จะสำเร็จดังหวังอยู่ที่สิ่งเหล่านี้ โดย ธกฤตและฉัตรชัย
จดอ. JUSTดูIT. คือช่องยูทูบยอดนิยของคนรักหนัง ยอดผู้ติดตามมากกว่าหนึ่งล้านคน ยอดผู้ชมยิ่งสูงลิ่วจัดเป็นช่องรายการหนังอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยในเวลานี้ มีรายการหลัก 3 รายการ คือ “รู้ไว้ก่อนดู” ให้ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนไปดูหนัง, “แกะตัวอย่าง” วิเคราะห์ตัวอย่างหนังดัง และ “รีบรีวิว” วิจารณ์หนังอย่างกระชับและเข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีการสัมภาษณ์นักแสดงระดับโลกและรายการพิเศษต่าง ๆ ก่อตั้งโดยเพื่อนซี้คู่หูสองคน คือ แชมป์ ธกฤต สมบัตินันท์ และ เจอร์รี่ ฉัตรชัย อาสนจินดา
นอกจากข้อมูลที่แน่นปึ๊ก การตัดต่อที่กระชับฉับไว ทรรศนะและการแสดงความคิดเห็นที่เฉียบคมชัดเจน การให้เสียงพากย์ที่เต็มเปี่ยมในอารมณ์ ฟังแล้วอินจนอยากไปดูหนังเรื่องที่พรีวิว นี่คือไฮไลต์หลักที่ทำให้เราเลือกพวกเขามาสัมภาษณ์ในคอลัมน์หลักของ MiX Magazine ฉบับให้เสียงภาษาไทยเล่มนี้
อ้อ! และที่สำคัญเส้นทางการทำงานของพวกเขาน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง มาก ๆ ครับ แล้วคุณจะรู้เคล็ดลับความสำเร็จของพวกเขา...
Introduction
แชมป์ : “ผมโตที่อุดรธานี อยู่กับตายายที่ชอบดูหนัง ส่วนแม่ ก็มาทำงานกรุงเทพฯ ไม่ได้มีเวลาเลี้ยงมากมาย เป็นคนเล่นกีฬาไม่เก่ง หนังมันเป็นอะไรที่สนุกแล้วปลอดภัย เราก็เลยโตขึ้นมาก็ภาพยนตร์มาตลอด เราก็อยากรู้เรื่องราวของมันขึ้นเรื่อย ๆ จนมาเรียนภาพยนตร์ ระหว่างเรียนก็ทำงานพาร์ททามเป็นบาริสต้าร้านกาแฟ ซึ่งนั้นคือช่วงแรกของการทำ JustดูIt เลยเพราะว่าช่วงแรกที่เรียนจบ มาไม่มีเงิน เงินไม่ได้เข้ามาเยอะขนาดนั้นถึงเข้าก็แค่ไม่เกินสองพันบาท เงินไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ แต่เรารู้สึกว่ามีแสงบางที่มีหวังให้เราทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะตอบรับเราอย่างสวยงาม ซึ่งเราเชื่อแบบนั้น ทำร้านกาแฟอยู่ปีหนึ่งทำชาแนลด้วยเวลาเลิกงาน ตอนนั้นเรามีความฝันแต่ความฝันกับรายได้ไม่เสถียร แต่งานที่เราทำมันไม่กินเวลาที่เราอย่างทำก็บาลานซ์เวลา ช่วงแรกมันยากตรงนั้น
มากกว่า”
เจอร์รี่ : “คือผมบ้าหนังมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่อยู่ประถมเปิดดูแทบทุกช่อง บ้านผมเป็นคนดูหนังอยู่แล้ว คุณปู่ก็เป็นคนทำหนัง คือหนัง อยู่ในสายเลือด ตื่นมาก็ดูหนัง จะนอนก็ดูหนัง เรียกว่าทำอะไรทุกอย่าง ดูหนังไปหมด แต่พอเราดูจนโตขึ้นเราดูภาพของหนังให้มันขยายกว้างขึ้น จนเราเปิดรับหนังมากขึ้น การเปิดรับตรงนี้เป็นโอกาสมากมาย พอถึงมัธยมช่วงที่ค้นหาตัวเองได้เต็มที่ ผมก็เปิดชาแนลยูทูบ ก่อน รายการชื่อ เจอร์รี่โปรดักชั่น เอาตัวอย่างหนังที่เขายังไม่ได้แปลมานั่งแปลซับไตเติ้ลเอง ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี คือทำยูทูบมาช่วงเวลาหนึ่งก็อิ่มตัว ก็ย้ายมาอยู่เพจหนังหนึ่งอีกช่องซึ่งมีคนชวนมาทำได้ระยะหนึ่งแต่ยังไม่เข้าแนวตัวเอง ก็เลยหาเพื่อนที่คุยกัน รู้เรื่องจนมาเจอแชมป์เป็นจุดเริ่มต้นของ จดอ. JustดูIt.
แชมป์ : “อีกอย่างที่พวกเราเหมือนกันคือตอนเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ ไปไหนบ่อย ไม่ได้ออกนอกประเทศหรือไปไหนไกล แล้วภาพยนตร์มันเป็นตัวเปิดโลกของเรา ทำให้เรารู้จักวัฒนธรรมสังคมที่ หลากหลายวิธีคิดจากที่เราอยู่ในปัจจุบัน”
เจอร์รี่ : “หนังทำให้รู้วิธีที่เราจะสื่อสารกับต่างชาติมากขึ้น ดูหนังจีน เราก็รู้ว่าเขามีวัฒนธรรมยังไง หรือหนังฮอลลีวู๊ดก็ทำให้ได้เรื่องภาษาด้วย พอวันหนึ่งเราได้ไปฮอลลีวู๊ดเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นตัวประหลาดอะไร เข้ากับวัฒนธรรมของเขาได้อย่างดี หนังมันพาเราไปหลายที่ ถ้าคุณรักอะไรมาก ๆ อย่างพวกผม วันหนึ่งมันก็จะพาคุณไปไกลอย่างไม่คาดคิด
แชมป์ : “สิ่งที่เหมือนกันของพวกเราคือวิธีคิดจะต่างจากชาวบ้าน เราอยู่ในสังคมไทยพอเราคิดอะไรแปลกจะถูกต่อต้านเกิดขึ้น แต่เราชอบอะไรมาก ๆ เราจะสู้เพื่อรูปแบบความคิดนั้น ซึ่งมันก็ถูกใช้มาตั้งแต่ตอนเรียนและตอนทำ JustดูIt. เพราะตอนแรกที่ทำมันก็ไม่ได้แตกต่าง จนทุกคนชอบ สมัยแรกมีคนติมากกว่าด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเราอยู่มาได้ด้วยการเป็นตัวเอง เราก็ควรเป็นตัวเอง ตราบใดที่ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น”
เจอร์รี่ : “ถ้าอยู่ในครอบครัวที่ปิดกั้นทางความคิดจะยากกับอาชีพแบบนี้ เขาไม่รู้จักเลยว่ายูทูเบอร์คืออะไร ก็ต้องแสดงความคิดเห็น หรือเม็ดเงินที่เราแสดงให้เห็นว่าสามารถเลี้ยงตัวเองได้ สิ่งที่เราชอบมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องระรานใคร มันต้องใช้เวลาพิสูจน์พอสมควร”
แชมป์ : “สังคมถูกปลูกฝังว่าทำอะไรเพื่ออะไรสุดท้ายมันคือเรื่องของเงิน อยากได้เงินต้องเป็นหมอ เป็นสจ๊วต ผมว่ายุคสมัยมันเปลี่ยน เอาความชอบมาเปลี่ยนเป็นอาชีพและสามารถสร้างรายได้ให้เราได้ ถ้าความชอบเราไม่เป็นอาชีพทำไมเราไม่สร้างดูล่ะ เหมือนตอนมหาลัยผมเรียนภาพยนตร์เพื่อนจะชอบถามว่า ถ้ามีเงินไม่จำกัดจะเลือกทำอะไร ผมบอกว่าอยากดูหนังแล้วได้เงิน ผมไม่ได้อยากทำหนังขนาดนั้น แค่อยากดูหนังได้เงินนั่นคือเป้ามายหลักเลย แล้ววันนึงมันกลายเป็นอาชีพได้จริง ๆ ด้วย”
JustดูIt ติดอันดับต้น ๆ สื่อหนังของไทย
แชมป์ : “พวกเรากำลังลองสร้างอะไรใหม่ ๆ ให้กับวงการ จากเดิมผมเคย อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ พอมาทำ JustดูIt. ทำให้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรที่สำคัญ สำหรับวงการภาพยนตร์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เรากำลังกระตุ้นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ พยายามดึงคนให้มาดูหนังในโรงหนัง พยายามเปลี่ยนความคิดคนไม่ใช่แค่ความบันเทิงดูสนุก มันมีอะไรมากกว่านั้น เศร้าหรือเครียดบ้างก็ได้ เพราะถ้าดูคลิปที่เราทำ มันไม่ได้มีแต่ฮีโร่ เรามีหนังเล็ก ๆ ด้วย เราพยายามทำหนังใหญ่เพื่อล่อคนกลุ่มกว้าง เข้ามาแล้วสุดท้ายหยอดอย่างอื่นให้เขาลองชิมดู! ซึ่งเป็นหนังที่ไม่สนุกเลย แต่เบื้องหลังอลังการมาก มันมีความพยายามอยู่เบื้องหลัง คนเขาจะเข้าใจงานมากขึ้น ไม่ใช่แค่บอกว่าหนังไม่ดียังไง เพราะแค่มันเดินเรื่องไม่สนุกเหรอ เราพยายาม เปลี่ยนคนเหล่านี้ด้วยการให้ข้อมูลกับเขา”
เจอร์รี่ : “คือสร้างวัฒนธรรมการดูหนังในเมืองไทยให้เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สร้างการคุยหนังให้สนุก ไม่ใช่ทางเลือกว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่มันให้ข้อคิดแก่สังคม ได้เช่นกัน พวกเราเริ่มทำ JustดูIt เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นครั้งแรกเราทำรายการ Podcast ในแอพและเว็บไซต์ SoundCloud คือไปดูหนังแล้วมาเล่าให้ฟังออกจาก โรงมาปุ๊บก็คุยกันเลย ก็คิดชื่อนี้ขึ้นมาเพราความหมายมันกว้างด้วย แบบไปดูซะ ไปดูมา หรือดูไปเถอะ แล้วเราไม่ได้อยากทำแค่หนัง คือชื่อมันกว้างพอที่เราจะพูดถึงอะไรก็ได้ในอนาคต ไม่ได้ตั้งใจล้อเลียนสโลแกนของรองเท้ากีฬาเลยครับ ความจริง เราใส่ใจเรื่องของลิขสิทธิ์กันอยู่แล้วว่าที่จริงการดูหนังต้องดูในฟอร์มแมตที่ถูกกฎหมายคือในโรงภาพยนตร์หรือในแผ่นดีวีดี บลูเรย์ เราค่อนข้างระวังและปรับตัว ถ้าย้อนกลับไปคือสนิทตอนเล่นทวิตเตอร์ เริ่มที่หนังเจมส์ บอร์น เพราะเป็นหนังที่เราชอบมากก็เลยอยากจะทำ Podcast ขึ้นมา ตอนแรกเราก็ชวนเพื่อนในวงการหนังมานั่งคุยกัน จากเรา 2 คนกลายเป็นคอมมูนนิตี้ที่ใหญ่ขึ้น คนคุยหนังในเรื่องเดียวกัน
เลยเกิดเป็น จดอ. ที่ใหญ่ขึ้น พอถึงช่วงหนึ่งเราก็ย้ายแพลทฟอร์มเพราะเรารู้สึกว่ามันตัน”
แชมป์ : “แม้ว่า Podcast จะทำงานได้ดี แต่สุดท้ายภาพยนตร์มันต้องมีภาพ เราก็เลยคิดว่าควรดัดแปลงเป็นวิดีโอเพราะว่าตัวแชมป์ก็เรียนภาพยนตร์ แต่ว่าพวกเราเป็นคนชอบหนังอยู่แล้ว ทำหนังสั้นชอบตัดต่อ ก็เลยคิดว่าเราควรใช้ทักษะที่เราทำงานใช้กับงานพวกนี้ แล้วพอทำไปเรื่อย ๆ จากงานอดิเรกก็กลายเป็นงานทำจริงจัง บางคนก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นงานเพราะมันดูสนุกเกินไปที่จะเป็นงาน เพราะงานคือการดูหนังแล้วก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับหนัง พอมาทำช่อง Youtube ก็เห็นความพัฒนาขึ้นจากคนดูหลักสิบหลักร้อยขึ้นมาหลักหมื่น นี่คือความภูมิใจมากกว่า ตัวเลขที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้บอกว่าเราประสบความสำเร็จแค่ไหนแต่เราสร้างคอมมิวนิวตี้คนชอบดูหนังให้มันใหญ่ขึ้นได้ในประเทศไทย”
เจอร์รี่ : “เราทำมาเรื่อย ๆ จนมาเจอจุดเปลี่ยนที่ดีเมื่อทำคลิปรีบรีวิว เปลี่ยนจากคลิปที่ยาวมากระชับขึ้น จากการพูดคุยมาพากย์เสียงตอนแรกมันไม่ได้ดีมาก แต่คิดว่ามาถูกทางคนก็พอดีสั้นลงเข้ากับยุคสมัยมากขึ้นที่คนดูคลิปสั้นลง ทำมาจับทางค่อย ๆ เป็นตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ มาแกะตัวอย่างค่อยเพิ่มความเป็นตัวเองจนกลายเป็น จดอ. ทุกวันนี้ก็ตกใจเหมือนกันที่ตอนนี้ มีคนติดตามกว่า 1 ล้าน 2 แสน Subscribe”
แชมป์ : “ครั้งแรกมันเริ่มจากละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยความไม่รู้ แต่เราก็มาศึกษาดูว่ามันมีเรื่องการแฟร์ยูส Fair use (Copyright) คือต้องศึกษาว่าหนังที่เขาโปรโมทเราสามารถเอามาทำอะไรได้บ้าง อย่าง Trailer ที่เขาใช้โปรโมทเราสามารถเอามาใช้ได้
เจอร์รี่ : “คือเราทำตามกรอบไม่ได้ละเมิดอะไร ในเรื่องของรายได้เรามีการตกลงกับค่ายหนังว่าเราจะใช้ Material อะไร ในการทำคลิป รายได้มาจากทาง Youtube เป็นหลัก ก่อนจะมี โฆษณาตามเข้ามาทีหลัง”
แชมป์ : “พอทำช่อง จดอ. ไปได้สักพัก ค่ายหนังก็ติดต่อเราเข้ามาก่อนว่าคุณสองคนกำลังทำธุรกิจเพื่อวงการของเขาดังนั้น เราควรมาพูดคุยทำงานร่วมกัน เมื่อช่องโตขึ้นกว่าเดิมก็มีโอกาสตามมามากขึ้น พอเราได้อนุมัติจากค่ายหนังเราสามารถขอฟุตเทจจากค่ายได้ คือค่ายหนังจะมีเว็บให้เลือกเราก็ขอ ตรงนี้นะ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเพราะมันก็มีการเซ็นการยอมรับ การเก็บความลับเยอะแยะมากมาย ซึ่งบางส่วนเราก็ไม่สามารถพูดได้ จากที่เราทำคลิปมาสักพัก หลัง ๆ ทางค่ายหนังเลือกเราให้เป็นตัวแทนคนไทยไปสัมภาษณ์นักแสดงฮอลลีวู๊ดที่เมืองนอก”
เจอร์รี่ : “ซึ่งเราไม่เคยคิดฝัน ว่าเราจะไปเจอนักแสดงที่ ชื่นชอบอย่างเดอะร็อก หรือแบรด พิต ไม่คิดเลยว่ามันจะมาถึง จุดนี้ได้ เราเป็นทางเลือกหนึ่งที่โฟกัสคนที่ดูหนังจริงจัง เราสามารถพูดถึงประเด็นที่เจาะลึกได้ มันเป็นข้อดีของแพลตฟอร์มยูทูบและโซเชียลมีเดียต่าง ๆ”
แชมป์ : “จริง ๆ เวลาเราสัมภาษณ์เขาให้เวลาแค่ 3-5 นาที แต่ว่าพอเราตื่นเต้นมาก เวลามันจะเหมือนนานขึ้น”
เจอร์รี่ : “ถ้าเราชอบดาราคนนั้นแล้วเขาดีกับเรามาก ๆ เช่นเดอะร็อกเหมือนเราอยู่กับเขานานมาก ทั้งที่แค่ 5 นาทีเอง”
แชมป์ : “พอเราเจอเวลาที่พิเศษเวลามันจะขยายออกมา เป็นความทรงจำที่ใหญ่มาก มันไม่ใช่เวลาที่เราได้แต่เป็นเหมือนผลลัพธ์ที่เราสะสมมาทั้งชีวิต ซึ่งเวลาที่หมดลงเรามาถามกันเองว่านี่มันคือเรื่องจริงเหรอ มันดูเกินจริงมากเลย ความชอบตรงโน้น พาเรามาอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเราเจอนักแสดงมากว่า 10 คน แต่มันก็ยังเป็นเรื่องพิศวง ว่ามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง”
เริ่มใช้เสียงพากย์เป็นไฮไลต์
แชมป์ : “คนที่มีอิทธิพลต่อ JustดูIt. มากคือน้าหนู ธนาสุทธิ์ วุฒิวิชัย นักพากย์สปอตโฆษณาต่าง ๆ โดยเฉพาะหนังใหม่ ตรงนี้ เป็นไอเดียที่เราใช้ใน JustดูIt. แล้วเราชอบพูดตามเขาด้วย ชอบวิธีการที่เขาใช้เสียง”
เจอร์รี่ : “แล้วมันต่างจากยูทูบส่วนใหญ่อย่างเมืองนอกเขาจะเสียงนิ่ง ๆ แต่เรารู้สึกว่าพอเวลาเป็นหนังมันไม่สามารถนิ่งได้ หนังควรมีอารมณ์มีโทนที่แตกต่างแล้วแต่เรื่อง เราก็เลยเอา ไอเดียเขามาใช้ แต่มันไม่เวิร์คเพราะเสียงคนเราไม่เหมือนกันเราลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ ก็โอเคพยายามปรับไปเรื่อย ๆ จนมาลงตัวอย่างตอนนี้ครับ”
แชมป์ : “เราใช้เสียงพากย์เพราะว่าตอนแรกเราเอารายการ Podcast มาลงยูทูบแล้วมันยาวมาก คนจะคอมเมนต์เสมอว่าเนื้อหาดีแต่ยาวไป ในขณะเดียวกันเราเรียนภาพยนตร์จะผ่านการเขียนบทเขียนสคริปต์ก็รู้สึกว่าเราควรเอาสิ่งนี้มาใช้กับงานนี้”
เจอร์รี่ : “แชมป์จะชอบเขียนบท แต่ผมชอบตัดต่อมาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยเอาสองอย่างมารวมกัน บวกกับเราดูยูทูบช่องต่าง ๆ เก็บข้อมูลเอามาปรับใช้ให้เป็นเรามากขึ้น”
แชมป์ : “เราพูดเรื่องของบันเทิงแต่ความบันเทิงนั้นมีความรู้ได้ เราเรียนภาพยนตร์เรื่องเหล่านี้มันเป็นความรู้สำหรับเรา แต่อาจไม่ใช่ความรู้สำหรับทุกคน คนกลุ่มหนึ่งมันคือความรู้ แต่เราแค่เปลี่ยนวิธีเล่าใหม่ให้สนุกขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น”
เจอร์รี่ : “การตัดต่อการเลือกซีน เราดูหนังมาเยอะ เราเรียนรู้เยอะ และได้แรงบันดาลใจจากมัน เหมือนเราดูหนัง แฟรนไชน์ภาคหนึ่งแล้วเราเราย้อนกลับไปดูภาคเก่า ภาพมัน จะเด้งออกมาทันที มันจะสอดคล้องกับตัวบทแล้วตัวตัดต่อ ผมชอบดูเบื้องหลัง ดูแล้วมันอยู่ในสมองหมด ก็ถ่ายเอามาตัดต่อแบบที่เห็น ในขณะเดียวกันมันจะมีเทรนด์การตัดต่อในสไตล์สมัยนิยมเกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มคนที่ชอบทำวิดิโอเขาจะพยายามตามเทรนด์ ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ในขณะเดียวกันเราก็พยายามสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ ซึ่งมันจะเสียเวลามากกว่าการตัดวิดีโอแบบตามแพลตฟอร์ม แต่มันท้าทายกว่าครับ เพื่อให้คนเข้าถึงหนังได้มากที่สุด ทำยังไงให้คนดูคาดหวังกับหนังในรูปแบบที่เราคาด ซึ่งการตัดต่อคือกุญแจสำคัญเลยครับ”
แชมป์ : “การทำยูทูบ ข้อดีคือเราจะลง Content เท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เราจะทำไหว เราพยายามทำให้มันต่อเนื่อง แล้วเราไม่ได้ทำเพื่อให้คนดูเท่านั้น เพราะวิดีโอที่เราทำต้องเป็นวิดีโอที่เราอยากจะดูเองด้วย”
เจอร์รี่ : “คือทำวิดีโอยังไงให้ดูสนุกรู้สึกอยากดูอีกเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกอยากปิดตั้งแต่ 10 วินาทีแรก เราไม่อยากทำวิดีโอแค่หนังเรื่องนี้มันมีกระแสนี้ หรือเพื่อยอดวิว ในหนังหนึ่งเรื่องนี้ ไม่ได้มีความน่าสนใจแค่บท แต่อาจมีความน่าสนใจในแง่ ผู้กำกับ เทคนิคที่เขาใช้ในเรื่องนี้ หรือการวางพล๊อตแบบใหม่ คือมีหลายเรื่องที่เราอยากนำเสนอนอกเหนือจากเรื่องหนังที่เราได้ดู”
ใช้เสียงสร้างรายได้
เจอร์รี่ : “ตอนแรกเราก็ไม่ได้พูดหรือเรียบเรียงความคิดได้ดีขนาดนี้ มันต้องผ่านการปรับแล้วปรับอีก คือผ่านการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นปีเลย ตั้งแต่เริ่มต้นจนตอนนี้ 4-5 ปีแล้ว มันพัฒนาตลอดจนไม่รู้ว่านานขนาดไหนเหมือนกัน
แชมป์ : “เราต้องยอมรับว่าเราไม่เก่งด้านไหน เราควรปรับปรุงอะไร เปิดใจยอมรับกับคำติเพื่อก่อ ผมว่าตรงนี้คือหัวใจหลัก ในขณะเดียวที่เราดูงานที่ปล่อยออกมีตรงไหนที่เราไม่ชอบ ถ้ามีเราก็ปรับในคลิปต่อไปทันที”
แชมป์ : “ไม่เคยคิดว่าเสียงจะทำเงินให้เราได้ขนาดนี้ เพราะไอเดียตอนแรกเราแค่อยากหาคนคุยเรื่องหนังเพิ่ม เราไม่คิดว่าจะมีรายได้ เพราะไม่เคยมีใครทำให้มันเกิดรายได้เยอะ ๆ จริงจังมาก่อน”
เจอร์รี่ : “เพราะเราไม่ใช่นักพากย์มืออาชีพ เป็นแค่ยูทูเบอร์ สองคนที่มานั่งคุยกัน เป็นชาแนลหนึ่งที่เป็นตัวแทนของคนรักหนังเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าเสียงธรรมดาของเราจะสร้างคนหรือโปรดักส์ให้กับองค์ก รคือมันเหนือความคาดหมายจริง ๆ ยิ่งนับว่าเป็นเงินเราไม่ได้คิดเลยครับ”
เจอรรี่ : “เรื่องเอกลักษณ์มันชัดเจนมากในโลกออนไลน์ อย่างแรกคนตามเราที่ตัวตน วิธีการนำเสนอของเรา ถ้าเราเป็น จดอ. ที่ตามคนอื่นไปเรื่อย ๆ เราก็คงไม่มาถึงตรงนี้ เราวางภาพ วางเฟรม ผ่ารสนิยมการดูหนัง กลั่นกรองการเล่าเรื่อง”
แชมป์ : “มันโตเพราะว่าไม่สามารถหาแบบนี้ได้ที่อื่น ถ้าคุณ จะดูแบบนี้ต้องดู Justดูit. ซึ่งเราก็อยู่รอดมาได้ การจะเป็น แบบนี้ต้องพึ่งรสนิยม เราเสพอะไรมา เราโตมากับอะไร เราดูอะไร มันจะสะท้อนในงานของเรา”
เคล็ดลับความสำเร็จแบบ JustดูIt
แชมป์ : “ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จอย่าเป็นแบบเรา! แต่ให้เป็นตัวเอง เรามักอยากเป็นแบบคนอื่นที่ประสบความสำเร็จ เคล็ดลับความสำเร็จคือเราต้องเป็นตัวเองแบบที่คนอื่นชอบ ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ต้องรู้ว่ากำลังทำอะไร”
เจอร์รี่ : “ถ้าคุณชอบอะไรก็ไปให้สุด แล้วพอถึงจุดหนึ่งต้องหาทางเป็น Professional ในสิ่งที่ตัวเองชอบให้ได้”
แชมป์ : “เรามาถึงเส้นชัยเพราะเราเริ่มทำ ปัญหาใหญ่ของคนส่วนใหญ่ก็คือกลัวห่วย เขามักพูดว่ายังไม่พร้อม มีข้ออ้างยังไม่ได้ไม่ใช่เวลา สุดท้ายรอแค่ตัวเอง JustดูIt. ทำคลิปแรก เราไม่คิดอะไรเลย ก่อนที่เราจะทำมันผ่านช่วงคิดมานานแต่ก็ไม่ได้ทำสักที จนวันหนึ่งเราคิดว่าถ้าไม่ลงมือทำสักทีก็คงไม่ได้ทำ ซึ่งถ้ากลับไปดูงานวันนั้นมันไม่ใช่งานที่ดีในสายตาเรานะ งานเมื่อสองปีที่แล้วก็ไม่ใช่งานประทับใจอะไรเลย แต่มันสะท้อนให้เห็นว่า ถ้าเราไม่ห่วยก่อนเราจะดีได้อย่างไร ต้องยอมรับก่อนว่าตอนเริ่มต้นทุกอย่างมักจะดูห่วย จากห่วย จะกลายเป็นดี จากดีกลายเป็นเยี่ยม”
เจอร์รี่ : “เหมือนที่คนบอกว่าความสำเร็จเริ่มจากจุดเล็ก ๆ เสมอ คือคุณต้องลุกออกจากจอมือถือหรือจอทีวี ออกไปทำอะไรในแบบของคุณ ทำให้สุดไปให้สุด แม้อาจจะเหนื่อยมันมีอะไรรออยู่แน่นอน เราอาจมาไวแค่สองปี คนอื่นอาจต้อง 10 ปี อย่าเอาเรามาเปรียบเทียบ เป็นตัวเองให้สุด ไม่มีอะไรต้องเสีย”
แชมป์ : “เหมือนโฆษณาสมัยก่อนที่บอกว่าจะไปแสดงที่เคเนกี้ฮอลล์ ก็ต้องซ้อม ซ้อม ซ้อม และซ้อม เหมือนนักกีฬา ที่ต่อยมวย เตะบอลง่าย ซึ่งไม่ใช่เลยเขาฝึกมาเป็นปี สิ่งที่ควรมอง คือกลับไปดูไอดอลของตัวเองว่ากว่าเขามาถึงตรงนี้เขาทำอะไรบ้าง สนใจเรื่องเงินเป็นสิ่งสุดท้าย เอาความพยายามและความชอบมาก่อน ผมเชื่อว่าสองสิ่งนี้จะตอบแทนเราเมื่อเราทำมันมากพอ”
อยากให้ใครเป็นฮีโร่ในชีวิตจริง
แชมป์ : “ผมอยากให้มีคนอย่าง สตีฟ โรเจอร์ส ใน Captain America มันหายาก เขายึดมั่นในอุดมการณ์ความคิด ของตัวเอง ข้ามยุคสมัย บางคนคิดว่าความคิดนี้โบราณแต่ความคิด ของเขาไม่ได้ทำร้ายใคร ทุกอย่างทำเพื่อคนส่วนรวม ผมว่าคนแบบนี้มันหายากโตยากในสังคมแบบนี้ คนที่มีคาแรคเตอร์แบบนี้ ควรถูกเชิดชู ไม่จำเป็นจะต้องมีพลังวิเศษ”
เจอรรี่ : “แมตต์ เมอร์ด็อท ใน Daredevil ส่วนตัวผม ไม่ได้ชอบเพราะความพิการแล้วมาเก่ง ผมชอบเขาในฐานะ ในแง่ของความยุติธรรม ที่พยายามอยู่ในความยุติธรรมในสังคม ที่ไม่ยุติธรรมเลย เขาถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นเศษของสังคม แต่ว่าเป็นทนายเหมือนพวกเราที่ไม่ได้เก่งมากในตอนเด็ก แต่ก็มาเป็น จดอ. ได้จนถึงทุกวันนี้”
Did you know
การศึกษา
แชมป์ : มัธยมศึกษา โรงเรียนอุดรวิทยานุกูล ปริญญาตรี การผลิตภาพยนตร์และสื่อดิจิตอล วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
เจอร์รี่ : มัธยมศึกษา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ (ศิลปศาสตร์) ปริญญาโท สาขาภาพยนตร์
หนังเรื่องโปรด
เจอร์รี่ : Fight Club “เพราะมีวิธีการเล่าเรื่องต่างจากหนังเรื่องอื่นมีลายเซ็นที่แปลกการใช้เพลงภาพไม่เหมือนใครทำให้จุดประกาย ให้ตามหาผู้กำกับ ว่าทำอะไรมาบ้าง”
แชมป์ : 500 Days of Summer “เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ สมมุติมี 150 ซีนเขาเปิดด้วยซีน 134 อะไรแบบนี้ หนังไม่จำเป็นต้องเล่า 1-2-3 มันหลากหลายกว่านั้น”
Text : Aumlove
Photo : Natchanun Chotiphon