เฟื่องลดา - สรานี สงวนเรือง Women in Tech เบื้องหลังสายไอที

เฟื่องลดา - สรานี สงวนเรือง Women in Tech เบื้องหลังสายไอที

เรารู้จักเฟื่องลดาในฐานะผู้ทำงานด้านสื่อเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่าง ๆ โดยมีผู้ติดตาม LDA ลดา ทางสื่อออนไลน์อย่าง Facebook และ YouTube ระดับล้านกว่ายูสเซอร์ คุณเฟื่องลดา ปัจจุบันเธอเปิดบริษัทของตัวเองชื่อ Flourish Digital เกี่ยวกับสื่อออนไลน์ เป็น Content Creator ทำ Service Digital กับสื่อที่ชื่อว่า LDA ลดา Ladies of Digital Age โดยมุ่งเน้นที่จะทำ Content ด้านเทคโนโลยี นำเรื่องยากมาสู่ผู้ชมให้เข้าใจง่าย และต้องการที่จะส่งต่อโอกาสดี ๆ ให้กับผู้หญิง        

“การที่เฟื่องถูกเรียกว่านางฟ้าไอที ส่วนตัวไม่ติดอะไร แค่รู้สึกว่าชีวิตมนุษย์มันเป็นสีเทา ๆ เราไม่ได้มีแค่ Angle เดียว เราเป็น Creator ที่มีคนติดตาม แต่เราถูกนิยามว่านางฟ้าไอที ตรงนี้เป็นเพียงมุมมองเดียว คือไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ ไม่ใช่ว่าเรียกไม่ได้ แต่เฟื่องมีความรู้สึกว่า เฟื่องอยากให้เห็นมิติที่มากขึ้นกว่านี้ เพราะการที่เรานิยามว่าใครเป็นอะไรในยุค Social Media มันฉาบฉวย สั้น ๆ ง่าย ๆ เท่ากับการแปะป้ายว่าคนเป็นอย่างไร

“การแปะว่าเฟื่องคือนางฟ้าไอที ถือว่าเป็นสิ่งดี แต่จริง ๆ มันมีมิติอื่น ๆ ซึ่งทุกคนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เฟื่องมีความรู้สึกว่า ไม่อยากให้เรียกว่านางฟ้าเพราะมันดูจับต้องไม่ค่อยได้ มันดูไกล เราเป็นเพื่อนกับทุกคน เราเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ และถ้าคนที่ดูเฟื่องลดาอยู่ เราอยากจะเป็นกระบอกเสียงแบบนั้น เราไม่ใช่เกิดมาเป็นนางฟ้าแล้วทำเรื่องไอทีได้เลย ทุกคนสามารถศึกษา และเข้าใจเทคโนโลยีได้ ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่ตนเองไม่เคยรู้มาก่อน ศึกษาให้ลึกจนรู้ได้ ก็พัฒนาตนเองได้เหมือนกัน นี่คือจุดยืนของเฟื่องค่ะ

“โดยจุดเริ่มต้นในการทำงานของเฟื่อง ช่วงแรกเป็นเรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยความที่เป็น Content Creator ในปัจจุบันเฟื่องมีความรู้สึกว่า เรื่องอะไรก็ตามรู้แล้วดี อย่างเรื่องราวทางธุรกิจ ซึ่งมีประโยชน์กับชีวิต แล้วทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ฟังแล้วได้อะไรใหม่ ๆ กลับไป นี่คือ Passion ที่เราต้องทำ แล้วสิ่งที่เป็นจุดยืนของเราคือเป็นกลุ่มผู้หญิงเล่าเรื่อง ที่ปกติเป็นเรื่องของผู้ชาย แต่เราก็สามารถทำให้เข้าใจได้ง่าย ผู้หญิงเข้าใจ ผู้ชายดูแล้วเก็ต และคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง”

 

ชีวิตที่ไม่หยุดเดิน

“ครอบครัวของเฟื่องจริง ๆ ค่อนข้างเป็นแบบสายวิชาการ คุณแม่เป็นดอกเตอร์สายเคมี เป็นอาจารย์ คุณพ่อทำงานด้านฝ่ายวิชาการเหมือนกัน มีพี่สาว 1 คน เฟื่องเป็นลูกสาวคนเล็ก ครอบครัวเป็นคนชั้นกลาง เฟื่องจึงแคร์เรื่องของการเรียนรู้ เมื่อเติบโตมารู้สึกว่าเราเรียนอย่างเดียวไม่พอ จะต้องทำกิจกรรม ก็เลยมีความบาลานซ์ว่าทำกิจกรรมเยอะแล้วก็ต้องพยายามเรียนให้ดี เพราะครอบครัวเป็นสายวิชาการ และค่อนข้างให้คุณค่ากับเรื่องของการเรียน ในขณะเดียวกันครอบครัวก็ให้การสนับสนุนในสิ่งที่เราอยากจะเป็น อยากจะทำอะไรก็ไม่ได้ห้าม และให้อิสระในการเลือกเองว่าเราจะเรียนสายอะไรทำอะไร

“ตอนเด็ก ๆ เป็นคนชอบร้องเพลงมาก ๆ ที่บ้านก็ร้องเพลงเหมือนกัน เป็นสายร้องเพลง แม่ชอบคุณสวลี ผกาพันธุ์, รวงทอง ทองลั่นทม แต่เราโตมากับเพลงดิสนีย์ กับ The Sound of Music ชอบละครบรอดเวย์ จนเข้ามหาวิทยาลัยเป็นนักร้องชมรม CU BABD เรารู้สึกว่าเราอยากที่จะร้องเพลง ตัวตนก่อนหน้านี้เป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก แต่ด้วยความที่เราชอบร้อง เราก็ต้องพยายามฝึกฝนไป จนมาเจอรายการร้องเพลง AF เราดูมาตั้งแต่ Season 1 จึงลองสมัครเข้าไปจนติดรอบ 50 คนสุดท้าย”

แม้ไม่สามารถเดินทางเข้าไปสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันได้ แต่เธอก็มีโอกาสได้รับบทบาทเป็นพิธีกร มีโอกาสได้มาพบกับ คุณหนุ่ย พงศ์สุข ด้วยความบังเอิญที่งานอีเวนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งต้องการหาพิธีกรอยู่พอดี จนกระทั่งได้มาทำรายการแบไต๋ไฮเทค ตรงนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นงานในวงการสื่ออย่างเต็มตัว โดยเฉพาะเรื่องของ IT จากนั้นมีการต่อยอดมาเรื่อย ๆ ซึ่งถ้านับการทำงานของเธอ เรียกว่าเป็นคนคุณภาพท่านหนึ่งก็ว่าได้ เพราะทำตั้งแต่ร้องเพลง แคสติ้งโฆษณา เล่นละคร ดีเจ พิธีกรข่าว ฯลฯ เรื่อยมาจนถึงเปิดบริษัทของตัวเองที่มีชื่อว่า Flourish Digital เรียกได้ว่าทำงานแทบจะทุกรูปแบบโดยไม่หยุดเดิน

 

 “ที่ผ่านมาอาจเรียกได้ว่าเฟื่องทำตัวให้พร้อมในทุกโอกาส ที่เข้ามาเชื่อว่าโอกาสเป็นเรื่องของคนที่พร้อม และโอกาสก็ไม่เคยมา 2 ครั้ง ถ้าโอกาสมาหาเราแล้ว เราทำตัวไม่พร้อมก็จะเสียโอกาสนั้นไป เฟื่องรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ไขว่คว้า ถึงขั้นต้องออกไปทำไปอะไรมากนัก แต่ว่าเราพร้อมสำหรับโอกาสมากกว่า”

การที่คุณเฟื่องลดาอยู่ในวงการไอทีมานาน ย่อมรับรู้ข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ตลอดเวลาซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตรงส่วนนี้เองมีผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์ หรือมิจฉาชีพจำนวนมาก คอยหลอกลวงผู้คนที่อยู่ในโลกออนไลน์ตลอดเวลา คุณเฟื่องลดา ในฐานะที่พอมีประสบการณ์อยู่พอสมควร จึงมาแสดงทัศนะเรื่องราวสำคัญที่คนมักถูกหลอกดังต่อไปนี้

Fake News

“เฟื่องคิดว่า Fake News มันเป็นคมดาบอีกด้านหนึ่งของอินเทอร์เน็ต ซึ่งเฟื่องรักอินเทอร์เน็ตมากนะคะ เพราะทำให้เฟื่องมีทุกวันนี้ มีบริษัทเกิดขึ้นได้ ทำให้เกิดธุรกิจ และโอกาสใหม่ ๆ สำหรับทุกคน แต่อีกด้านหนึ่งของ Fake News คือใคร ๆ ก็สามารถป้อนข้อมูลเข้าไปในโลกออนไลน์ได้ ใครก็สามารถเป็นสื่อได้ แค่มีอินเทอร์เน็ตกับสมาร์ทโฟน 1 เครื่อง

“ผู้คนพยายามรับมือมันตลอดเวลามาสักพักนึงแล้ว อย่างเฟื่องเสพเรื่องในออนไลน์ ไม่น่าจะมีปัญหากับตรงนี้เยอะ ความน่าเป็นห่วงคือเจเนอเรชั่นที่เป็นเด็กลงมาหน่อยซึ่งอยู่กับดิจิตอล อีกส่วนอาจจะเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในโลกออนไลน์ ซึ่งเทคโนโลยีมันอยู่ในรูปแบบการส่งต่อข่าวปลอม อันไหนชัวร์ไม่ชัวร์ แต่อีกอันนึงก็น่าจะเป็นพวก Facebook หรือข่าวตาม Twitter อันไหนข้อมูลจริงไม่จริง มันจะมีแบบที่เป็น Fake News เลย อันนี้เป็นข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้ บางทีมันเป็น Fake News โดยอ้อม บางทีมันเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่แค่ Fact แต่มันมี Feeling หรือว่ามีคำย้อมสี มีการใส่อะไรเข้าไปในนั้นที่ทำให้มันไม่ครบถ้วนอะไรอย่างนี้

“ฉะนั้นในสิ่งที่เราจะต้องระวังคือ อันดับแรกมาดูก่อนว่าคนที่เป็นแหล่งข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือหรือเปล่า คนที่โพสต์ออกมา ถ้าเป็นใครไม่รู้ให้เช็คแบ็คกราวด์ ถ้ามาแบบอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่แน่ ๆ มันก็จะมีวิธีการตรวจสอบ อย่างเช่นรูปภาพข่าวปลอม เจอบ่อยมากเพราะบางทีมันเกิดการคลิกเบต (Clickbait) ซึ่งมาจากคำว่า Clickbase ให้เราคลิกเข้าไปดูก่อนจะแชร์ หรือก่อนที่จะตื่นตระหนก ต้องรีเช็คนิดนึงว่าเป็นยังไง อาจจะเอารูปไปใส่ Google Image เพื่อเช็คดู อ๋อรูปเก่า แบบนี้ก็เป็นไปได้ค่ะ

หลอกรักออนไลน์

“เรื่องนี้พูดยากนะ เฟื่องคิดว่าจริง ๆ แล้วมองในด้านดีกันก่อน แบบว่าไม่ต้องหลอกรักนะ คือในเจเนอเรชั่นที่เป็นเด็ก ๆ ลงไป อายุ 18-21 ปี ออนไลน์คือวิธีการจีบแบบใหม่ของพวกเขา เช่นผ่าน Tinder ผ่าน แอปพลิเคชันอะไรต่าง ๆ ที่แบบว่าเราเจอกันในนี้ แต่ถ้านั่งจีบกันแบบนี้มันเก่าไปแล้ว คือแบบมันไม่คูล ซึ่งโลกตรงนี้เฟื่องคิดว่า ด้วยแอปพลิเคชันที่มันเฉพาะทาง มีโอกาสที่คนจะถูกกลั่นกรองมาแล้วประมาณนึง ด้วย Mechanic ในแอปพลิเคชัน และเชื่อว่าเด็ก ๆ มีความรู้เรื่องดิจิตอลประมาณนึง เพราะเขาโตมาจากสิ่งเหล่านี้ เขารู้อยู่แล้วว่าคนไหนดูปลอมไม่ปลอม

“แต่ถ้าผู้ใหญ่โดนเยอะมากตรงนี้น่าเป็นห่วง และเป็นเรื่องที่ตลกคือ Instagram มีคนชอบเอารูปหนุ่มเกาหลีหล่อ ๆ ปลอมโปรไฟล์ตัวเองเยอะ เฟื่องก็เคยเจอ ก็รู้สึกว่ามันยังมีคนที่โดนหลอกแบบนี้จริง ๆ เราก็อย่าเพิ่งไปโอนเงินถ้ามันมีอะไรแปลก ๆ คือคุยได้นะ แต่ถ้าเริ่มขอข้อมูลส่วนบุคคล ช่วยเราหน่อยอันนี้เราเดือดร้อนนะ อะไรก็ตาม คือให้คิดไว้ว่าไม่ใช่แล้ว มันรู้สึกดีนะเวลาที่มีคนมาชอบ แต่ถ้ามีการให้เงินเพราะความเสน่หา หลังจากนั้นก็เจ็บหนักเลย เพราะเขาไม่ได้ชอบฉันนี่ แล้วก็ยังเอาเงินฉันไปอีก อันนี้ก็ต้องระวัง

“แนะนำให้ไปดูหนังสารคดีใน Netflix ชื่อ The Tinder Swindler คือการหลอกลวงน่ากลัวมาก มีคนสร้างโปรไฟล์ตัวเองจนน่าเชื่อถือ ดูมีไลฟ์สไตล์ ดูมีตังค์ แต่จริง ๆ เขาทำแบบนี้เพื่อไปหลอกคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ โลกออนไลน์น่ากลัวเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเรามีสติและรู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้อยู่ และฉุกคิดสักนิดนึงอยู่ตลอดเวลา มันก็จะดีขึ้นได้ อย่าไปคิดว่ามันคือ Everything on Social Media คือคนเรามักนำเสนอแต่ด้านดีอยู่แล้ว และบางทีไม่ใช่ระวังแค่ด้านดี แต่เขาอาจใช้เป็นเครื่องมือเพื่อล่อเหยื่ออีกต่อหนึ่ง ฉะนั้นจึงต้องระวัง”

หลอกลวงขายสินค้าและบริการ

“ประสบการณ์ตรงนี้น่าจะพบกันแทบทุกคน ถ้ามีการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม E-commerce ทางบริษัทจะมีนโยบายทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการการันตีว่า สินค้าต้องเป็นสินค้าที่ใช่ ไม่อย่างนั้นเขาจะเก็บเงินไว้ก่อน ไม่ให้ผู้ขาย จริง ๆ สำหรับเรื่องซื้อของผ่านช่องทางแบบนี้ดูปลอดภัยที่สุด แต่ว่าโอเค เราก็มีทางเลือกอื่น ๆ เช่นกัน อย่างซื้อผ่าน Social Media ของร้านโดยตรง แต่ให้รู้ไว้ด้วยว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า Fake Review เยอะมาก ๆ บางทีไม่ว่าจะอยู่ในโซเชียลมีเดีย หรือว่าในแพลตฟอร์มของ  E-commerce เองก็ตาม มันเป็นกระบวนการทำให้คิดได้ว่า ใช้ดีมากจริง ๆ ใช้ดีค่ะ ถ้าดูเป็นแพทเทิร์นแปลก ๆ ซึ่งเราก็อาจจะต้องเข้าไปเช็คหน้าเพจ หน้าประวัติ นอกเหนือจากปกติ อาจจะโดนยิงแอดโฆษณามาหาเรา เราดูแค่ใต้โพสต์นั้นอาจจะไม่พอ ต้องไปดูความน่าเชื่อถือ ไปดูคนกด Like ว่าเยอะไหม แล้วที่เยอะนั้นเป็น Like ปลอมหรือเปล่า อันนี้อาจจะต้องดูรวมนิดนึง

แชร์ลูกโซ่โลกออนไลน์

แชร์ลูกโซ่ในโลกออนไลน์ เฟื่องคิดว่าการรวยทางลัดแบบที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ไม่มีอยู่จริง แค่ฟังดูก็รู้ว่ามันแปลก ๆ เฟื่องก็ยังคิดว่ามันคือหลักการเดิมแหละว่าถ้าเราหวังรวยทางลัด มันก็อาจจะไม่ดีเท่าไหร่

แชร์ลูกโซ่ที่ผสมกับโลกออนไลน์ เรื่องแบบนี้บางทีมันก็พูดยากเมื่อมีผลประโยชน์ เราต้องไม่ไปกับสิ่งที่ล่อตาล่อใจมากขนาดนั้น เพราะอย่างที่บอกว่าอะไรที่มันดูได้เงินง่าย ๆ โอ๊ยดีจังเลยมีการลงทุนแค่นี้แล้วได้เงินกลับมามหาศาล แม้จะดูว่ามีภูมิหลังที่มีความน่าเชื่อถือ ก็ควรที่จะมีการศึกษากระบวนการของมัน วิธีการเบื้องหลังของการที่จะได้เงินมา ทำไมมันเป็นแบบไหน ศึกษาให้เข้าใจถึงแก่นก่อนว่ามันทำเงินได้ยังไง ถึงได้เงินเร็วขนาดนั้น ก็หนี้เป็นสินทรัพย์ดิจิตอลถ้ามันร่วงไปเรื่อย ๆ แล้วยังได้เงิน มันจะดูรู้ว่าไม่เมคเซ้นส์ก็แปลว่าไม่ใช่แหละ มันต้องมีอะไรแปลก ๆ ค่ะ

การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

ต้องยอมรับว่า เดี๋ยวนี้แฮกเกอร์เก่งมาก แม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเท่าไหร่ จริง ๆ ในวงการก็จะมีแฮกเกอร์หมวกดำ แฮกเกอร์หมวกขาว แฮกเกอร์หมวกขาว พวกเขารู้เท่าทันเพื่อมาป้องกัน สร้างระบบต่าง ๆ แต่ว่าคนที่เป็นแฮกเกอร์หมวกดำก็มีเยอะมาก ดังนั้นเฟื่องว่ามันจะมีปัญหาที่เราควบคุมได้ กับปัญหาที่เราควบคุมไม่ได้

ดังนั้นสิ่งที่เราควบคุมได้ก็คือ  คอนโทรลพวกโซเชียลมีเดียของเราไม่ให้ไปคลิกลิงค์อะไรแปลก ๆ ไม่เปิดอีเมลอะไรที่มันดูไม่ใช่ ที่ล่อตาล่อใจ เช่นคลิกเพื่อรับโบนัส SMS แปลก ๆ เฟื่องรู้สึกว่าด้วยโลกอินเทอร์เน็ต ทุกคนพยายามที่จะเข้าถึงตัวเรามาก ๆ เรามีอำนาจคอนโทรลตัวนั้น ถ้าจะติดต่อธนาคารฉันต้องติดต่อเอง ฉันอยากได้อะไรฉันต้องเป็นคนไปเอามาเอง แล้วจะมีอีกประเภทหนึ่งส่งเข้ามาให้เรากดเข้าไปคลิกลิงค์ ที่เราอนุญาตให้คนมาล้วงความลับเอง ในโทรศัพท์มือถือในการทำธุรกรรมทางการเงิน ตรงนี้ต้องระวังให้มาก

อย่างในเรื่องข้อมูลสำคัญคือรหัสต่าง ๆ เช่นช่อง YouTube ของเฟื่องเอง จะมีการตั้งค่ายืนยันตัวตน 2 ชั้น ก็จะช่วยได้ อย่างน้อย ๆ Password ที่เราลืม Login เอาไว้ มีคนไปขโมย Identity ง่ายมาก แต่เราก็แค่รีเช็ค แล้วมันก็ทำได้หลายแบบนะคะ เช่นการยืนยันผ่านเบอร์โทรศัพท์ หรือการใช้แอปในโทรศัพท์ เช่น Google Authenticator (สร้างรหัสสำหรับการยืนยันแบบ 2 ขั้นตอนในโทรศัพท์) ขึ้นมาให้มัน Generate Code เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ถ้าเป็น YouTube ที่มีคนช่วยรันหลายคน ก็จะให้ทุก Personal Account ทำด้วยนะคะ”

 

การเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับตัว

“เรื่องของไอทีทุกวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว จากที่เมื่อก่อนนั้นเป็นแค่ Choice เป็นตัวเลือกให้ชีวิตดีขึ้น แต่ว่าตอนนี้เรียกได้ว่ามันเป็นไฟท์บังคับ ถ้าเราไม่ศึกษาว่าเทคโนโลยีมันเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกยังไง หรือมันมีอะไรที่เราจะต้องปรับตัวบ้าง เราก็จะตามไม่ทัน หรืออาจเรียกได้ว่า Left Behind คือกลับมาอีกทีก็ไม่ทันแล้ว

“เฟื่องมองว่า โลกถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี อย่างทุกวันนี้ มันเปลี่ยนแปลงเร็วจริง ๆ คำว่าเปลี่ยนแปลงเร็วส่วนใหญ่ในการทำธุรกิจ หรือกระทั่งเราเป็นสื่อ เป็น Marketing Agency เราทำงานกับผู้คน ดังนั้นภายใต้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เฟื่องคิดว่าเทคโนโลยีมันมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคน พฤติกรรมผู้บริโภค อย่างวิดีโอสั้น วิดีโอยาว แป๊บเดียวเปลี่ยนแพลตฟอร์มอะไรก็ไม่รู้ เยอะไปหมด ซึ่งมันก็เป็นพาร์ทนึงที่เราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคหรือว่าลูกค้าอีกทีนึง

“โลกออนไลน์ในอนาคตเฟื่องคิดว่า มันจะยิ่งมีการแบ่งเป็นส่วน ๆ โดยที่มันกระจัดกระจายเต็มไปหมด ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ต เราเห็นความเปลี่ยนแปลง Layer ของสิ่งที่มันมีมูลค่า เช่น เหรียญคริปโต NFT อะไรต่าง ๆ หรือสิ่งที่มันเป็นความลับข้อมูล การติดต่อสื่อสารทำให้สิ่งที่เคยต้องมีต้องสร้าง Host หรือมีตัวกลาง จากที่คนเดียวมีอำนาจ มันจะถูกกระจายไปอยู่ในทุก ๆ คนมากขึ้น อย่างทุกวันนี้เริ่มจากเพลงก็ได้ค่ะ เอาแค่เห็นชัด ๆ อย่างเช่นเฟื่องเป็นเด็กยุค 90 -2000 เป็นเรื่องของความ Mass อย่างเรารู้จักศิลปินเหมือนกันทั้งประเทศ เดี๋ยวนี้ไม่ใช่นะ มีศิลปินดังเฉพาะกลุ่ม มีซีรีส์วาย ที่คนกรี๊ดเต็มห้างเลยแต่เราไม่รู้จัก คือนึกออกไหมว่า มันเป็นโลกที่จะต้องมีความแตกต่างหลากหลาย เข้มข้นขึ้นในเชิงของ Community ที่เฉพาะทางมากขึ้นเรื่อย ๆ

“จริง ๆ พูดมาสักพักว่าต่อไปนี้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า Mass แต่จะเรียกว่า Global Niche ซึ่งมันอาจจะเป็นความนิยมที่กระจายไปในแต่ละกลุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำ เราก็ต้องปรับตัว ที่จริงเฟื่องคิดว่า ตอนนี้เราต้องปรับไปเรื่อย ๆ เราไม่สามารถวางแผน 5 ปี 3 ปี ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่าโลกมันเปลี่ยนเร็วมาก ๆ

“ในส่วนของบริษัทที่ทำอยู่ บทบาทประมาณ 70 -80 % ของเฟื่องตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารค่ะ ลดการออกหน้ากล้องลงมาก ๆ เพื่อที่จะมาโฟกัสกับสิ่งที่เรารู้สึกว่าอยากสร้างหลักฐานให้ยั่งยืน ก็คือการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันนี้ การหลีกทางให้น้อง ๆ ที่เราปั้นขึ้นมา ให้เขาได้มีพื้นที่ในการเฉิดฉาย ในการออกงานหรือไปทำงาน เฟื่องมีความรู้สึกว่าถ้าเราสอนให้คนเก่ง แต่เราไม่ให้โอกาสเขาก็อาจจะไม่สุดทาง เฟื่องพูดเสมอว่า เราอาจจะเป็นคนที่โชคดี ไม่ได้เก่งที่สุดนะคะ ภายใต้ความโชคดีนั้นก็มีโอกาสเข้ามาด้วย และเราก็ทำเองในส่วนหนึ่ง กับการที่เราทำตัวให้พร้อมกับทุก ๆ โอกาส ทำให้เต็มที่กับทุก ๆ โอกาสที่ได้รับ

“อยากให้ฝากติดตามลดาด้วยค่ะ LDA หรือ Ladies of Digital Age เราจะพยายามทำเรื่องยาก ๆ พี่อาจจะดูว่าเข้าถึงไม่ค่อยได้เท่าไร แต่มีประโยชน์ แล้วทำให้ทุกคนรู้เท่าทันโลกอนาคต โลกเทคโนโลยีสามารถตัดสินใจได้เองว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงจะเลือกใช้อะไร ฝากติดตามทั้ง LDA World และ LDA Review ด้วยนะคะ และฝากน้อง ๆ เจนใหม่ ๆ ด้วย ขอบคุณค่ะ”

เฟื่องลดา - สรานี สงวนเรือง Women in Tech เบื้องหลังสายไอที