Innovation Together - นวัตกรรมทางความคิด ลิขิตอนาคต
ตั้งแต่มนุษย์ถือกำเนิดขึ้นมาก็พยายามคิดค้นวิธีการต่าง ๆ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้มีสุขภาพแข็งแรงเพื่อให้มีอายุยืนยาวมาโดยตลอด ในปัจจุบันนวัตกรรมของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนสามารถยืดอายุขัยมนุษย์ได้ต่อไปอีกหลายสิบปี
MiX Magazine ฉบับนี้เราขอเสนอเรื่องราวของ นวัตกรรมทางการแพทย์ จากทั่วโลกที่ครอบคลุมตั้งแต่การเกิด แก่ เจ็บ และตาย ของชีวิตมนุษย์ว่ามีการพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แม้ว่าตอนนี้เราจะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รวมถึงไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าวันหนึ่งสมองของมนุษย์จะคิดค้นจนเอาชนะโรคต่าง ๆ หรือรวมไปถึงการชนะความตายก็อาจเป็นได้เช่นกัน
Innovation is change นวัตกรรมสู่การเปลี่ยนแปลง
มนุษย์เรามีการพัฒนาเผ่าพันธุ์ให้เจริญขึ้นตามกาลเวลา มีคนคิดค้นนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ออกมามากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ อย่าง รถยนต์ รถไฟ หรือแม้กระทั่งเครื่องบิน สามารถย่นเวลาให้มนุษย์ติดต่อกันได้รวดเร็ว รวมถึงคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าต้องมีกันแทบทุกบ้าน ก่อนจะพัฒนาเข้าสู่ระบบสื่อสารร่วมกับโทรศัพท์มือถือ โดยมีแอปพลิเคชันช่วยทำให้คนเราสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ถูกคิดค้นด้วยไอเดียเปลี่ยนโลกเรียกว่านับแทบไม่ไหว
แต่นวัตกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพและร่างกายของมนุษย์ ก็ถือว่าสำคัญไม่น้อยโดยนักวิจัยมีการค้นพบเรื่องอายุของมนุษย์ ฉีกจากความเชื่อเดิมว่ามีอายุอยู่ที่ 100 ปี แต่ความจริงแล้วมนุษย์ของเรามีอายุมากถึง 150 ปี หากผลวิจัยนี้คือความจริง อะไรที่ทำให้อายุของมนุษย์ลดลงเหลือเพียงแค่แค่ครึ่งเดียวของงานวิจัย
ต้องเริ่มจากเรื่องของการกิน สิ่งที่เรากินเข้าไปในแต่ละมื้อลองมาวิเคราะห์กันได้เลยว่าไม่มีมื้อไหนที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเช่น น้ำตาล เกลือ โซเดี่ยม ในปริมาณที่มาก หรือแม้กระทั่งสารปรุงแต่งสารกันบูดที่ล้วนแล้วแต่เป็นเคมีทำร้ายร่างกายแทบทิ้งสิ้น การใช้ชีวิตในปัจจุบันจึงมีความเสี่ยงสูงต่อโรครวมทั้งความเครียดจากการแข่งขันแทบทุกด้าน ต้องหาเงินมาก ๆ เพื่อดำรงชีพทำให้สภาพจิตใจไม่ปลอดโปร่ง ความเครียดสะสมในร่างกายเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ยังไม่รวมถึงเรื่องของไวรัส แบคทีเรีย มากมายที่ส่งเสริมให้มนุษย์เจ็บป่วย
ถึงอย่างไรก็ตามนวัตกรรมทางการแพทย์ถือว่าพัฒนาไปมาก ตั้งแต่เรื่องของความรู้ในการป้องกันโรค รักษาสุขภาพให้แข็งแรงวิธีการรักษาโรคที่ทันสมัย ซึ่งทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ยืนยาวมากกว่าเดิมและหากนวัตกรรมทางการแพทย์พัฒนาขึ้นจนยืดอายุมนุษย์มากกว่าร้อยปีได้ ถือว่าเป็นความสำเร็จของมนุษย์ในระดับยอดเยี่ยม ในทางกลับกันเรื่องนี้ก็มีข้อเสียคือ หากมนุษย์มีอายุยืนเกินไปถ้ามองในเชิงของเศรษฐกิจและสังคม บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยผู้สูงอายุเหมือนที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหา จะทำให้ไม่มีบุคลากรวัยหนุ่มสาวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเก็บภาษีลดน้อยลง ประเทศหยุดพัฒนาไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้
อีกมุมมองหนึ่งคือการอยู่นานเกินไป อาจไม่ได้มีความสุขเสมอไปจากปัจจัยสภาพสังคมประเทศที่ไม่น่าอยู่ ความกดดันเรื่องของสุขภาพที่ทรุดโทรม หรือแม้แต่คนที่รักจากไปก่อนเกิดอาการซึมเศร้า หากไม่มีลูกหลานดูแลก็อาจส่งผลให้อยู่คนเดียว ด้วยความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาในบั้นปลายชีวิตได้แน่นอนว่านวัตกรรมทางการแพทย์มีข้อดีหลายประการจนเราไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย ในท้ายที่สุดเราต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่รักเราและเรารัก ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีนั่นเอง
Medical innovation นวัตกรรมการแพทย์กับการต่อสู้ของมนุษย์
นวัตกรรมทางการแพทย์ มีการพัฒนาเคียงคู่กับการแพทย์มาหลายศตวรรษ นับตั้งแต่แพทย์คนแรก “ฮิปโปเครตีส” ได้ถูกบันทึกขึ้นในประวัติศาสตร์ นวัตกรรมทางการแพทย์นั้นก็ได้ผ่านขั้นตอนการวิจัย ทดลองปรับปรุงแล้วนำมาปรับใช้เพื่อการรักษาผู้ป่วย ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน
ย้อนเส้นทางอดีต การแพทย์ยุคแรกเริ่มนั้นยังคงใช้สมุนไพรเป็นหลัก นวัตกรรมในยุคนั้นเน้นการจดบันทึกเป็นตำรา เกิดการสร้างสรรค์แผ่นดินเหนียว หรือการทำกระดาษปาปิรุส มีการจดบันทึกการคิดค้นการสกัดทำยา เพื่อคงคุณภาพสมุนไพรให้ได้มากที่สุด แต่ยังอยู่ในลักษณะยาต้ม ผงบด ต้นสดบางพื้นที่ มีความเชื่อในเรื่องของอาการป่วยเกิดขึ้นมาจากเทพเจ้า หรือกรรมบันดาล การรักษาจะเน้นสมุนไพรและพิธีกรรมควบคู่กันไป ยุคต่อมาการผ่าตัดได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคอียิปต์โบราณ ได้มีการ จดบันทึกในกระดาษปาริรุสถึงขั้นตอนการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการโรคต่าง ๆ แม้แต่ การคุมกำเนิดเองก็ได้มีการพยายามศึกษาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ แต่หลังจากศาสนาเข้ามามีบทบาทในการปกครอง “การคุมกำเนิดคือ การขัดประสงค์ของพระเจ้า” บางพื้นที่ที่มีความเชื่อนี้จึงมองการคุมกำเนิดเป็นบาป
เมื่อตำนาน “แพนโดร่า” เข้ามามีบทบาท กล่องแห่งหายนะตามตำนานกรีกที่แพร่ความชั่วร้ายเข้าสู่โลก กรีกเผชิญการรบพุ่งทำให้นวัตกรรมการแพทย์รุดหน้ามากขึ้น ในเรื่องการรักษาเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากศึกสงคราม การดาม การเข้าเฝือก การทำขาเทียม โรงเรียนแพทย์จึงได้เริ่มถือกำเนิดขึ้นเนื่องจากหมอไม่เพียงพอ เกิดความเชื่อเรื่องร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 หากธาตุใดมากไปจะก่อนให้เกิดอาการเจ็บป่วย ศาสตร์นี้ถูกเรียกว่าอายุรเวท เกิดการพัฒนา เรื่องโภชนาการให้เหมาะสมกับธาตุของผู้ป่วย
ในขณะที่ประเทศโซนตะวันออกอย่างจีน ก็มีความเชื่อเรื่องสมดุลธาตุเช่นเดียวกัน ก่อกำเนิดการรักษาด้วยการฝังเข็ม และการรักษาด้วยสมุนไพรจีนได้แพร่หลายไปยัง เมืองต่าง ๆ ด้วย เหล่าพ่อค้าที่เดินทางมาค้าขายเส้นทางสายไหมของจีน เส้นทางนี้เริ่มจาก เมืองคานีซ (สเปน) – คอร์โดบา (สเปน)– วาเลนเซีย (สเปน) – เจนัว (อิตาลี) – ออสเตรีย – บีชา – เตหะราน (อิหราน) – ทะเลทรายโกบี – ที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาหิมาลัยกับรัสเซีย – กำแพงเมืองจีน เหล่าพ่อค้า นักบวช ไม่ว่าจะจีน ยุโรป กรีก หรือโรมัน ต่างสร้างความมั่งคั่งของตนจากเส้นทางนี้ รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ ให้แก่กันและกัน ในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล เริ่มมีการนำยาเม็ดมาใช้ คาดการณ์กันว่าสมุนไพรบางชนิดนั้น ไม่สามารถพกพาไประยะทางไกล ๆ บางชนิดเกิดขึ้นได้เพียงบางฤดู จึงมีการปรับรูปแบบให้อยู่ในรูปแบบยาเม็ด เพื่อให้ง่ายต่อการขนส่ง และง่ายต่อการเก็บไว้ เพื่อรักษายามฉุกเฉิน วงการยาจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดการคิดค้นวัคซีน เพาะเลี้ยงแบคทีเรีย ไวรัส ตัดต่อพันธุกรรม และนวัตกรรมการแพทย์ยิ่งรุดหน้าไปอีก เมื่อมีการพัฒนายาสลบขึ้นกับความรุ่งเรืองของวิทยาศาสตร์เข้ามาส่งเสริม
ในยุคปัจจุบันเราได้เห็นการนำ วิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ เช่น เคมี ฟิสิกส์ สถิติ วิศวกรรม เข้ามาพัฒนาอุปกรณ์ในการรักษา บันทึกข้อมูล ทำให้แพทย์ในปัจจุบันสามารถประเมินอาการผู้ป่วยได้แม่นยำมากขึ้น และในอนาคตเราอาจได้เห็นปัญญาประดิษฐ์ผ่าตัดแทนศัลยแพทย์ก็เป็นได้
Birth of a Human นวัตกรรมการเกิด
สมัยก่อนหากมนุษย์ต้องการมีทายาทสักหนึ่งคน ต้องใช้วิธีปฏิสนธิโดยธรรมชาติเท่านั้น แต่ปัจจุบันด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ การให้กำเนิดเด็กขึ้นมาจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป 25 ก.ค. 2521 หรือเมื่อ 43 ปีก่อนในวงการแพทย์ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เมื่อ “หลุยส์ บราวน์ เด็กทารกเพศหญิงถือกำเนิดขึ้นมาที่โรงพยาบาล Royal Oldham Hospital ในเมืองแมนเชสเตอร์ นับได้ว่าเป็น เด็กหลอดแก้วคนแรกของโลก จากเทคนิคการปฏิสนธิสังเคราะห์ In vitro fertilization (IVF) โดยการนำไข่และอสุจิ มาผสมกันให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ จากนั้นจึงนำไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (ตัวอ่อน) ย้ายกลับเข้าไปในมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป
จากเรื่องนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเรื่องของการมีบุตร ปัจจุบันมีนวัตกรรมทางการแพทย์สำหรับผู้ที่มีบุตรยาก อย่างวิธีการอุ้มบุญ คือให้หญิงคนอื่นตั้งครรภ์จากการปฏิสนธิภายนอกร่างกายแทนคู่สามีภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้ โดยใช้วิธีการการปฏิสนธิจากสเปิร์มและไข่จากคู่สามีภรรยา หรือเป็นสเปิร์มหรือไข่จากคนใดคนหนึ่งผสมกับสเปิร์มหรือไข่ที่ได้รับบริจาคจากผู้อื่น แล้วจึงนำตัวอ่อนฝังเข้าไปในมดลูกของหญิงที่อุ้มบุญ ซึ่งทารกที่คลอดออกมาถือเป็นบุตรของคู่สามีภรรยา แต่ต้องทำอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง
นอกจากนี้เรายังสามารถทำเด็กแฝดได้อีกด้วย โดยต่อยอดพื้นฐานจากเทคโนโลยีเดิมคือ
IUI (Intrauterine insemination) ใช้วิธีการผสมเทียมโดยการคัดอสุจิที่แข็งแรงที่สุด โดยการเร่งไข่และอสุจิเจอกัน แต่ยังยึดหลักผสมเองตามธรรมชาติ
IVF (In-Vito Fertilization) คือการทำเด็กหลอดแก้วแบบที่อธิบายด้านบน วิธีนี้เหมาะกับที่ทำด้วยวิธี IUI แล้วไม่สำเร็จมาแล้ว 3 ครั้ง โดยจะให้ผลสำเร็จ 15 – 20% และมีโอกาสได้ครรภ์แฝด
ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) วิธีการคือคัดไข่ 1 ใบ และอสุจิ 1 ตัว ที่แข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุดมาผสมกัน ปฏิสนธิกันภายนอก จากนั้นจึงนำไข่ที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วกลับไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์วิธีนี้ให้ผล 30 – 40% ถือว่าปลอดภัยมากที่สุดวิธีหนึ่งด้วย
แน่นอนว่าการเลือกเพศลูกจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป จากวิธีที่หนึ่งคือการคัดเลือกน้ำเชื้อ ที่มีโครโมโซม X หรือโครโมโซม Y จากนั้นทำการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งวิธีที่สองคือ การดูดเซลล์รกมาเลี้ยงโครโมโซม ใช้วิธีการเจาะน้ำคร่ำมาเลี้ยงโครโมโซม ซึ่งหากไม่ได้เพศ ที่ต้องการ ก็สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ โดยคนไทยส่วนใหญ่มักไม่ใช้วิธีนี้เพราะเสี่ยงต่อศีลธรรม
วิธีที่สามคือใช้วิธีดั้งเดิมคือการทำเด็กหลอดแก้ว โดยนำไข่กับอสุจิมาปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย นำไปเพาะเลี้ยงเป็นตัวอ่อนประมาณ 5 วัน ซึ่งตัวอ่อนแบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเซลล์เด็ก กับ กลุ่มเซลล์รกเด็ก ต่อด้วยการนำตัวอ่อนเซลล์รกเด็กบางส่วนมาตรวจโครโมโซม ว่าเป็นเพศหญิงหรือเพศชายนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าสมัยนี้การจะมีลูกสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแต่หลังจากนี้เราจะดูแลเขาให้เติบโต ไปเป็นคนที่มีคุณภาพกับสังคมได้ดีมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
Eternal life นวัตกรรมโกงความตาย
มนุษย์ใฝ่ฝันถึงความเป็นอมตะมานานนับพันปี เพราะความตายนั้นมันช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย เราพาคุณย้อนรอยไปเมื่อ 300 ปีก่อน ผู้คนนั้นอายุไม่ได้ยืนยาวมากนัก บางงานวิจัยบอกว่ามนุษย์นั้นมีอายุมากสุดโดยเฉลี่ยเพียง 52 ปีเท่านั้น ส่วนใหญ่มักเสียชีวิตจากโรคระบาดและภัยพิบัติต่าง ๆ
ปัจจุบันการพัฒนาของวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวมากขึ้น เราสามารถอายุยืนได้ถึง 72 ไปจนถึง 100 ปี โดยที่ยังสามารถวิ่งมาราธอนได้ เราจึงได้เห็นบุคคลในโลกหลายคน เฟ้นหาทุกวิถีทางที่จะยืดอายุของเรา อาทิเช่น จิ๋นซีฮ่องเต้ กษัตริย์จีนผู้ยิ่งใหญ่ที่พยายามหายาอายุวัฒนะ ทั่วทุกหัวเมือง หรือการทำมัมมี่ในอียิปต์ตามความเชื่อที่ว่าวิญญาณอมตะ รวมถึงความเชื่อการฟื้นคืนชีพ หลังความตาย เราได้เห็นการแช่แข็งร่างกายของมนุษย์เพื่อรอการรักษาในอนาคตในโรคที่รักษาได้ยาก
เทคโนโลยีที่อาจทำให้เราเป็นอมตะในอนาคตอันใกล้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าวิทยาศาสตร์อาจทำให้ฝันแห่งการมีชีวิตนิรันดร์นั้นเป็นจริง จากเทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ไครโอนิกส์ และโยกถ่ายจิตสู่ปัญญาประดิษฐ์
1. พันธุวิศวกรรม วิศวกรรมพันธุศาสตร์หรือที่เรียกว่า “การดัดแปลงพันธุกรรม” นวัตกรรมนี้จะทำให้คุณสามารถโคลนนิ่งอวัยวะไว้เพื่อเปลี่ยนถ่าย หากอวัยวะในร่างกายของคุณเสื่อม พันธุวิศวกรรมสามารถตัดต่อยีนส์และอาจทำให้เรากลับมาเป็นหนุ่มสาวได้อีกครั้ง จะดีแค่ไหนที่เราเป็นอมตะในร่างของความเยาว์วัย
2. ไครโอนิกส์ การแช่แข็งร่างกาย ร่างที่ถูกนำมาแช่แข็งอีก ด้วยความหวังในการฟื้นฟูและพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคต ไครโอนิกส์เป็นการคงสภาพเซลล์เนื้อเยื่อของร่างกายได้เป็นระยะเวลานาน เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) ค่าใช้จ่ายในการแช่แข็งราว ๆ 7,000,000 บาท James Bedford คือ มนุษย์คนแรกที่ถูกแช่แข็งตั้งแต่ปี 1962 และตอนนี้ยังคงถูกแช่แข็งอยู่ที่ประเทศอเมริกา
3. อมตะดิจิตอล แนวคิดที่จะคงตัวตนของมนุษย์ในรูปแบบดิจิตัล โดยมนุษย์จะอยู่ต่อในรูปแบบอวตา AI หรือ หุ่นยนต์ โดยจะมีการเก็บความทรงจำและข้อมูลส่วนตัวทุกอย่างของมนุษย์ สร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างจิตใจมนุษย์กับอวตารขึ้น มันจะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถโลดแล่นในโลกต่อไปได้ตลอดกาล ปฏิเสธไม่ได้เลยแม้แต่ผู้เขียนเองก็หวาดกลัวความตายอยู่ลึก ๆ แม้จะรู้ว่าชีวิตนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป แต่ความตายนั้นคือสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักและมนุษย์มักจะกลัวกับสิ่งที่เราไม่รู้จักเสมอ การเกิด แก่ เจ็บ และตายก็อาจเป็นคุณสมบัติเดียวของการยืนยันว่าเราทุกคนนั้น “มีชีวิต” อยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้นั่นเอง
Medical Health Care นวัตกรรมการรักษาโรค
สิ่งที่ยังคงอยู่กับมนุษย์มาตลอดตั้งแต่ยุคโบราณนั้นก็คือ เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ มนุษย์พยายามหาทางรักษาโรคต่าง ๆ ด้วยการทดลองหลากหลายวิธีตั้งแต่ พืชสมุนไพร กระดูกสัตว์ แร่บางชนิด ฝังเข็ม ฯลฯ จนกลายเป็นศาสตร์ความรู้ที่สืบทอดกันมาหลายพันปี แม้ไม่ได้ทันสมัยเท่ายุคปัจจุบันแต่ก็สามารถรักษา บรรเทา ยืดอายุผู้ป่วยได้พอสมควร
ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก เรามีงานวิจัยและทดลองมากมาย มีระบบการแพทย์ที่ทันสมัย มีการค้นคว้ายารักษาโรคต่าง ๆ ตลอดจน มีแพทย์ที่ชำนาญงานในแต่ละสาขา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีระบบถูกต้องตามหลักการสากล เรามีงานค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาโรคมากมาย ในส่วนที่เป็นนวัตกรรม ที่ได้การรับรองมีการส่งต่อเทคโนโลยี ให้แพทย์ของแต่ละประเทศเพื่อใช้งานจริง ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยโบราณการผ่าตัดหัวใจหากมีสิ่งผิดปกแทบจะทำไม่ได้เลย จะใช้ยากินเพื่อบรรเทาเท่านั้น ในยุคต่อมาเราสามารถตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจค่าผลเลือด และใช้เทคโนโลยีสอดกล้องเข้าไปผ่าตัดอย่างง่ายและรวดเร็ว สามารถยืดอายุคนไข้ไปได้อีกหลายปี
วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีฝั่งตะวันตกเป็นผู้นำงานวิจัยใหม่ ๆ ทุ่มงบประมาณไปกับการวิจัยอย่างมหาศาล โดยทางฝั่งตะวันออกก็พยายามคิดค้น เพื่อให้ทันโลกอยู่ตลอดเช่นกัน อย่างโควิด-19 ที่กำลังระบาด นักวิจัยทั้งโลก ต่างพยายามคิดค้นยารักษา โดยเบื้องต้นมีการใช้ ฟาวิพิราเวียร์ เพื่อช่วยรักษา แต่กำลังมีการทดลองใช้ยาตัวใหม่อย่างโมลนูพิราเวียร์ ว่าสามารถต่อต้านโรคโควิด-19 ได้เหมือนฟาวิพิราเวียร์ได้ดีแค่ไหน
ในส่วนของวัคซีนก็มีการแข่งขันไม่แพ้กัน ในประเทศมหาอำนาจสามารถผลิตวัคซีนของประเทศตัวเองเพื่อมาแจกจ่ายให้กับประชาชน รวมถึงขายให้ประเทศอื่น ๆ ที่สามารถทำได้เนื่องจากพวกเขามีเงินทุน มีนักวิจัยที่เก่ง และ ความพร้อมทุกด้านในวิทยาศาสตร์การแพทย์นั่นเอง
ประเทศไทยในเรื่องของวงการแพทย์ แม้จะมีงบประมาณ ไม่มากเท่าประเทศใหญ่ ๆ แต่ในเรื่อง การแพทย์ก็มีบุคลากรที่มีความสามารถจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง แพทย์แห่งโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้วิจัยค้นพบวิธีการรักษา โรคธาลัสซีเมียโดยไม่ต้องถ่ายเลือดเป็นที่แรกของโลก ด้วยเทคนิค การตัดต่อยีนแม่นยำสูงคริสเปอร์-แคสไนน์ (CRISPR/Cas9) ซึ่งเป็น ผลงานรางวัลโนเบลสาขาเคมีและการแพทย์ ประจำปีค.ศ.2020 ของ Prof.Emmanuelle Charpentier และ Prof.Jennifer A. Doudna
เป็นที่แน่นอนว่าโรคภัยไข้เจ็บจะอยู่กับมนุษย์ไปจนวันตาย นวัตกรรมทางการแพทย์ก็พยายามพัฒนาให้ทันต่อโรคที่เกิดต่อมนุษย์ แม้ว่าไวรัสบางชนิด จะพยายามเอาชนะด้วยการกลายพันธุ์ แต่เชื่อว่าความพยายามของมนุษย์ สุดท้ายแล้วจะสามารถควบคุมและยืดอายุให้นานที่สุดได้นั่นเอง
Innovation for Health นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันมีโรคภัยจำนวนมากที่รายล้อมมนุษย์ทุกวัน ร่างกายของเราจะมีสุขภาพดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายชนิด ตั้งแต่โรคตามพันธุกรรม พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างเราไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่หลายอย่างเราสามารถทำให้สุขภาพเราแข็งแรงได้ ความจริงแล้วการป้องกันก่อนรักษาถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แน่นอนว่าจำเป็นต้องอาศัยเรื่องของนวัตกรรมเข้ามา เพื่อให้เท่าทันโรคนั่นเอง
ปัจจุบันเรามีนวัตกรรมเพื่อสุขภาพมากมายคอยช่วยเหลือ ป้องกัน รวมถึงให้ความสะดวกสบายกับมนุษย์ โดยสิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของ Immune Status Screening (การตรวจความพร้อมของภูมิต้านในการป้องกันโรค) ซึ่งมีใช้แล้วในโรงพยาบาลของไทยบางแห่ง โดยปกติแล้วร่างกาย ของคนเรามีเม็ดเลือดขาวระบบภูมิคุ้มกันที่ดูแลและป้องกันร่างกาย ไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งเราสามารถรู้ระดับภูมิคุ้มกันโรคได้จากการตรวจคือ
1.การตรวจการทำงานของเม็ดเลือดขาวแบบละเอียด (CD Profile) เป็นการวิเคราะห์การทำงานของเม็ดเลือดขาว เพื่อนำมาใช้วางแผน ในการเสริมภูมิต้านทานเพื่อป้องกันโรค
2. การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เพื่อหาความผิดปกติ ของส่วนประกอบของเลือด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด อาจบอกถึงภาวะที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย
3. การตรวจวัดระดับวิตามินดี เพราะวิตามินดีช่วยในการเสริมสร้าง การพัฒนาเซลล์ ความแข็งแกร่ง และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อทุกชนิดรวมถึงโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
โดยการตรวจจะทำให้เราสามารถรู้แนวโน้มความแข็งแรงจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อทำการป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้นั่นเอง การให้บริการตรวจสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ชั้นสูง ยังใช้วิธีการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อประเมินหาความเสี่ยงของโรคและออกแบบโปรแกรมการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง เทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ทั้งการตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาลและการป้องกันโรค ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
การเสริมสร้างสุขภาพจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนมีสุขภาพดี สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยกันสร้างทัศนคติ รวมถึงการดูแลตัวเอง พื้นฐานระบบร่างกายที่ควรใส่ใจ พฤติกรรมการบริโภค การออกกำลังกาย รวมถึงความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาบางชนิดแน่นอนว่าระบบการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงความรู้และพัฒนาตัวเองให้มีสุขภาพดีขึ้นมาได้
Beauty Innovation ศาสตร์แห่งการชะลอวัย
มนุษย์เรามีความพยายามที่จะฝืนกฎของโลกในเรื่องการย้อนวัยของผิวพรรณมาตั้งแต่อดีต ในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีการใช้ภูมิปัญญาเสริมความงามต่าง ๆ มากมาย ปัจจุบันศาสตร์แห่งการชะลอวัยนั้นมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น Botox, Hifu, Filer รวมไปถึงการรับประทานอาหารเสริม เรียกว่าในท้องตลาดมีมากมายไปหมด MiX Magazine จึงได้คัดสรรวิธีในการชะลอวัยหรือการย้อนวัย ขจัดปัญหาริ้วรอย ร่องรอยความหย่อนคล้อย อย่างเห็นผลที่สุด เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เริ่มจากบริเวณรอบตัวตา ที่บ่งชัดถึงการหย่อนคล้อยตามกาลเวลา นั่นคือการแก้ไขหนังตาบนหย่อน (Upper Blepharoplasty) เมื่อความชรามาเยือนหนังตาชั้นบนก็หย่อนคล้อยลงมา ในบางรายมีผลต่อการมองเห็น หรืออาจจะระคายเคืองต่อดวงตา วิธีการศัลยกรรมด้วยการตัดแต่งหนังตาบน โดยแพทย์จะตัดแต่งหนังตาส่วนเกินออก พร้อมกับตัดแต่งไขมันส่วนเกินใต้เปลือกตาออกไปด้วย หลังจากการศัลยกรรมเข้าที่แล้ว ผลลัพธ์คือจะได้ชั้นตาที่ใหญ่ขึ้น ลดอายุลงได้มากเลยทีเดียว วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ปัญหาเหล่านั้นดีขึ้น
ในบางรายอาจจะต้องตัดถุงไขมันใต้ตาและตกแต่งหนังตาล่าง (Lower Blepharoplasty) ร่วมด้วย เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้นถุงไขมันใต้ตาก็เริ่มป่องนูนออกมา วิธีแก้ไขคือแพทย์จะต้องทำการผ่าตัดเอาถุงไขมันออกพร้อมตกแต่งหนังตาอย่างประณีต เพราะอยู่ใกล้บริเวณดวงตา ผลลัพธ์คือได้ดวงตาที่สดใส หวานฉ่ำ ดูย้อนไวไปอีกได้หลายปี นี่แหละที่เขาเรียกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ
มาต่อกันที่ดึงหน้า (Face Lift) คือการยกเครื่องใบหน้าใหม่หมด ผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อยย้อย คางย้อย คอเหี่ยว รอยตีนกา ในบางรายมีไขมันสะสมในบริเวณแก้มและใต้คางหรือที่เรียกว่าเหนียงนั่นเอง แพทย์ก็จะใช้วิธีดูดไขมันร่วมด้วย การผ่าตัดที่เห็นผลที่สุดคือการ การดึงหน้าทั้งหมด (FULL FACELIFT) ทั้งการดึงคอ ดึงคิ้ว ขมับ และหางตาเป็นการผ่าตัดที่นิยมมากที่สุด ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เพราะยกเครื่องใหม่ทั้งหมดในคราวเดียว การผ่าตัดจะใช้วิธีดมยาสลบ ผลการผ่าตัด เห็นได้ชัดและดีขึ้นถึง 80% โดยแผลจะซ่อนอยู่บริเวณต่างๆ ดังนี้ หน้าใบหู หลังใบหู และศีรษะด้านหลัง บางส่วนยังถูกซ่อนอยู่บริเวณไรผม
การศัลยกรรมเป็นวิธีหนึ่งที่เห็นผลชัดเจน ที่สำคัญการผ่าตัดต้องทำโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยสามารถเช็ครายชื่อศัลยแพทย์ได้ทางเว็บไซต์ https://www.thprs.org เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมศัลยแพทย์แพทย์ที่ได้รับรอง สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทยและสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
นวัตกรรมความงาม + ธรรมชาติ เสริมสร้างความงามด้วยพลังจากแหล่งกำเนิด
ณ ปัจจุบัน ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมก่อกำเนิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมากมายเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่โลกและมวลมนุษยชาติ แต่เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนนำพาให้วิถีชีวิตของเราให้ไกลห่างออกไป “ธรรมชาติ” เข้าไปทุกที แต่ใช่ว่ามนุษย์จะไม่ตระหนักรู้เลย ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสายสัมพันธ์ที่เคยชิดใกล้และเริ่มห่างไกลเช่นนี้ ดังนั้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ให้กลับมาคุ้นชินกันอีกครั้งไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงเป็นที่มาของเทรนด์รักโลกที่เกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงการคิดค้นหลากนวัตกรรมด้วยการใช้ประโยชน์จาก “พลังธรรมชาติ” และหนึ่งในนวัตกรรมเหล่านั้นก็คือ “นวัตกรรมความงาม” นั่นเอง
นวัตกรรม สำหรับความรู้เบื้องต้นอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน นวัตกรรมคือความคิดสร้างสรรค์ที่นำไปสู่สิ่งใหม่ หรือการต่อยอดจากสิ่งที่มี เพื่อก่อให้เกิดคุณค่าและประโยชน์แด่มวลมนุษย์ในหลากหลายมิติ เช่น นวัตกรรมการแพทย์ หรือ นวัตกรรมความงาม
ความงาม หมายถึงสิ่งที่ชวนให้รู้สึกชื่นชมผ่านการรับรู้และเข้าใจของตัวเรา เป็นแรงดึงดูดอันน่าหลงไหลที่เกิดขึ้นจากสถานภาพของสิ่งหนึ่ง นอกจากนี้ความงามยังเป็นเรื่องของปัจเจกชน แม้จะมีไม้บรรทัดทางสังคมหรือวัฒนธรรมเป็นมาตรวัดเรื่องความงาม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของบุคคลนั้น ๆ อีกเช่นกันว่ามีความชมชอบเป็นอย่างไร
พลังธรรมชาติ หมายถึงสิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์จากแหล่งกำเนิดธรรมชาติ อันเป็นสิ่ง ที่เกิดขึ้นเองตามกลไกธรรมชาติและดำรงอยู่รอบตัวเรา เช่น พรรณไม้ ผืนหญ้า และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เป็นพลังที่มีความเป็นมิตรและไม่ก่อให้เกิดมลพิษแด่มนุษย์เราอีกด้วย
นวัตกรรมความงามจากธรรมชาติ หมายถึงนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างและต่อยอดความงามที่มีอยู่เดิมให้พัฒนาไปอีกขึ้นด้วยพลังธรรมชาติ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของ การผสมผสานแหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ ฟื้นฟูพร้อมการบำรุง บางเบาทุกการสัมผัส ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจากสารตกค้างต่าง ๆ
โดยนวัตกรรมความงามจากธรรมชาตินี้ ถือเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่อุตสาหกรรมความงามระดับโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เริ่มที่จะ Back to basic หวนคืนสู่แหล่งกำเนิด ด้วยการสร้างหลากผลิตภัณฑ์สกินแคร์บำรุงผิว เครื่องสำอาง และอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อความงามที่ยั่งยืนเป็นมิตรแก่ทุกคน นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความใส่ใจที่เหล่าผู้ผลิตมีต่อผู้บริโภคอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ทาง Merigin หนึ่งในแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่น ที่มีต่อศักยภาพใน “พลังธรรมชาติ”Merigin จึงได้สร้างสรรค์หลากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนามาจากนวัตกรรมความงามจากพลังธรรมชาติ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคน
Merigin : นวัตกรรมความงาม ผสมผสานพลังธรรมชาติเพื่อทุกคน
แบรนด์ Merigin ถือกำเนิดขึ้นด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นที่มีต่อศักยภาพ ใน “พลังธรรมชาติ”แบรนด์จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเลือกสรรวัตถุดิบ จากแหล่งกำเนิดล้ำค่า ค้นคว้า วิจัย และพัฒนาด้วยความเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสกัดเข้มข้น สู่ผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานธรรมชาติที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ฟื้นฟูพร้อมบำรุงอย่างล้ำลึก แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด บางเบาทุก การสัมผัส ปราศจากสารตกค้างที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผู้บริโภค และให้กลิ่นหอมละมุนจากธรรมชาติ เปิดโอกาสให้ทุกความเป็นไปได้เกิดขึ้นด้วย พลังธรรมชาติที่ผสานอยู่ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Merigin
เริ่มต้นที่ Merigin Hair Tonic นวัตกรรมคืนสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยสัมผัสที่บางเบา จากสารสกัดจากงาม้อน (Perilla Frutescens) สารสกัดซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Polyphenol คือ Rosmarinic Acidสรรพคุณต้านการแพ้และอาการอักเสบได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำงานร่วมกับสารสกัดจากพลูคาว (Houttuynia Cordata Extract) ช่วยลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมเก่า พร้อมช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เร่งอายุเซลล์เส้นผมให้เสื่อมสภาพ
ถือเป็นการปรับสภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการงอกใหม่ของเส้นผมด้วยประสิทธิภาพของ Anagain หรือสารสกัดล้ำค่าที่สกัดได้เฉพาะส่วนต้นอ่อนถั่วลันเตา (Pea Sprout) วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์เท่านั้น มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นเซลล์ทำให้การไหลเวียนโลหิตบริเวณหนังศีรษะดีขึ้นนำไปสู่การงอกของเส้นผมใหม่สุขภาพดีที่แข็งแรงตั้งแต่รากไปจนถึงปลายผมเพื่อสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
Merigin Velvety Soap และ Merigin Cleansing Soap Hand and Body ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกหมดจดโดยทั้งสองผลิตภัณฑ์ล้วนมีจุดร่วมสำคัญที่ถือเป็นหัวใจหลักอย่าง สารสกัดจากสมุนไพรไพล (Zingiber) สารที่มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ผุดผ่องจากริ้วรอยและจุดด่างดำต่าง ๆ ไม่ทำให้เกิดสิว และมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่คอยทำลายเซลล์ผิวให้เสื่อมสภาพอีกด้วย
โดย Merigin Velvety Soap มีวิตามินอี และสารไฮยาลูโรนิค สรรพคุณช่วยให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้นอิ่มน้ำเสริมสร้างความแข็งแรงยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสารสกัดจากสมุนไพรไพลทำงานได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อผลลัพธ์ผิวสุขภาพดี นุ่มลื่นดุจแพรไหม ส่วน Merigin Cleansing Soap Hand and Body มีสารสกัดจากฟ้าทลายโจร (Andrographis Paniculata) สรรพคุณลดการอักเสบของสิว ผด ผื่น และอาการคัน สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Extract) ช่วยสมานผิวหนังให้เรียบเนียน ผสานการทำงานร่วมกับวิตามินอีและสารไฮยาลูโรนิค ประสิทธิภาพให้กับสารสกัดจากสมุนไพรไพลสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อผลลัพธ์ผิวสุขภาพดี ปกป้องอนามัย ปราศจากเชื้อโรค
Merigin Essence Fresh Serum สกินแคร์ในรูปแบบเซรั่ม ที่ประกอบด้วยสารสกัดเข้มข้นจากแหล่งกำเนิดธรรมชาติล้ำค่า ประกอบด้วย ARCTALIS หรือสารสกัดจากมหาสมุทรอาร์คติคใต้แสงเหนือจากประเทศกรีนแลนด์ (Pseudoalteromonas Fermemnt) เป็นแบคทีเรียมีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกเท่านั้น สรรพคุณทำหน้าที่สร้างฟิล์มเคลือบผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้น ปกป้องผิวหน้าจากแสงสีฟ้า, HOMEOSTATINE หรือสารสกัดจากต้นทาร่าและสาหร่ายทะเลซึ่งเป็นเทคโนโลยีสารสกัดในรูปแบบโมเลกุล 3D Matrix สรรพคุณช่วยกระตุ้นและลดการทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว,Osilift หรือสารสกัดข้าวโอ๊ต สรรพคุณทำหน้าที่เป็นฟิล์มเคลือบผิวยกผิวให้กระชับจากภายนอก
Tannin หรือสารสกัดพืชวิชฮาเซล สรรพคุณช่วยลดการหลั่งน้ำมันในชั้นผิวและยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว, Aloe Barbadensis (Aloe) Leaf Juice หรือสารสกัดจากว่านหางจรเข้มีสรรพคุณช่วยปลอบประโลมและยับยั้งการอักเสบของผิวอย่างอ่อนโยน, Black Tea Extract หรือสารสกัดจากชาดำสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ พร้อมขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน และปกป้องผิวจากมลพิษต่าง ๆ
ซึ่งส่วนประกอบที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นล้วนเป็นสารสกัดจากแหล่งกำเนิด ถือเป็นพลังธรรมชาติอันล้ำค่า เสริมประสิทธิภาพการบำรุงด้วยนวัตกรรมความงาม ที่สำคัญ ประกอบด้วย Sodium Hyaluronate มีสรรพคุณช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ผิวอิ่มน้ำ คงความชุ่มชื้น, SYN®-AKE มีสรรพคุณช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก เพื่อผิวเรียบเนียน และ Acetyl hexapeptide-8 Solution มีสรรพคุณต่อต้านริ้วรอย พร้อมปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยใหม่ ๆ เป็นต้น
เพราะธรรมชาติคือมิตรแท้สำหรับทุกชีวิต ธรรมชาติคือสิ่งล้ำค่าที่สร้างคุณประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลมาตลอดหลายช่วงอายุคน แบรนด์ Merigin จึงเชื่อมั่นอย่างเสมอมาในพลังของธรรมชาติ ด้วยวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นที่มีอย่างเสมอมา นำไปสู่การคิดค้นนวัตกรรมความงามที่เป็นมิตรกับทุกคน ผ่านการเลือกสรรวัตถุดิบจากแหล่งกำเนิดเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติผสมผสานอยู่ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เพื่อให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟู พร้อมการบำรุงที่เปี่ยมประสิทธิ์ถึงขีดสุด บางเบาในทุกสัมผัส ไม่ทิ้งสารตกค้างที่สร้างความระคายเคือง ให้แก่ผู้บริโภค ตามขนบของพลังธรรมชาติได้อย่างแท้จริง