AYLA’s : Music, Friendship, and Growth ดนตรี มิตรภาพ และการเติบโตที่เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิมของไอย์ลาส์

AYLA’s : Music, Friendship, and Growth ดนตรี มิตรภาพ และการเติบโตที่เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิมของไอย์ลาส์

นับเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ตั้งแต่ AYLA’s วงอัลเทอร์เนทีฟสไตล์ชัด เริ่มต้นฟอร์มทีมด้วยความเป็นเพื่อนนักศึกษา เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเล่นดนตรีกลางคืน สร้างสรรค์ผลงานเดบิวต์สุดเฉพาะตัว ก่อนแจ้งเกิดในเวลาเพียงไม่นานด้วยหลากซิงเกิลเพลงฮิต ส่งผลให้พวกเขาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย เปอร์ กัมปนาท สีม่วงพันธ์ (ร้องนำ), ออฟ  คมกฤษณ์ บุญเรือง (กีตาร์), เน วีรวุฒิ ช่องสาร (กีตาร์), ออย อาคม เพื่อนรักษ์ (เบส) และ ไนท์ บริวัฒน์ ศรีโยธา (กลอง) กลายเป็นหนึ่งในคลื่นลูกใหม่ของวงการภายใต้สังกัด Wayfer Records ที่เหล่าคนฟังเฝ้าคอยติดตามและให้การสนับสนุนผลงานอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แม้เวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ สมาชิกวงและผลงานผ่านการเติบโตบนเส้นทางสายดนตรีมากมายแค่ไหน แต่ AYLA’s ที่เริ่มต้นมาจากความเป็นเพื่อน ยังคงยืนยันเช่นวันวานว่าไม่อยากถูกมองเป็นเพียง “ศิลปิน” ที่ดูห่างเหินจากคนฟัง เพราะพวกเขา AYLA’s คือกลุ่มเพื่อนที่อยากทำเพลงให้เพื่อนฟัง

แม้เวลาจะเปลี่ยนแปลงสถานะของพวกเขาจากเพื่อนนักศึกษาให้กลายเป็นเพื่อนวัยทำงานในปัจจุบัน แต่นี่คือการเปลี่ยนไปที่เหมือนเดิมของ AYLA’s

Intro: Music

เปอร์ : จุดเริ่มต้นการฟังเพลงของผมมาจากพ่อกับแม่ครับ เพลงส่วนใหญ่ที่พ่อชอบฟังคือเพลงลูกทุ่งกับเพื่อชีวิต ชอบเปิดเพลงของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ พอเริ่มโตความสนใจทางดนตรีก็เพิ่มมากขึ้น เริ่มฟังเพลงที่แตกต่างออกไป แล้วเหมือนว่าตอนเด็ก ๆ ผมจะชอบร้องคาราโอเกะด้วย เพราะพ่อชอบพาไป ก็เลยชอบร้องเพลงขึ้นมาครับ

ออย : สำหรับผมน่าจะมาจากพี่ชาย เพราะตอนเด็ก ๆ เขาเล่นดนตรีก็เลยชอบมาเปิดเพลงให้ผมฟัง ตอนนั้นฟัง bodyslam ฟัง Silly Fools เราก็ซึมซับมา จนสุดท้ายได้มาเรียนดนตรีเหมือนกันครับ

เน : ผมเป็นเด็กทั่วไปเลยครับ ตอนประถมฟังเพลงไปเรื่อย แต่ว่ามันมีจุดเปลี่ยนมาจาก “ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ” ที่เป็นความประทับใจแรก ความจริงผมเล่นอูคูเลเล่เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกนะ ขโมยพี่ชายมาเล่น แต่พ่อแซวว่าตัวเบ้อเริ่มเล่นอูคูเลเล่ ผมก็เลยท้าเขาเล่น ๆ ให้ไปหากีต้าร์มา แล้วมันปิดเทอมพอดี ไม่มีอะไรทํา พ่อเขาก็เลยหามาให้ครับ

ออฟ : ความประทับใจเรื่องดนตรีของผมเริ่มต้นตอนประถมจากการเป่าขลุ่ยตอนตักบาตรที่โรงเรียน โตขึ้นมาหน่อยก็เปลี่ยนเป็นพิณ กับตอนเด็ก ๆ ร้องคาราโอเกะงานวันเด็กที่บ้านแล้วได้ที่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าแข่งกี่คน แต่คนให้รางวัลเป็นพ่อผมครับ 200 บาท พอได้ดู “ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ” ก็เลยขอซื้อกีต้าร์มาเล่นครับ

ไนท์ : ย้อนกลับไปตอนเด็ก คุณตาเขาจะฟังพวกรำวงชาวบ้าน เพลงยุคครูสุรพล สมบัติเจริญ ตอนแรกผมก็ชอบนะ อยากเป็นนักร้อง เพลงมันเพราะมากเลย ส่วนเรื่องอยากเล่นดนตรี มันเริ่มมาจากแถวบ้านผมที่ต่างจังหวัดมีงานที่วง ETC มาเล่น ผมก็ไปดู แต่เป็นการดูจากที่ไกล ๆ พอดูแล้วรู้สึกว่ากลองมันเท่จัง กลับบ้านมาก็หยิบกะละมังมาตีจนบุบหมดเลยครับ

Track 1 : Friendship

เน : การรวมของวง AYLA’s สรุปง่าย ๆ คือเราเป็นเพื่อนกันที่มหา’ลัยครับ เรียนคนละคณะแต่อยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน เพราะมหา’ลัยมันไม่มีคณะดนตรี คนที่อยากเล่นดนตรีก็จะมารวมตัวที่ชมรม ตอนนั้นรุ่นพี่ที่รู้จักกันเขาเล่นกลางคืน พอเห็นน้อง ๆ รู้จักกันก็เลยอยากให้ฟอร์มวงไปเล่น พอเล่นกลางคืนจบ โดนไล่ออก ก็เลยมาทำเพลงและกลายเป็นวงมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ออฟ : เล่าเหตุการณ์วันที่โดนไล่ ช่วงนั้นเหมือนเจ้าหน้าที่เขาจะมาตรวจและตรวจค่อนข้างเข้มเพราะไม่ให้เปิดเกินเวลา ทางร้านบอกพวกผมว่าให้เล่นแค่อีกเพลงนะ พวกผมตีกันไปเลยว่าหนึ่งเพลงมัน 4 นาที ก็เลยเล่นเมดเล่ย์ 3 เพลงที่รวมอยู่ภายใน 4 นาที แต่ทางร้านคิดว่าเล่น 3 เพลงก็เลยบอกว่า “ผมบอกให้ลงไม่ลง ไอ้พวกเยี่ยมนี่” วันต่อมาวงก็เลยไม่ได้เล่นอีกเลยครับ

Track 2 : วิ่งออกไปด้วยความไวสองมัค

เน : สำหรับเพลงแรกมันยากมากครับ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย เราไม่ใช่เด็กเรียนดนตรีด้วย

เปอร์ : ตอนนั้นชอบฟังเพลงแบบไหน เราก็อยากทำอย่างเขาบ้าง

เน : ช่วงนั้นมีพี่ ๆ วงอินดี้เยอะ มีวง Anatomy Rabbit หรือวง YEW ที่เป็นกระแสอินดี้ เราอยากทำเพลงแต่ทำไม่เป็นก็เลยเริ่มศึกษา พอทำจริง ๆ มันมีหลายเวอร์ชั่นมาก ตอนแรกไม่มีกลอง ตอนแรกเป็นแค่กีต้าร์โปร่ง เราพัฒนามาเรื่อย ๆ ถ้านับแค่เนื้อเพลงเขียนเสร็จได้ 2 ปีกว่าจะปล่อยเพลงออกมาจริง ๆ

เปอร์ : ตอนเขียนเพลงผมก็ไม่บอกเพื่อนด้วย พอเสร็จแล้วค่อยเอามาให้ออฟฟัง ก่อนกระจายให้วงฟัง แต่กว่าจะเสร็จก็เหมือนที่เนบอกเลย

ออย : จริง ๆ มันน่าจะประมาณ 1 ปี เริ่มช่วงปลายปีของปีนี้และปล่อยช่วงเดียวกันของอีกปีเพราะโควิด

เปอร์ : บวกกับช่วงนั้นเราเรียนกันอยู่ด้วย หาเวลาว่างมาเจอกันได้ไม่บ่อยมาก เราทำกันจนรู้สึกว่าโอเคแล้วก็เลยปล่อยดู

MiX : พูดถึงที่มาของชื่อเพลงให้ฟังหน่อยครับ

เปอร์ : เริ่มจากที่มาของชื่อเพลง พวกเราไปสังสรรค์กัน แล้วมีพี่คนหนึ่งที่เริ่มจะได้เรื่อง เขาถือแปรงสีฟังอยู่หนึ่งอันแล้วเดินมาบอกพวกเราว่า เคยเห็นคนที่วิ่งจากตรงนี้ไปหน้าปากซอยด้วยความไว 2 มัคมั้ย แล้วเขาก็วิ่งไปเลย พวกผมก็ยืนงงกัน

MiX : แล้วพี่คนนั้นเขารู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ

ออฟ : เขารู้ตั้งแต่แรกเลยครับ ทุกวันนี้เขาไปโด่งไปดังแล้ว

เน : เขาคือพี่ลินิน ยืนเดียว เป็นสแตนด์อัพคอมเมดี้ดาวรุ่งท่านหนึ่งครับ

เปอร์ : สำหรับเพลง เนื้อเพลงดราฟแรกไม่ใช่อันนี้ด้วย ตอนแรกผมยังไม่ได้เข้ามา พี่คนนั้นเขาเป็นคนเขียน จนผมเข้ามา เห็นชื่อเพลงปั่นอยู่แล้วก็เลยทำให้มันคอนทราสดู ให้เนื้อหามันเศร้าสุด ๆ ไปเลย

Track 3 : Wayfer Records

เน : จุดเริ่มต้นมาจากวันหนึ่ง วันปกติที่แสนสงบสุข พี่ปอนด์ Marmosets จาก Warner Music Thailand เขาทักเข้ามาในเพจเฟซบุ๊กของวงว่าสนใจลองมาคุยกับค่ายมั้ย พี่มาจากค่ายนี้นะ

ไนท์ : ตอนแรกที่อ่านก็คิดว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอม

เน : พวกเราก็ลองคุยดู เพราะตอนนั้นแทบจะเป็นค่ายเดียวที่ติดต่อเข้ามา แต่กว่าจะได้เซ็นก็ลองทำงานกันมาสักพักเหมือนกัน โอเคเลยที่มีคนมาช่วยดูแลเรื่องนู้นเรื่องนี้ จริง ๆ เราตกลงแต่แรกแล้ว แค่ทำทรงไปงั้น ๆ แบบขอไปคุยกันเองก่อน ประมาณนั้นครับ

เปอร์ : ก่อนเซ็นกับค่ายเรียกได้ว่าตอนนั้นเราทำกันเองนะครับ เราไปอัดที่ห้องเน อยากอัดต่อไหนก็อัด มีแค่อินเตอร์เฟสตัวเดียว ไมค์ตัวเดียว ตอนอัดร้องก็มีเสียงก่อสร้างจากข้างนอกอยู่เลย เพลงที่ปล่อยไปก็เหมือนจะเป็นเดโมด้วยซ้ำ ถ้ากลับไปฟังซาวด์มันจะดูไม่เท่าตอนนี้ด้วย พอมาเป็นซิงเกิลที่ 3 ซิงเกิลแรกที่ปล่อยกับค่าย ตอนทำงานรู้สึกตื่นเต้นมาก มีโปรดิวเซอร์เป็นพี่อู๋ Torrayot เราไม่เคยได้ไปอัดในห้องอัดที่มันขนาดนั้นมาก่อน ทุกอย่างจริงจังขึ้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเรา เพราะเป็นการทำงานที่มีแบบแผน มีกระบวนการคิดมากขึ้น มีตารางที่ต้องปล่อยเพลง มีคนคอยตามงาน มันทําให้ AYLA’s โตขึ้นด้วยในระดับหนึ่งครับ

Track 4 : I’M GOING TO KEEP RUNNING AWAY

เน : จริง ๆ อัลบั้มแรก I’M GOING TO KEEP RUNNING AWAY เราไม่ได้ทํารวดเดียวหมดแล้วก็เอา 2 เพลงก่อนเข้าค่ายมารวมอยู่ด้วย ถ้าเปรียบเทียบนะ อัลบั้มแรกเหมือนเรคคอร์ดการเดินทางของวงเราด้วยซ้ำ ตั้งแต่ทำกันเอง มีค่ายมีโปรดิวเซอร์ ซึ่งถ้าฟังตามไทม์ไลน์ที่ปล่อย ไม่ได้เรียงตามอัลบั้ม ก็จะรู้สึกได้เลยว่าซาวด์มันเริ่มมีความเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการเติบโตของวงจากเด็กที่ไม่รู้อะไรเลยเป็นรู้ขึ้นมานิดนึงครับ

เปอร์ : เหตุผลที่ส่วนใหญ่ AYLA’s นำเสนอเพลงเศร้าให้คนฟัง ส่วนตัวผมชอบฟังเพลงเศร้า ชอบดูหนังดราม่า แล้วก็รู้สึกว่ามันน่าจะรีเลทกับคนฟังด้วย ทุกคนต่างผ่านเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ผมเขียนในมุมมองผม เขาอาจจะไปตีความในมุมมองความเศร้าของเขา อาจจะเคยเจอเรื่องแบบนี้แล้วเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเพลงเพื่อทำให้เข้าถึงได้ง่าย

Track 5 : ในห้องเดิม (Claustrophobia)

เปอร์ : สำหรับเพลง “ในห้องเดิม (Claustrophobia)” ขอพูดถึงเนื้อเพลงก่อนนะครับ การทำงานของเพลงนี้เปลี่ยนจากเดิมเป็นอยากให้ขึ้นคอนเซ็ปต์ที่มาจากเราจริง ๆ ก็เลยตั้งขึ้นมาว่าเราอยู่ในห้อง อาจเคยอยู่กับใครมาก็แล้วแต่ วันหนึ่งเขาจากไปไม่อยู่แล้ว เราจะทำอย่างไรให้ผ่านจุดนั้นไปได้ เราคงอยากเก็บความรู้สึกต่าง ๆ ไว้ในห้องนี้และไม่อยากกลับไปอีก มันเริ่มจากทำเดโมดนตรี ผมนั่งฟังก็เขียนไปตามความรู้สึก คำ เมโลดี้ เนื้อ มันมาตามความรู้สึกเราเลย ประมาณนั้นครับ

เน : เพลงนี้โปรดิวเซอร์คือพี่ปอนด์ Marmosets ครับ ก่อนหน้าเขาช่วยเราทำงานเป็นเหมือนกึ่ง ๆ โคโปรดิวเซอร์มาสักพักใหญ่ เราก็ให้เขาเข้ามาช่วยงานแบบเต็มตัว ทำให้การทำงานหลายอย่างมันง่ายมากขึ้น ช่วยจนพวกเราเริ่มเกรงใจ เรื่องเล็กน้อย  ๆ อย่างเราแค่โยนไอเดีย โยนโครงสร้างว่าอยากได้แบบนี้ อีกวันพี่เขาก็ทำมาให้แบบจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เป็นการทำงานที่ไวดีครับ

Track 6 : Music Spotlight

ออย : สำหรับผมเพลงที่บอกความเป็น AYLA’s ได้ดีที่สุดขอแนะนำ “ลองออกมาจะดีไหม (Worth it?)” เพราะเป็นเพลงแรกที่เราตั้งใจที่ทำเป็นเพลงเร็วครับ เราทดลองกันค่อนข้างเยอะกว่าจะออกมาเป็นเพลงนี้ได้ มันมีความเป็นตัวตนของ AYLA’s อยู่เหมือนเดิม แค่เป็นในรูปแบบของเพลงเร็วครับ

เปอร์ : ผมขอแนะนำเพลง “เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิม (Changed)” เพราะว่าชอบหลาย ๆ อย่างในเพลงนี้ เป็นเพลงที่ทำให้เราได้ประหลาดใจในหลายเรื่อง เริ่มจากตอนนั้นอยากทำอะไรใหม่ ๆ เนเขาเสนอคอนเซ็ปต์เพลงว่ามาจากหนังเรื่อง “500 Days of Summer” แล้วผมชอบ ก็เลยเอาไปเขียนต่อ ซึ่งเป็นการทำงานที่ใหม่สำหรับผมอยู่เหมือนกัน เป็นการทำงานที่ท้าทายและสนุกดี พอเอาไปเล่นสดก็ชอบด้วย เพราะไม่รู้ว่าเพลงมันจะทำงานกับคนดูขนาดนั้น จนมีคนร้องไห้ ยอดวิวในสตรีมมิ่งต่าง ๆ ก็มาแบบที่เราไม่คาดคิด

เน : สำหรับผมก็เหมือนกันครับ “เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิม (Changed)” ด้วยความที่ตัวเพลงมันค่อนข้างมีจังหวะ ปกติคนรู้จัก AYLA’s จากเพลงที่ช้าหน่อย ไดนามิกแทบจะเป็นเส้นตรงเลย แต่เพลงนี้ค่อนข้างมีเดียม ไดนามิกขึ้นลง ๆ ดูมีชั้นเชิง เท่จัด ๆ

ออฟ : ผมอยากแนะนํา “ขอบคุณที่ทำให้รู้ (Realize)” ครับ เป็นเพลงรักเพลงแรกและเพลงเดียว ณ ตอนนี้ของ AYLA’s ในอนาคตจะมีเพลงทรงแบบนี้ออกมาอีกแน่ ๆ ก็เลยอยากให้ลองฟังเพลงนี้ก่อน แบบว่า AYLA’s ทําเพลงรักมันจะเป็นยังไง คนฟังจะได้รับมือกับเพลงต่อ ๆ ไปได้มากขึ้น ฝากไปฟังกันด้วยนะครับเพลงนี้

ไนท์ : จริง ๆ ผมชอบทุกเพลงของ AYLA’s เลยครับ แต่ชอบที่สุดและขอแนะนําคือ “ความน่าจะเป็นเท่ากับสูญ (0%)” เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่เราทําเสร็จกันเร็วมาก ตอนแรกผมแอบเฉย ๆ ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น แต่พอเอาไปเล่นเรื่อย ๆ แล้วมันชอบมาก ผมรู้สึกว่ามันเป็นเพลงอกหักแต่กลับอบอุ่นด้วยซาวด์ พูดถึงการขอโอกาสอีกครั้งหนึ่งแต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ก็เลยอยากแนะนำให้ทุกคนได้ฟัง

Track 7 : Growth

ไนท์ : จากวันแรกที่ทำเพลงจนถึงวันนี้ ผมว่าการทํางานของพวกเราจริงจังและมีระบบระเบียบมากขึ้นนะ

ออฟ : ช่วงแรกเริ่มจากการเป็นนักศึกษา ตอนนี้เราเรียนจบ เข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน ดนตรีมันกลายเป็นงานหลักของเรา แต่เราไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นศิลปินขนาดนั้นด้วยครับ เรามองว่า AYLA’s จริงจังขึ้น และทำเพลงให้เพื่อนฟังอยู่เหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากเพื่อนนักศึกษาเป็นเพื่อนทำงานแทนครับ

เน : หลัก ๆ เรื่องระบบการทํางานมันดูชัดเจนมากขึ้นครับ ตั้งแต่เริ่มต้นทุกคนจะมีหน้าที่เป็นของตัวเอง ยิ่งเวลาผ่านไป หน้าที่ตรงนั้นมันเริ่มชัดขึ้น เริ่มกระจายงานให้คนอื่นทำได้ดีขึ้น โฟลว์ขึ้น ง่ายขึ้น ส่วนความรู้สึกก็เหมือนเดิมเหมือนวันแรกที่ทำ เหมือนมาเจอเพื่อน มาคุย มาเฮฮากัน

เปอร์ : ด้านชีวิต ด้านการทำงาน มันมีระเบียบวินัยมากขึ้น แต่ก่อนอยากนอนตอนไหนตื่นตอนไหนก็ได้ ตอนนี้พอมีงานเช้า เราก็ต้องนอนเร็ว พรุ่งนี้มีร้องเพลง เราก็ต้องคุมเสียง ไม่นอนดึก ไม่กินของที่ส่งผลกระทบต่อเสียง รู้สึกว่าเราจัดการชีวิตตัวเองได้โอเคมากขึ้น ถึงแม้พวกเราจะเป็นศิลปิน เราก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ออกไปข้างนอกมีคนทักเราก็ยังคุยเล่นกับเขา ไม่ถือตัว ไม่หยิ่งอะไรทั้งนั้น ถ้าใครเจอพวกเราข้างนอกก็มาทักทายกันได้นะครับ บางคนอาจจะกลัว ๆ เกรงใจ ไม่เป็นไรครับ ทักกันมาได้เลย

ออย : สำหรับผมก็คล้ายกับของทุกคน มันทำให้เรามีวุฒิภาวะมากขึ้น รู้หน้าที่จัดการตัวเองได้ มีวินัยในการทำงาน เพราะอาชีพนี้ดูเหมือนจะสบาย ๆ แต่ความจริงทุกอย่างค่อนข้างฟิกมาก ๆ มีซาวด์เช็คก็ต้องไปให้ทันเวลา เราต้องตรงเวลามาก ๆ ผมว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเติบโตขึ้นจากเมื่อก่อนครับ

เปอร์ : แล้วก็หล่อขึ้นด้วยปะ

ออย : ทุกคนเลยฮะ ดีจบอย่างงี้เลย

เปอร์ : ส่วนแพลนในอนาคตที่เคยคุยกันไว้ เราอยากทำให้มันเป็นขั้นบันไดต่อไปเรื่อย ๆ เราไม่มีจุดหมายที่ใหญ่ที่สุดเพื่อไปถึงจุดนั้น เราแค่ทำเพลงและดูการเติบโตของเพลงนั้น ๆ ต่อไป เหมือนเรามีซิงเกิลแรก อัลบั้มแรก คอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม และล่าสุดก็คอนเสิร์ตเดี่ยว  AYLA’s “Once in a Blue Moon” ที่เพิ่งผ่านไป

Track 8 : Music Inspire

เปอร์ : แรงบันดาลใจมันมาได้จากทุกที่เลยครับ ดูหนัง ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต ดูคลิปสัมภาษณ์ อ่านบทความ ได้มาจากตรงนั้นหมดเลย หรือแม้กระทั่งออกไปข้างนอก ไปเที่ยวเล่น กินข้าว ไปทดลอง มันได้มาจากสิ่งรอบตัว เหมือนตอนเขียนเพลง ผมชอบขับรถออกไปในวันที่มีทุกข์ใจ ขับรถออกไปมันได้เห็นอะไรเยอะดี จนทำให้สมองของเราตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มีอะไรเข้ามาให้หยิบเขียนเพลงได้หมดเลย

เน : แรงบันดาลใจเหมือนที่เปอร์บอกครับ สำหรับผม ผมเพิ่งค้นพบว่าแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดคือการพักผ่อนครับ ตอนที่เราทำงานเยอะ ๆ อย่างช่วงปลายปีที่ศิลปินมีงานค่อนข้างเยอะ

เปอร์ : เพราะเคยทัวร์ไปด้วย ทำเพลงไปด้วย มันรู้สึกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ครับ สมองตอนนั้นไม่พร้อมที่จะคิดอะไร

เน : หมดช่วงนั้นปุ๊ป ก็มันเริ่มได้พัก พอได้กลับมาจับงานอีกครั้ง มันมีความรู้สึกว่าทุกอย่างดูสดใหม่ มันไม่ทุกข์ใจ ความเครียดน้อยลงด้วย

Outtro : La La Bye

เปอร์ : ขอบคุณแฟนเพลงทุกคนนะครับที่ติดตาม AYLA’s มาตั้งแต่ซิงเกิลแรก เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วจากซิงเกิลแรกจนตอนนี้เรามีอัลบั้มแรกเป็นของตัวเอง มีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเอง ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ซัพพอร์ตกันตลอดมา ฝากผลงานเพลงต่อ ๆ ไปของพวกเราด้วยนะครับ ติดตามไปทุกช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์มในชื่อ AYLA’s Official ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ

Follow Them

Facebook : AYLA’s

Instagram : ayla.s_official

Tiktok : ayla.s_official

Youtube : AYLA's official

Photo by : Ajarin Duangchaemsai

AYLA’s : Music, Friendship, and Growth ดนตรี มิตรภาพ และการเติบโตที่เปลี่ยนไปแต่เหมือนเดิมของไอย์ลาส์