหาให้คนอื่น

 

“เป็นหมอก็เหนื่อยนะครับ แต่ตอนนี้ก็ชินแล้ว ผมเลือกตามลิมิตของเราเอง ไม่ได้ไปกำหนดว่าต้องทำงานเท่าไหร่”

 

แพทย์ประจำคลินิคสองสาขา แพทย์ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หุ้นส่วนร้านอาหาร พิธีกรรายการรถโรงเรียน อัลบั้มเพลงชุดใหม่ที่กำลังใกล้จะบันทึกเสียง ละครเรื่องใหม่ของเอ็กแซกท์ที่กำลังถ่ายทำ ทั้งหมดคือสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ต้องทำในเจ็ดวัน แต่เขากลับไม่มีทีท่าของความเหนื่อยล้าให้เราเห็นเลย

 

“ผมทำงานเจ็ดวันมาตลอดชีวิตครับ เรียกว่าตั้งแต่มีชีวิตการทำงานมาเลย แต่ผมใช้กระจายงานเอา ก็เลยยังมีเวลาเล่นฟิตเนสสามวัน ยังได้นอนตรงเวลา สี่ห้าทุ่มก็นอนแล้ว หกโมงเจ็ดโมงก็ตื่น”

 

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เขาเป็นนายแบบมาก่อนที่จะมาใช้ชีวิตของการเป็นแพทย์ เรื่องมันเกิดมาจากสมัยที่เขาเป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่ มศว องครักษ์ มีคนไข้รายหนึ่งที่เป็นแมวมองติดต่อให้เขาลองไปทดสอบที่โมเดลลิ่งดู และนั่นก็นำไปสู่การเข้าวงการบันเทิงของเขา เริ่มจากการถ่ายโฆษณาและเป็นนักร้องในที่สุด

 

ฟังดูแล้วเหมือนชีวิตเขาจะไม่เคยผิดหวังกับอะไรเลย ความสำเร็จเหมือนถูกปูทางวางไว้ให้เขาแล้ว

 

“ไม่จริงเลยครับ ผมก็เหมือนกับทุกคน ที่มีหลายครั้งอะไรๆ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เคยทำงานที่มีวัฒนธรรมของการทำงานไม่ตรงกับเรา ใช้เราผิดจากที่คิดไว้

 

“หรืออย่างใครที่เคยเข้าวงการ เคยเป็นนายแบบโฆษณา จะรู้ดีว่าต้องกับเจอความผิดหวังซ้ำซากในการทดสอบบท เชื่อมั้ยครับว่าบทบทนึง มีนายแบบไปเทสต์เป็นร้อยคน เพราะฉะนั้นไปทดสอบสิบงาน ได้มาหนึ่งงาน ก็เก่งแล้ว เหมือนกว่าที่ผมจะได้งานชิ้นแรก ก็ใช้เวลาถึงครึ่งปี”

 

“แต่ผมเชื่อนะครับว่าความเก่งเป็นพรสวรรค์ส่วนหนึ่ง จะให้ทุกคนเท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง อย่างผมเรื่องตรรกะ เรื่องมิตินี่ไม่ถนัดเลย แต่ผมว่าเราแค่จับจุดว่าเรามีความสามารถอะไร ข้อเด่น ข้อด้อยคืออะไร แล้วเลือกชีวิตให้ถูกทางแค่นี้ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลครับ”

 

วันที่ไปสัมภาษณ์คุณหมอ ช่างภาพของเราทักว่าจากภาพที่เคยเห็นในหนังสือหรือโทรทัศน์ ดูเขาจะเป็นคนนิ่งๆ กว่านี้ ผิดกับที่วันนี้ดูสบายๆ อารมณ์ดี

 

“ผมเป็นคนเครียดยาก เป็นคนมองโลกในแง่ดี ตั้งแต่เกิดมาผมไม่รู้สึกเลยนะว่าขาดอะไรไป ผมพอใจทุกขณะที่ใช้ชีวิต ได้แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว

 

เราสิ้นสุดการสัมภาษณ์วันนั้นด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับธีมของเล่มนี้ไปว่า นอกจาก 5C ที่หนุ่มยุคใหม่ขาดไม่ได้แล้ว (อ่านรายละเอียด 5C ได้สกู๊ปเล่มนี้) ถ้าต้องมีอีกหนึ่ง C เขาคิดว่ามันจะเป็นอะไร เราแซวเขาไปว่าใช่ Clinic หรือเปล่า เขาหัวเราะ ก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วตอบด้วยท่าทีมุ่งมั่นว่า

 

“ก็น่าจะเป็น Concentration หรือความตั้งอกตั้งใจ มีสมาธิครับ เพราะคนปัจจุบันงานเยอะ ข้อมูลก็เยอะ เรื่องก็เยอะ ก็เลยควรจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ตนเองทำ ถ้าใครฝึกได้ ผมว่ายังไงก็ไม่มีวันล้มเหลว”

 

มองไปที่ดวงตาเขาแล้ว เราเชื่อว่าเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ

บ่ายสาม เรากำลังนั่งรอคุณหมออยู่ในคลินิกเปล่า