Don’t Breathe
Don’t Breathe เป็นหนังที่มีพล็อตเรื่องไม่ซับซ้อนครับ แต่ทว่าสิ่งที่เหมือนจะถูกลบเลือนไปในหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ กลับถูกสอดแทรกไว้ได้อย่างแยบยล จนทำให้หลาย ๆ ครั้งนั้นผู้ชมอย่างเรา ๆ หันไปเอาใจช่วยผู้กระทำผิดให้เอาตัวรอดไปมีชีวิตที่ดีกว่านี้มากกว่า โดยการมองข้ามเรื่องความถูกทำนองคลองธรรมด้วยความรู้สึกในตอนท้ายที่ว่า เดี๋ยวนะ...ไอ้พวกนั้นมันโจรที่ปล้นบ้านคนตาบอดนี่นา ที่เจ้าของบ้านทำมันก็คือการป้องกันตัว ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ!!
ความน่าสนใจของหนังอยู่ที่การสร้างตัวละครแต่ละคน ที่ภาพสะท้อนการเลี้ยงดูของครอบครัวตัวละครหลักทั้งสี่ ในมุมมองของคนที่ถูกเลี้ยงดู และในมุมของตัวผู้ปกครองเอง อย่าง The Blind Man คุณลุงทหารผ่านศึกที่ตาบอดจากการไปรบ รวมถึงการที่ต้องสูญเสียลูกสาวไปจากอุบัติเหตุ ทำให้กลายเป็นคนเก็บตัว ถ้าเปรียบเทียบเป็นผู้ปกครองก็อาจจะมองได้ว่าเลี้ยงแบบปิดหูปิดตาตัวเอง จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรม สุดท้ายก็เป็นเพียงคนเดียวที่ต้องมาเสียใจ Alright! ติดอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ หรือแก๊งหัวขโมยพ่อแม่ไม่รักทั้งสามคนที่เข้าไปเที่ยวปล้นบ้านคนอื่น ทั้งหมดล้วนแต่มีปัญหาครอบครัว ที่ดูจะหนักหน่วงที่สุดก็คงจะเป็น Rocky ที่พยายามขวนขวายหาเงินเพื่อไปใช้ชีวิตที่ดีกว่า ขณะที่อีกสองหนุ่มครอบครัวไม่เหลียวแล ทำให้กลายเป็นเด็กที่โตมาแบบไร้ความรับผิดชอบ
นอกจากนี้หนังก็ยังคงไม่ทิ้งลายแนว Horror ที่มักจะมีเซอร์ไพรส์ให้เราได้เห็นได้อุทานออกมาว่า อ้าว…เฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่น่า จากเรื่องราวบ้าน ๆ ธรรมดาทั่วไปอย่าง เด็กวัยรุ่นใจแตกรวมกลุ่มกันไปปล้นบ้านคนตาบอดในยามวิกาล สเกลความน่ากลัวของหนังก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับเหล่าตัวละครที่พยายามหาทางออกจากบ้านหลังเล็ก แต่ยิ่งหาทางออกเท่าไหร่กลับยิ่งพบสิ่งที่เจ้าของบ้านเก็บซ่อนเอาไว้มากยิ่งขึ้น จังหวะการเล่าเรื่องค่อยเป็นค่อยไป แต่ความพีคที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นนี่แหละ เป็นจุดที่นำพาหนังไปสู่ปลายทางได้อย่างสวยสดงดงามเลยทีเดียว คำแนะนำในการดูหนังเรื่องนี้มีเพียงแค่ “รู้ให้น้อยที่สุด” เท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ
พอเขียนถึงสิ่งที่ประทับใจก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเขียนถึงเทคนิคที่ผู้กำกับเลือกใช้เสียหน่อย คือในช่วงกลางค่อนไปทางปลายนั้น เกิดการไล่ล่ากันในห้องใต้ดินที่ทึบแสง ด้วยแสงสว่างอันน้อยนิดทำให้มุมมองของผู้ชมถูกลดทอนลงไปอย่างมาก ซึ่งตัวหนังเอง
ได้ใช้เทคนิคการมองเห็นในที่มืด ด้วยการให้ตัวละคร Blind Man ตัดไฟของห้องใต้ดินเสีย และแน่นอนว่าอดีตทหารผ่านศึกผู้ตาบอดจะได้เปรียบในที่มืดจากประสาทสัมผัสต่าง ๆ มากกว่าหัวขโมยวัยรุ่นเป็นแน่แท้ หลังจากฉากดับมืดลงสักระยะ ภาพก็กลับมาเหมือนเดิม หากแต่ว่าครั้งนี้กลับมาเป็นภาพสลัวในความมืด เช่นเดียวกับที่ทุกคนจะเป็นเมื่อเข้าไปอยู่ในที่แสงน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราคือการปรับสายตาให้ชินกับความมืด นี่คือสิ่งที่หนังนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากจะทำให้การลุ้นระทึกในฉากนั้นเพิ่มขึ้นจากความได้เปรียบเสียเปรียบทางพื้นที่และประสาทสัมผัสแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มีความรู้สึกร่วมอย่างเต็มที่เสมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ อีกด้วย
สิริรวมแล้ว Don’t Breathe ถือเป็นหนังเปิดหัวเทศกาล Halloween ที่ทำได้น่าประทับใจมาก หากใครที่ชอบหนังระทึกขวัญในพื้นที่ปิดอย่าง Panic Room หรือว่า Phone Booth รับรองว่าต้องชอบแน่นอน ก่อนที่หลังจากนี้หนังสยองขวัญจะพาเหรดกันเข้ามาเยี่ยมเยียนท่านผู้ชมถึงโรงภาพยนตร์บ้านเราในช่วง Halloween ซึ่งมีหลากหลายเหลือเกินในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนังผี หนังแม่มด หนังฆาตกร อ้อ! เรื่องนี้ไม่มีผีนะครับ ปลอดภัยแน่นอน และอย่าลืม Trick or Treat!! สุขสันต์วัน Haloween นะครับทุกคน