แม้ว่าภาพจะเบลอ แต่ความหมายคมชัดในความรู้สึก

แม้ว่าภาพจะเบลอ แต่ความหมายคมชัดในความรู้สึก

บางครั้งการถ่ายภาพเบลอที่เกิดจากความผิดพลาด ก็ให้ผลลัพธ์ที่แปลกใหม่ และเป็นวิธีการที่ดูจะขัดแย้งจากสูตรสำเร็จที่เราเรียนรู้มาว่าภาพที่ดีจำเป็นต้องมีความคมชัด การตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ที่รวดเร็วในหยุดการเคลื่อนไหวในสิ่งที่เราต้องการจะถ่ายภาพ การโฟกัสภาพที่แม่นยำ การใช้ขาตั้งกล้องเพื่อให้กล้องนิ่งที่สุด บางครั้งก็ต้องลืมสิ่งเหล่านี้ไปบ้าง การถ่ายภาพเบลอจากความตั้งใจของเรา อาจจะสามารถสร้างภาพถ่ายเชิงนามธรรมที่ให้ยอดเยี่ยมให้เกิดขึ้นได้ครับ

Time Waits for No One
หอคอยนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ หอเอลิซาเบธ (Elizabeth Tower) เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินเตอร์ แต่ในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาของอังกฤษ ซึ่งชื่อบิ๊กเบนที่เราเรียกกันทั่วโลก คือ ชื่อของระฆังใบใหญ่ที่สุดในจำนวนทั้งหมด 5 ใบ ซึ่งถูกแขวนอยู่บนช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกานั้นเอง ปัจจุบันหอคอยนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของลอนดอนได้ถูกซ่อมแซมอยู่ ใช้งบประมาณจิ๊บ ๆ แค่เกือบ 1,400 ล้านบาทเท่านั้นเอง (Ohhh Nooo)

นาฬิกาย่อมสื่อสารเรื่องเวลา และเวลาคือสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ผลของเวลาทำให้ทุกสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมใช้เลนส์ Telephoto 70-200 mm เพื่อซูมไปที่หน้าปัดนาฬิกา ใช้ปรับความเร็วชัตเตอร์ประมาณ 1/8-1/15 ต่อวินาที แล้วจับกล้องให้สะบัดเล็กน้อย เพื่อสื่อสารความเคลื่อนไหวของเวลาที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

แม้ว่าภาพจะเบลอ แต่ความหมายคมชัดในความรู้สึก

Tears In Heaven 
ในฤดูหนาวของประเทศอังกฤษ เป็นช่วงเวลาที่มีบรรยากาศดูเศร้า ๆ เหมือนกันนะครับ อากาศที่เหน็ดหนาว ฝนตกตลอดเวลา พระอาทิตย์ตกดินในเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ทั้ง ๆ ที่ฤดูร้อน แสงแดดในเวลา 2 ทุ่ม เป็นเรื่องปกติของอากาศที่นั้น เป็นฤดูที่คนไทยไม่ควรจะเดินทางไปเที่ยวเลยครับ ผมถ่ายภาพนี้จากในรถยนต์  ผมไม่สามารถที่จะลงจากรถได้เนื่องจากฝนตกตลอด ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขในการท่องเที่ยว ผมถ่ายภาพออกจากกระจกรถที่มีน้ำฝนไหลผ่านจากกระจก ปรับโฟกัสเป็นแบบแมนนวล (Manual) เพื่อให้ภาพเบลอแต่ยังพอที่จะเห็นรูปร่างของเสาไฟได้ลาง ๆ  วัดแสงให้ Under 1 Stop เพื่อสร้างความรู้สึกมืดและหม่นหมอง และปรับค่าสมดุลแสงขาว (White Balance) ประมาณ 3300 Kelvin เพื่อให้ภาพอมสีฟ้ามากขึ้น เพื่อให้ความรู้สึกถึงความหนาวเย็น ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมรู้สึกในช่วงเวลานั้น ๆ ครับ

งานศิลปะเชิงนามธรรม เป็นงานที่ไร้รูปแบบตายตัว การละทิ้งค่านิยมเกี่ยวกับสมจริงของงานศิลปะ ใช้ภาษาภาพต่าง ๆ ในการสื่อความหมายด้วยรูปทรง สี และลายเส้นต่าง ๆ สร้างสัดส่วนที่ประกอบขึ้น  มุ่งเน้นความรู้สึกของจิตใจมากกว่า แสดงออกถึงความสวยงามและเรื่องราว

เราสามารถถ่ายทอดภาพถ่ายในแง่นามธรรมได้หลากหลายวิธี หนึ่งในนั้น คือการถ่ายภาพเบลอ ลองฟังความรู้สึกของตนเอง ถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารออกไป ถ้าภาพถ่ายคืองานศิลปะ งานศิลปะไม่ได้มีกรอบที่จะจำกัดว่าถูกหรือผิด บางครั้งการสื่อสารให้คนดูตีความได้อย่างใจตามเหตุผลของตัวเอง ก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่จะปลดปล่อยความรู้สึกของเราเช่นกัน ด้วยวิธีการวาดภาพด้วยแสงอย่างอิสระ จากปลายพู่กันที่เรียกว่า “กล้อง” ขอให้ท่านผู้อ่านมีความสุขในการถ่ายภาพครับ

ทริคเพิ่มเติม 
1. การถ่ายภาพเบลอควรปรับโฟกัสเป็นแมนนวล เปิด Live View Mode เพื่อกล้องจะจำลองผลลัพธ์ของภาพในขณะนั้น แล้วเราลองไล่ปรับโฟกัสให้เบลอในระดับที่เราต้องการ
2. รูรับแสง (Aparture) หากปรับรูรับแสงให้ใหญ่ขึ้น (ตัวเลขน้อย) จะทำให้ภาพเบลอและฟุ้งมากขึ้น ตรงกันข้ามกับหากปรับรูรับแสงให้แคบ (ตัวเลขมาก) จะทำให้ภาพและแสง ตลอดจนรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น
 

การถ่ายภาพเบลอที่เกิดจากความผิดพลาด ก็ให้ผลลัพธ์ที่แปลกใหม่