สุกัญญา มิเกล
หากนึกถึงร็อคเกอร์สาวชื่อดังในยุค 90 ที่มีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ คงมีไม่กี่ตัวเลือกที่เราจะนึกถึง ทั้งในด้านความเป็นร็อคแอนด์โรลตัวจริง มีความเป็นศิลปินสูง และคุณแม่สุดสตรองต้องยกนิ้วให้กับพี่ “สุกัญญา มิเกล” ล่าสุดเธอหวนจับไมค์อีกครั้งพร้อมผลงานเพลงใหม่ล่าสุดในรอบ 10 ปี มาฝากแฟน ๆ ให้หายคิดถึงอีกด้วย
ด้วยความใฝ่ฝันของเธอในวัยเด็กที่อยากจะเป็นนักกีฬาทีมชาติ เพราะชื่นชอบในกีฬาวอลเลย์บอล แถมยังได้เป็นเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการแข่งขันกีฬา แต่ด้วยช่วงนั้นทางโรงเรียนไม่มีงบประมานสนับสนุนทางด้านกีฬา ความใฝ่ฝันวัยเด็กก็เลยมีอันต้องพับไป
“พี่เข้ามาในกรุงเทพฯ ตอนอายุ 14 ปี มาหางานทำเพื่อที่จะซื้อวีลแชร์ให้คุณยาย แต่สุดท้ายโดนหลอก ก็เลยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ยาว กับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในมูลนิธิเพิร์ล เอส บัค (Pearl Sydenstricker Buck)ซึ่งสนับสนุนให้การศึกษาให้กับเด็กอเมริเชี่ยน ก็คือเด็กที่เป็นลูกของทหาร G.I. (Government Issue) ที่ถูกส่งมาทำภารกิจทางทหารที่ประเทศไทยในสมัยนั้น
“ตอนอายุ 16 เพื่อนก็แนะนำให้ไปฝากประวัติไว้ที่โมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง แถวสยามเซ็นเตอร์ หลังจากนั้นทางโมเดลลิ่งก็ส่งเราเข้าไปประกวด จนได้รับรางวัลมา ก็ได้เข้าสู่วงการนางแบบ ในยุคนั้นกิจการโมเดลลิ่งเป็นอะไรที่เฟื่องฟูมาก มีหลากหลายค่าย หาเด็กใหม่ ๆ เขาสู่วงการ
“จากนั้นก็ยึดอาชีพนางแบบเลย แต่ส่วนตัวเราก็ไม่ชอบหรอก เพราะต้องมีไปเดินแบบชุดว่ายน้ำ ไม่ชอบเลยที่จะมาโชว์เนื้อหนังของเรา เพราะเราก็ถูกสอนมาว่าผู้หญิงควรรักนวลสงวนตัว แต่ว่ามันเป็นงานที่เราทำแล้วได้เงิน แล้วเราก็ไม่มีอาชีพอื่นเลย เราก็ต้องทำเพื่อจะมีรายได้ ก็ทำไปเรื่อย ๆ และบอกกับตัวเองตลอดเวลาว่ามันคืองาน ไม่เอามุมมองของสังคมมาคิด เพราะถ้าเอามาคิดเราก็ไม่อยากทำงาน ให้เหลือแต่ความคิดสมัยใหม่ว่ามันคือชุดเสื้อผ้าทั่วไป
“จนกระทั่งมีผู้กำกับหนังจอเงินซึ่งดังมากในสมัยนั้นมาชักชวนให้ไปเล่นหนัง สมัยนั้นละครทีวียังไม่ได้รับความนิยม หนังโรงก็เลยมีความสำคัญมาก ตอนนั้นได้รับบทเป็นตัวเดินเรื่อง ซึ่งจะมีฉาก No’s bra ฉากโดนข่มขืน ซึ่งสมัยนั้นไม่ค่อยมีใครรับเล่น แต่เราก็รับแล่นเพราะว่ามันคือเงิน โดยที่เราไม่ได้คิดหวังเลยว่าเราจะต้องโด่งดัง แค่คิดเรื่องรายได้อย่างเดียว แค่นั้นจริง ๆ
“เมื่อถึงจุดอิ่มตัวแล้วพี่ก็หันหลังให้กับวงการนางแบบ ก็เลยไปเล่นดนตรีในผับสไตล์ฮาร์ดร็อค รู้สึกมีความสุขมากที่ได้เล่นดนตรี พี่เล่นอยู่ในผับสักประมาณปีกว่า ก็มีค่ายเพลงติดต่อไปทำผลงานเพลง นั่นเป็นอัลบั้มแรก ชื่อชุด ‘หน้ากาก’ และก็โดนดูถูกว่าเราเป็นแค่ Sex Symbol ไม่มีความสามารถทางด้านร้องเพลงหรอก แต่ขอบอกว่าอัลบั้มนี้พี่ก็ติด 1 ใน 5 รางวัลสีสันอวอร์ด ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นทางด้านสายดนตรีในฐานะนักร้อง
“ระยะเวลาผ่านไป 1 ปี หลังจากที่พี่อี๊ด โอภากุล ซึ่งได้แนะนำให้รู้จักกับพี่ปุ้ม พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ภายหลังจากที่พี่ปุ้มได้ฟังอัลบั้ม หน้ากาก ซึ่งเป็นชุดแรกของเรา พี่ปุ้มเลยเรียกเราไปคุยและได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหม่ จนมีอัลบั้ม Wed Time Story ซึ่งก็มีเพลงดังฮิตติดหูนั่นคือ รักเธอจริง ๆ และ ดีดีกันไว้ ซึ่งต่อมาก็ออกอัลบั้ม Crossover และ Born To Be Free แต่ละอัลบั้มก็จะมีแนวเพลงที่แตกต่างกันออกไปเพราะเราชอบทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ
“อย่างล่าสุดที่ไปออกรายการ The Mask Singer หน้ากากโจ๊กเกอร์ ก็เป็นอะไรที่ท้าทายนะ ที่เลือกหน้ากากโจ๊กเกอร์เพราะว่าปกติแล้วชอบโจ๊กเกอร์ เวอร์ชั่น ฮีธ เลดเจอร์ มาก เป็นเวอร์ชั่นที่ตีความแล้วตรงที่สุดในมุมมองของเรา เป็นสิ่งที่มีอยู่บนโลกจริง ๆ คือ คนเราเวลาเห็นอะไรภายนอกแล้วมักจะก็ตัดสินตั้งแต่ภายนอกเลย โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าเขาจะผ่านอะไรมาบ้าง ยิ่งสมัยนี้ยิ่งไม่สนใจในดีเทล นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อให้คนดูได้เห็น
“ผลงานทุกผลงานมันมีคุณค่าสำหรับพี่หมด มันคือของที่เรารักมาก ๆ งานเพลงเป็นผลงานที่พี่รักสุด ๆ เราสามารถมีมันโดยที่เราไม่ต้องมีกินก็ได้ หลังจากนั้นก็ได้มีอัลบั้ม ‘ทูรีเทิร์น’ และ ‘นัมเบอร์ 6’ กับทางค่ายเพลงอีกค่าย ผลงานอัลบั้มทั้งหมดทั้งมวลพี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนะ ทั้งแต่งเพลง เขียนเพลง พี่คิดว่าทุกผลงานมันคือมาสเตอร์พีชของพี่
“ศิลปะทุกแขนงเป็นการสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะเป็น สีที่ใช้ รูปภาพที่ใช้ ทั้งหมดคือสิ่งที่สะท้อนจากธรรมชาติ และศิลปะบนเวทีมันก็คือการสะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างที่เราจะสร้างออกมา”
Know Her
#ซิงเกิ้ลล่าสุดของเธอคือเพลง “แอบมอง” สังกัดค่ายเพลง Classy Records
#กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ “28 ปี Reflection of สุกัญญา มิเกล” ในวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม 2561 นี้
#ติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/sukanya.migael