ย้อนตำนานต้นกำเนิดซีรีย์ดัง
ช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงแห่งการแข่งขันของซีรีย์ต่างประเทศเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะค่ายใหญ่ทางตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันนี้ ค่ายมีซีรีย์ เรื่องดังมาปะทะให้ปวดใจอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ House of The Dragon ซึ่งเป็นผลพวงต่อเนื่องจากซีรีย์ Games of Throne แต่จะกล่าวถึงเหตุการณ์การแย่งชิงบัลลังค์ของตระกูล “แทแกเรียน” เมื่อ 200 ปีก่อนที่จะถึงยุค Games of Throne ที่แรกเริ่มเรื่องกษัตริย์มาจากตระกูล “บาราเธี่ยน” ซึ่งในเรื่องนี้เราจะได้เห็นมังกรและการต่อสู้ของมังกรอย่างจุใจ กล่าวว่ามีมังกรในภาคนี้ถึง 17 ตัว แต่จะปรากฏให้เห็นครบทุกตัวหรือไม่ต้องรอติดตามชม
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็น ซีรีย์ ที่มาจากนวนิยายของ เจ อา อาร์ โทลคีน เรื่อง Lord of the Ring ภาพยนตร์ไตรภาคอันโด่งดัง ที่ประสบความสำเร็จติดตราตรึงใจผู้คนมานักต่อนัก และประสบความสำเร็จซ้ำกับภาคที่เล่าย้อนเรื่องราวของ บิลโบ แบ็คกินส์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit ทั้งสามภาค มาในครั้งนี้ไม่มาในรูปหลังของภาพยนตร์แต่มาในรูปแบบของซีรีย์ โดยใช้ชื่อว่า The Ring of Power โดยเป็นการกล่าวเล่าถึงเหตุการณ์ย้อนกลับไปสมัยที่จอมมาร โซรอน ยังคงอยู่ และริเริ่มสงครามใน Middle Earth นั่นเอง ซึ่งในซีรีย์ภาคนี้ตัวเอกจะเป็นฝั่งเอลฟ์ ตัวละครที่แฟน ๆ คิดถึงอย่าง กาลาเดรียล หรือ เอลรอน นั่นเอง และประเด็นที่ผมจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องตำนาน ก็มาจากเรื่องที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้แหละครับ
ประเด็นที่ผมจะเขียนให้ท่านผู้อ่านฟังก็คือ เรื่องราวของ Lord of the Ring, The Hobbit หรือ The Ring of Power นั้นล้วนมีกลิ่นอายเรื่องราวหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับตำนานในแสกนดิเนเวียน เป็นอย่างมาก ซึ่งที่เด่นชัดที่สุดที่อยากหยิบยกมาเล่าก็คือ เรื่องราวของ “มังกรเฝ้าทรัพย์” ที่ลือเลื่อง
ในทางตะวันตกนั้น มังกรเป็นเหมือนฝันร้าย และเป็นสัตว์ดุร้ายที่มีอำนาจมาก เป็นที่หวาดกลัวของมนุษย์ และในตำนานเทพนอร์ส ของชาวแสกนดิเนเวียนนั้น ก็ได้มีการกล่าวถึงมังกรตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นมังกรที่หวงสมบัติเป็นอย่างมาก เรื่องราวของมังกรตัวนี้ มีตำนานสืบเนื่องมาว่า ครั้งหนึ่งเมื่อนานกาลมาแล้ว มหาเทพ โอดิน , โลกิ และ โฮนีย์ ได้เดินทางท่องเที่ยวมายัง มิดการ์ด(โลก) และได้ออกทำการล่าสัตว์ และได้ไปฆ่านากตัวหนึ่งแล้วถลกหนังเข้า โดยไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว นากตัวนั้นเป็นร่างแปลงของคนแคระตนหนึ่ง
พ่อมด เฮรดมาร์ ซึ่งเป็นบิดาของคนแคระคนนั้นโกรธมาก เลยทำการเรียกร้องให้เทพทั้งสามชดใช้กับสิ่งที่ทำกับลูกของตน โดยการให้เทพทั้งสามเอาทองใส่ในถุงหนังนากจนเต็ม ถึงจะแล้วกันไป แต่เหตุที่เกิดต่อมานั้นคือเมื่อเทพทั้งสามเอาทองใส่ลงไป ถุงหนังนากก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ใส่อย่างไรก็ไม่เต็ม ซึ่งมาถึงตรงนี้เทพทั้งสามเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ทั้งสามเสียรู้พ่อมดคนแคระคนนี้เข้าแล้ว
แต่คนที่แก้ไขปัญหาในครั้งนี้ก็คือเทพจอมเจ้าเล่ห์โลกิ เขาได้ลงไปยังโลกใต้พิภพ ไปขู่และหลอกเอาสมบัติมากมายจากคนแคระตนหนึ่งที่มีชื่อว่า อันดวาฟ์รี ซึ่งหนึ่งในนั้นมีแหวนวิเศษที่สามารถบันดาลทองคำมหาศาลติดมาด้วย เพื่อมาเติมทองในถุงหนังนาก ซึ่งผลคือถุงหนังนากเต็มไปด้วยสมบัติทองคำมากมาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เทพทั้งสามจึงรอดตัวกลับไปยัง แอสการ์ด ได้ตามปกติ
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบ อันดวาฟ์รี โกรธแค้นมากที่ตนเองสูญเสียสมบัติทุกสิ่งไป จึงได้สาปแช่งให้ ใครก็ตามที่ครอบครองสมบัติของตนเอง คนนั้นต้องมีเหตุให้พินาศย่อยยับไปนั่นเอง เรื่องราวของการสาปแช่งในครั้งนี้ มีหรือที่พ่อมด เฮรดมาร์ จะไม่ทราบ แต่พ่อมดตนนี้ก็หาได้ใส่ใจกับคำสาปแช่งไม่ เพราะมัวแต่หลงระเริงกับทรัพย์สินสมบัติที่ตนเองได้รับ โดยหารู้ไม่ว่าคำสาปกำลังทำงานของมันอยู่ คำสาปได้ไปลงที่แหวนทองวิเศษเป็นอย่างแรก ทำให้พ่อมด เฮรดมาร์ ลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับสมบัติ วัน ๆ เอาแต่นับทองที่อยู่ในคลังของตัวเองทั้งวัน ไม่สนใจอย่างอื่น คำสาปได้คืบคลานครอบงำทั้งยังบุตรที่เหลือทั้งสองของเฮรดมาร์ นามว่า เรจิน และ ฟาฟนีร์ ซึ่งยังผลให้ทั้งสองเกิดความโลภบังตา และยังผลให้ทั้งสองร่วมกันลงมือสังหาร เฮรดมาร์ บิดาของตนเองลง เพื่อหวังเพียงสมบัติ เท่านั้นยังไม่พอ พี่น้องทั้งสองคนก็ยังมาหักหลังแก่งแย่งสมบัติกันอีก เพื่อหวังที่จะครองสมบัติแต่เพียงผู้เดียว โดยเป็นฟาร์ฟนีร์ ผู้พี่ อาศัยจังหวะที่เรจิน คนน้องหลับ หอบเอาสมบัติทั้งหมดไปซ่อนอยู่ในถ้ำที่แสนไกลแห่งหนึ่ง และด้วยความหวงสมบัติ ฟาร์ฟนีก็ได้กลายร่างมาเป็นมังกรเฝ้าสมบัติดังกล่าว พลอตเรื่องดังกล่าวเริ่มคุ้น ๆ แล้วใช่ไหมครับ
เรจิน ผู้น้องคับแค้นใจที่พี่ชายเอาสมบัติไป จึงได้สร้างโรงตีเหล็กไว้อยู่ในดินแดนชุมชนหนึ่งไม่ไกลจากถ้ำมังกรแห่งนั้น เพื่อรอวันที่จะได้แก้แค้น เรจินนั้นเป็นลูกของคนแคระ ที่มีฝีมือในเรื่องของการช่างถลุงเหล็กอยู่แล้ว ชื่อเสียงในเรื่องฝีมือการช่างของเรจินก็ขจรขจายไกลไปทั่ว กาลเวลาผ่านไป วันหนึ่งมีชายหนุ่มนามว่า ซิกฟรีดมาขอให้ เรจิน ช่วยซ่อมดาบวิเศษของเขา ซึ่งหักออกเป็นสองส่วน ซึ่งดาบเล่มนี้เป็นดาบวิเศษของ โอดิน ซึ่งมหาเทพโอดินได้ประทานให้กับ บรรพบุรุษ ของซิกฟรีดเอาไว้นั่นเอง เมื่อเรจินพบเห็นเข้า ก็มองว่าเป็นโอกาสในการที่จะได้แก้แค้นสังหารพี่ชายตนเอง เรจิน ซ่อมดาบให้ โดยไม่คิดค่าแรง แต่โน้มน้าวให้ซิกฟรีดสร้างชื่อให้กับตนเองด้วยการไปสังหารมังกร ครอบครองสมบัติมหาศาล ส่วนตนนั้นไม่ต้องการอะไร หวังเพียงหัวใจมังกรย่างเป็นการตอบแทนเท่านั้น และ ซิกฟรีด ก็ได้วางแผนการอย่างแยบยล พร้อมกับดาบวิเศษในมือ ซึ่งเป็นการง่ายกว่าดาบอื่น ๆ ในการแทงทะลุเกร็ดหนา ๆข องมังกรเข้าสู่หัวใจอย่างง่ายดาย ซิกฟรีด สังหารมังกรลงได้ แต่ก่อนสิ้นใจ ฟาฟนีร์ ในร่างมังกรก็ได้สอบถามจึงได้รู้ว่า เรจิน น้องชายของตัวเองส่งมาสังหารตัว จึงได้หัวเราะหยัน และก่อนสิ้นใจยังได้กล่าวว่า เรจินจะต้องสังหารซิกฟรีด แน่ ๆ และ สมบัติจะทำให้ชีวิตของซิกฟรีด พินาศ
ซิกฟรีด หาได้สนใจคำกล่าวของมังกร และได้ลงมือควักหัวใจมาย่าง ในจังหวะควักหัวใจนั้นซิกฟรีด เผลอเอามือป้ายปากทำให้ซิกฟรีด กินเลือดมังกรอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ซิกฟรีด เข้าใจภาษาของสัตว์ต่าง ๆ และได้ยินนกสองตัวพูดว่า ซิกฟรีด ช่างโง่นัก มาย่างหัวใจมังกรให้กับคนอื่น หากกินเองก็จะได้รู้ในทุก ๆ สรรพสิ่ง นกอีกตัวก็กล่าวว่า ซิกฟรีด จะต้องสิ้นชีพ ด้วยมือของ เรจิน คนแคระจอมโลภ เป็นแน่ จังหวะนั้นเรจินเข้ามาหา ซิกฟรีด พอดี ซึ่งเรจิน ผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะหวังให้ ซิกฟรีด และมังกรนั้นตายตกตามกัน และเข้ามาเพื่อจะลอบทำร้าย แต่ ซิกฟรีด รู้ตัวอยู่แล้วจึงชิงลงมือสังหาร เรจิน ก่อน
หลังจากสังหารเรจิน ซิกฟรีด หวังที่จะกินหัวใจมังกรเพื่อจะได้รู้ทุกสรรพสิ่ง แต่ปรากฏว่าหัวใจมังกรถูกไฟเผาไหม้ไปหมดแล้ว ซิกฟรีด จึงเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปในถ้ำกวาดเอาสมบัติทั้งหมดไปที่เมืองของตน และสะดุดเข้ากับแหวนวิเศษต้องคำสาปที่อยู่ในถ้ำนั้น ซิกฟรีดถูกแหวนวิเศษสะกดเข้าอย่างง่ายดาย และคำสาปแห่งแหวนนี้ก็ได้สร้างโศกนาฏกรรมต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เรื่องราวของมังกรเฝ้าสมบัตินี้ และ เรจิน ได้ถูกดัดแปลงโครงเรื่อง และรูปลักษณ์ มาเป็นมังกร “สม็อค” ผู้เฝ้าทรัพย์สมบัติของคนแคระ ใน Hobbit, เรจิน กลายมาเป็น บาร์ด หรือ Girion ช่างตีเหล็กที่อาศัยอยู่ไม่ไกลถ้ำมังกรรอวันที่จะสังหารมังกร แหวนวิเศษในตำนานเทพ ก็คือ แหวนของจอมมาร โซรอน ที่ปะปนอยู่ในกองสมบัติ นั่นเอง
ด้วยเรื่องทั้งหมดทำให้เราทราบได้ว่า เจ อา อาร์ โทลคีน ผู้เขียนนั้น ได้แต่เนื้อเรื่องที่มีเค้าโครงอิงกับตำนานแต่เดิมมานั่นเอง เรื่องความเข้มข้น เคล้ากลิ่นอายเทพตำนานแบบนี้ ล้วนเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาคอภาพยนตร์และคอซีรี่ย์เป็นอย่างมาก
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลแล้ว แนะนำให้ก่อนดู The Ring of Power ย้อนกลับไปดู Lord of the ring ทั้งสามภาคเป็นการวอร์มอัพ แล้วท่านผู้ชมจะได้อรรถรสเป็นอย่างมาก ในการติดตามรับชมซีรีย์เรื่องนี้ครับ สำหรับ The Legend ในฉบับนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ