ยอด ชินสุภัคกุล

ยอด ชินสุภัคกุล

Wongnai คือแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์รีวิวร้านอาหารชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองไทยในเวลานี้ และเป็น Tech Startup ที่มาแรงที่สุดแห่งปี เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนกลายเป็นโมเดลธุรกิจอีกอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Tech Startup รุ่นต่อไปได้เดินตาม 

คำว่า ‘วงใน’ ถูกตั้งขึ้นมาเพราะต้องการให้สื่อถึงการรีวิว สื่อถึงข้อมูลเชิงลึก ว่าคนทั่วไปจะเข้ามาค้นหาร้านอาหารหรือดูร้านใกล้ตัวว่าร้านไหนดีร้านไหนอร่อย เบื้องหลังความสำเร็จย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากการร่วมแรงร่วมใจของทีมงาน และวิสัยทัศน์อันคมกริบของ ‘ยอด ชินสุภัคกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด

“วงในหมายถึง Insider หมายถึงรีวิวเป็นหลัก ไอเดียตอนแรกผมอยากทำ Tech Startup ขึ้นมาก่อนสักอันหนึ่ง ต้องเล่าย้อนไปตอนผมเรียนต่อ MBA ที่อเมริกาอยู่ แถว ๆ แคลิฟอร์เนียจะมีพวก Tech Startup ค่อนข้างเยอะ ผมก็เลยตัดสินใจทำขึ้นมาอันหนึ่งก่อน เป็นพวก Social Networking ไม่ได้เกี่ยวกับอาหารโดยตรง ทำประมาณครึ่งปีก็ล้มเหลวเพราะตอนนั้นไม่มีเงินทุนเลย และการแข่งขันค่อนข้างสูง ก็คิดว่าอยากจะกลับมาเมืองไทยแล้วตั้ง Tech Startup ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งกับกลุ่มเพื่อน

“ซึ่งตอนอยู่ที่อเมริกาผมจะชอบใช้ Yelp.com เป็นประจำ เป็นเว็บไซต์รีวิวเหมือนกัน รีวิวร้านอาหาร รีวิวร้านทุกอย่างเลย ก็เลยรู้สึกว่าเมืองไทยน่าจะมี Yelp บ้าง เป็นลักษณะของรีวิวร้านอาหาร ค้นหาร้านอาหาร เพราะตอนนั้นยังหาร้านอาหารที่น่าสนใจยาก การบอกทางก็ทำได้ลำบาก จึงได้ชักชวนเพื่อนสมัยเรียนวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ (CTO), ศุภฤทธิ์ กฤตยาเกียรณ์ (Software Architect), วรวีร์ สัตยวินิจ (Development Manager) มาทำเว็บไซต์รีวิวแบบนี้ ค่อนข้างมั่นใจว่ามีคนต้องการใช้แน่นอน เพราะขนาดผมเองต้องการค้นหาร้านอาหาร ในตอนนั้น (ปี 2010) ก็ยังไม่มีสื่อที่ตอบโจทย์เราได้ว่าร้านไหนที่อร่อย มันน่าจะมีสถานที่ที่รวบรวมรีวิวจากผู้ใช้ที่ไปกินจริงมาแสดงให้ทุกคนได้เห็น

“หน้าที่ของผม CEO ก็ทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อที่จะให้วงในเจริญเติบโตไปตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเริ่มแรกวาง Vision ว่าวงในจะเติบโตไปในทิศทางไหน ตั้ง Objective ให้กับแต่ละคนในทีมว่าแต่ละคนจะต้อง Achieve อะไรในแต่ละควอเตอร์ เรื่องของการหาคนเข้ามาตำแหน่งต่าง ๆ วงในตอนนี้มีพนักงานประมาณเกือบ ๆ ร้อยคนครับ ก็ขยายอยู่เรื่อย ๆ อย่างช่วงนี้เดือนหนึ่งรับเพิ่มประมาณ 5 คน แล้วก็บริหารงานทั่วไปในแต่ละวัน ตั้งแต่เรื่องของการขาย เรื่องของบัญชี เรื่องของ Content เรื่องของมาร์เก็ตติ้ง จริง ๆ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะเพิ่มจำนวนคน แต่ว่าเนื่องจากธุรกิจมันต้องการการเพิ่มจำนวนคนมากกว่า เพราะธุรกิจวงในมันต้องมีทีมขายเพื่อออกไปคุยกับร้านอาหารตามเขตต่าง ๆ แล้วเราก็ขยายไปต่างจังหวัด ทั้งกรุงเทพแล้วก็ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีการเพิ่มคนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นอกจากทีมขายก็ยังมีทีม Content ที่ต้องคอยตรวจสอบข้อมูลจากคนที่โพสต์เข้ามา ทำ Advertorial เขียนบทความอะไรต่าง ๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการเพิ่มคนตรงนั้น 

“ถ้าถามว่าธุรกิจรุ่นใหม่จำเป็นไหมที่ต้องมีการลดคน จริง ๆ ไม่จำเป็นนะครับ เพราะบริษัทที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google หรือ Alibaba ก็ตามเขาก็มีคนหลายหมื่นคนทั่วโลก คือคนมันก็ต้องเป็นไปตามขนาดของธุรกิจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะลดคนในตำแหน่งที่ไม่จำเป็นโดยใช้ IT เข้ามาแทน วงในเองก็มีแผนก IT อยู่ ซึ่งก็พัฒนาโปรดักให้มันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอยู่แล้ว

ชิมก่อนปรุง

“วงในโตเร็วหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ เพราะว่าวงในตอนนี้ก็ 6 ปีแล้ว เราเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2010 จริง ๆ ถ้าโตเร็วก็จะมีช่วงระหว่างปี 2013 เป็นต้นมามากกว่าที่โตเร็ว ช่วงแรก ๆ วงในนี่โตช้า แต่มาเริ่มโตช่วงปี 2012 ตอนสงกรานต์ ช่วงนั้นก็เกิดอะไรขึ้นหลายอย่าง อย่างแรกก็เช่นคนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น อันนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะคนใช้วงใน คนค้นหาร้านอาหาร ไม่ได้ค้นหาแค่หน้าจอ Desktop เท่านั้น แต่ก็ยังใช้แอพฯ เพื่อค้นหาร้านอาหารรอบตัว เพราะฉะนั้นการที่คนใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นก็มีส่วนช่วย อินเตอร์เน็ตบนมือถือก็มีส่วนช่วยเช่นเดียวกัน 2010 คนยังใช้ Blackberry ยังใช้อินเตอร์เน็ต 2G กันอยู่ ปี 2012 คนเริ่มใช้ไอโฟนและแอนดรอยด์ เน็ตเปลี่ยนเป็น 3G เพราะฉะนั้นแอพพลิเคชั่นอย่างวงในก็มีประโยชน์ต่อตัวเขามากขึ้น เมื่ออินเตอร์เน็ตเร็วขึ้น ตัวโปรดักเอง ตัวคอนเท้นต์เองก็พัฒนาขึ้นกว่าช่วงปีแรก ๆ 

“เนื่องจากวงในเป็นเว็บที่ร่วมกันสร้าง ช่วงแรกก็ยังมีข้อมูลไม่เยอะเท่าไหร่ คนเข้ามาใช้ก็รู้สึกไม่ค่อยได้ประโยชน์ แต่พอสัก 2-3 ปีผ่านไป ข้อมูลเริ่มเยอะขึ้น รีวิวเริ่มเยอะขึ้น ร้านเริ่มเยอะขึ้น คนก็เข้ามาใช้ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ คนก็บอกต่อแล้วคนก็เริ่มเข้ามาใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2012-2013 เป็นต้นมา คือ Content ทั้งหมดจะเป็น User Directed Content คือเป็น User เขียนเข้ามาเกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องตัดสินใจอะไรเลย คนที่เขียนเข้ามาเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบร้านนี้ เพราะคนอ่านมีสิทธิ์ที่จะเชื่อคนเขียนหรือไม่ก็ได้ คนที่เขียนเข้ามาส่วนมากเขียนจากความรู้สึกจริงทั้งนั้น แต่เราก็มีระบบคัดกรองพวกหน้าม้าอยู่บ้าง แต่ว่าส่วนมาก 90 กว่าเปอร์เซ็นต์คือเขียนเข้ามาแล้วเชื่อถือได้ สมมติเขาไปกินร้านนี้เขาอยากให้ห้าดาวเพราะเขาชอบ เขากินอีกร้านนึงเขาจะให้แค่สามดาวเพราะเขาไม่ได้ชอบมาก มันก็เป็นความคิดเห็นของเขา คนอ่านก็จะเห็นว่ามีความคิดเห็นของหลาย ๆ คนเข้ามา แต่โดยเฉลี่ยแล้วคนจะชอบหรือไม่ชอบร้านนี้ทางเรามีหน้าที่แค่รวบรวมข้อมูลเป็นหลัก 

“การเรทคะแนนก็มีทั้งระบบแล้วก็มีทั้งคน คือระบบก็อย่างเช่นเวลาเราเรียงรีวิวขึ้นมา ร้านไหนจะเอารีวิวขึ้นก่อนเราก็ดูความน่าเชื่อถือของแต่ละคน ว่าคนนี้เขียนมาแล้วกี่รีวิว รีวิวที่เขาให้คะแนนมามันเป็นรีวิวแบบไหนบ้าง เขียนยาวแค่ไหน มีรูปประกอบไหม 
พวกนี้จะมีผลต่อการเรียงรีวิว รีวิวที่เราต้องสงสัยว่าเป็นหน้าม้า เราก็จะซ่อนไป ยกตัวอย่างเช่นคนที่อยู่ดี ๆ สมัครเข้ามาแล้วรีวิวร้านนี้ร้านเดียว เราอาจจะซ่อนไปหรือไว้หลัง ๆ เป็นต้น เราก็จะใช้คนตรวจสอบด้วย คนก็มีหน้าที่สแกนดูว่ารีวิวที่เข้ามาในแต่ละคนมีคนอัพมั่วหรือเปล่า ก็มีคนคอยสแกน ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้มีเยอะอะไร

“ตัวตนของวงในจริง ๆ แล้วอยากให้เป็น User ของเรามากกว่า เป็นแอพพลิเคชั่นวงใน เป็นเว็บไซต์วงในที่คนเป็นแสนเป็นล้านคนเข้ามาร่วมใช้ เข้ามาร่วมกันสร้างข้อมูล ตอนนี้มีสมาชิกประมาณ 2.4 ล้านคน ต้องยอมรับว่าส่วนมากเข้ามาดูอย่างเดียว อาจจะมีประมาณ 2 แสนคนที่เขียนรีวิว ที่เหลืออีก 2 ล้านเข้ามาดู ย้อนกลับไปในปีแรกคนสนใจเรามีหลักหมื่นคน ไม่ได้เยอะเลย 2-3 ปีแรกมีแค่ 3-8 หมื่นคน รู้สึกว่าปี 2012 ถ้าผมจำไม่ผิดประมาณ 3 หมื่นคนเท่านั้นเอง แล้วมันค่อยโตหลังจากนั้น”

เปิดครัววงใน

“รายได้หลักของวงในมาจากโฆษณา ยกตัวอย่างร้านอาหารติดต่อเข้ามาต่อสัปดาห์หนึ่งประมาณ 200 ร้าน ติดต่อเข้ามาพยายามจะทำงานร่วมกับวงใน ก็อาจจะเป็นลักษณะของการโฆษณา ลักษณะของการเป็น Partner แต่โฆษณาก็คือโฆษณาครับ เราไม่ได้ปฏิเสธลูกค้า ถึงแม้ว่าร้านนั้นจะไม่ดี เราก็ต้องโฆษณาให้เขา แต่มันก็ต้องแยกไปในส่วนของการโฆษณา ซึ่งมันก็ไม่ได้ปนไปกับ User Directed Content พูดง่าย ๆ คือสมมติร้านอาหารติดต่อเข้ามาอยากทำโฆษณา เราอาจจะบอกว่าถ้าตอนคน Search เราจะให้คุณขึ้นอยู่อันดับต้น ๆ เหมือนกับ Google Search Resource อันนี้ก็เป็นหนึ่งในโมเดลของเรา 

“เพราะฉะนั้นเราไม่ได้สนใจว่าร้านนี้คุณภาพเป็นยังไง เพราะหลักการเดิมเราไม่ตัดสิน เราให้สมาชิกเป็นคนตัดสิน เพียงแค่เราแสดงผลของเขาขึ้นมาก่อน เพื่อที่ว่าเวลาคน Search จะเห็นร้านของคุณก่อน คุณก็มีสิทธิ์มากกว่าที่คนจะเลือก แต่คนจะเลือกหรือเปล่าก็สิทธิ์ของผู้บริโภค ก็เป็นหลักการโฆษณาของทุก ๆ เว็บส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะนี้ เรื่องของ Ranking ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปเลือกเฉพาะร้านดี ๆ มาโฆษณา ซึ่งจะต่างจาก Editorial Content คือมีจรรยาบรรณของสื่ออยู่ เช่นฉันเป็น Editor นะ ฉันจะไม่เขียนเชียร์ในสิ่งที่ฉันไม่ได้เชื่อจริง ๆ เราพยายามตัดปัญหาตรงนั้นออกทั้งหมด โดยการให้เป็น User Directed Content เรามีหน้าที่เป็น Platform เพื่อเรียงข้อมูลว่าใครที่จ่ายเงินเราอาจจะได้เห็นก่อนเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี

“จริง ๆ มันก็ไม่ได้ต่างกับนิตยสารเลยครับ นิตยสารมันก็จะมีหน้าที่เป็นหน้า Content กับหน้าโฆษณา ก็เหมือนกันครับ วงในก็มีเพจหน้าที่เป็นบทความกับเพจหน้าที่เป็นโฆษณา คือเราเปรียบตัวเองเหมือนเป็น Platform เพราะฉะนั้นคือมันก็เหมือนกับว่าเขาไปลงโฆษณาในเฟซบุ๊ก ลงโฆษณาใน Google คือมันเป็นเรื่องของโปรแกรมล้วน ๆ

“ฟีดแบคร้านอาหารที่ได้รับดาวเยอะ ๆ หรือคนให้ความสนใจก็มีอยู่ตลอดนะครับ ตั้งแต่ร้านที่บอกว่ายอดขายเขาเพิ่มขึ้นตั้ง 5 เท่าต่อเดือน มีร้านที่ต้องเพิ่มพนักงานรับโทรศัพท์ รับโทรศัพท์ไม่ไหว มีตั้งแต่ร้านที่ตอนแรกไม่มีสาขามาลงวงในแล้วเพิ่มสาขาก็มี มันก็ Success แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้มีแต่ด้านดี ๆ ด้านที่ลงไปแล้วมันไม่มีคนไปกินก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่การโฆษณา เช่นร้านที่ลงไปแล้วรีวิว ฟีดแบ็คที่กลับมาไม่ดี คนไปกินแล้วไม่ชอบ เขียนรีวิวไม่ดี ขอให้ลบรีวิวออกได้ไหม นี่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราต้องดูแลเป็นอย่างดี เพราะว่าเราก็มีกฎที่ว่าเราไม่ลบรีวิว แม้กระทั่งเป็นลูกค้าเราก็ไม่ลบรีวิวให้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์มันเป็นออแกนิคทั้งนั้น 

“อย่างที่บอกว่ามีทั้งระบบและมีคนดูแล สองอย่าง ยกตัวอย่าง ถ้าเกิดว่าคนที่ไม่เคยเขียนรีวิวแล้วอยู่ดี ๆ เข้ามาให้หนึ่งดาว เข้ามาให้ห้าดาว คะแนน น้ำหนักความน่าเชื่อถือตรงนี้มันน้อยอยู่แล้ว รีวิวเขาก็จะไปอยู่ล่างสุด โดยไม่ต้องทำอะไรเลย มันก็ไม่ได้มีผลอะไรอยู่แล้ว อย่างที่สองคือถ้าเกิดเราเห็นหรือว่ามีคนแจ้งเข้ามา เราก็เข้าไปลบได้ สำหรับ User ใหม่สามารถสมัครสมาชิกวงในได้ทั้งทาง Facebook หรือสมัครทางอีเมลก็ได้ แต่เรามีการ Verify เบอร์โทรศัพท์เป็น Option เพราะบางทีเรามีกิจกรรม เช่น เขียนรีวิวครบ 5 รีวิวได้ตั๋วหนัง คนที่ได้รางวัลเหล่านี้ต้อง Verify เบอร์โทรศัพท์ อันนี้มันก็ทำให้การโกงเกิดขึ้นได้น้อยลง

“เทคนิคการรีวิวให้คนติดตาม การถ่ายรูปอาหารก็สำคัญ ถ้าใครมีกล้องที่เป็น DSLR มันก็ออกมาสวยกว่าอยู่แล้ว มีชัดตื้นชัดลึก แต่ถึงถ่ายด้วยไอโฟนมันก็มีแอพฯ แต่งภาพเยอะแยะ ที่แต่งภาพอาหารให้ออกมาดูสวยได้ เรื่องของการรีวิวก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งการรีวิวถามว่ามันต้องเขียนยังไงให้เป็นที่นิยม มันก็เหมือนกับเขียนลงบนพันทิป เขียนลงเฟซบุ๊ก คุณเขียนตลกคนก็ชอบ คุณเขียนละเอียดคนก็ชอบ มันก็มีหลายวิธี มันก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน 

“คนส่วนมากที่อยู่ในวงในเข้ามาอ่านแล้วก็มีคนที่เขียนรีวิวบ้าง คนเขียนรีวิวก็มีหลายระดับอีก คนที่เขียนแบบ Casual เขียนไปเรื่อย ๆ กับคนที่เขียนเอาเป็นเอาตายแบบจะเอาที่หนึ่งก็มี อย่างเช่นคนที่เป็น Rank สูง ๆ ในวงในเราเรียกว่า Wongnai Elite กลุ่มคนที่เขียนรีวิวบ่อย ๆ เขาเขียนกันเป็นพันรีวิว หมายความว่าเขาต้องเขียนทุกวันติดต่อกันมาประมาณกว่า 5-6 ปีตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นเขียนแบบเอาจริงเอาจัง อันนั้นเขาก็ต้องมีเทคนิคของตัวเอง มีสไตล์ของเขาเอง มันก็มีคนอยากเป็นนักรีวิวในทุกที่ บางคนมาจากเว็บอื่นก็มี บางคนเกิดขึ้นที่วงในก็มี บางคนก็ใช้แค่วงในเป็นหนึ่งในช่องทางของเขาก็มี แล้วก็มีบล็อกเกอร์ที่เขียนบล็อกของตัวเองแล้วมาลงวงในก็มี

“เรามีรางวัลที่เราเรียกว่า User’s Choice ก็ตรงตามตัวเลยคือเราเลือกจากคะแนน User’s เป็นหลัก ช่วงนี้ก็เริ่มเลือกกันแล้วก็ดูว่าร้านไหนที่มีรีวิวเยอะ ร้านไหนที่มีรีวิวดีเกินสี่ดาว ก็คัดเลือกมา อาจจะมีทีมงานคัดเลือกอีกทีหนึ่งให้แน่ใจว่ารีวิวนี้ ร้านนี้ ไม่มีรีวิวหน้าม้า ซึ่งเราก็ให้รางวัลประมาณ 300 ร้านอาหาร

อร่อยติดดาว

ความสำเร็จล่าสุด เมื่อเมษายนที่ผ่านมา บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยโครงการอินเว้นท์ (InVent) ตกลงร่วมลงทุนกับบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด ผู้พัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นรีวิวร้านอาหารและไลฟ์สไตล์อันดับหนึ่งของไทย ภายใต้ชื่อ Wongnai และ Wongnai Beauty โดยเป็นการลงทุนในระดับ Series B เป็นครั้งแรกของอินทัช รวมทั้งเป็นการลงทุนระหว่าง VC ไทยและ Startup ไทยเป็นครั้งแรก

“Tech Startup ก็คือบริษัทเกิดใหม่ที่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญ เพราะฉะนั้นมันไม่ออกมาเป็นเว็บไซต์ก็เป็นแอพพลิเคชั่น ที่เกิดขึ้นมาใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายที่จะเจริญเติบโตให้รวดเร็วที่สุด ถ้าเป็นธุรกิจธรรมดา ยกตัวอย่างเช่น ผมจบวิศวะคอมมา อยากทำธุรกิจของตัวเอง ผมอาจจะเปิดบริษัทรับทำเว็บ อันนี้เรียกว่าเป็น SME บริษัทธรรมดา แต่ Tech Startupผมต้องมีโปรดักส์ของตัวเอง ต้องทำแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อให้มันโตไปได้ด้วยตัวเอง โดยที่ผมไม่ต้องไปรับจ้าง รับงานคนอื่น ก็เหมือนกับเปิดหัวนิตยสารใหม่ แต่ถ้ารับจ้างทำอันนี้เป็น SME 

“เนื่องจากตอนเริ่มต้นเราไม่มีการลงเงินตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นคือมันก็ใช้เงินไปเรื่อย ๆ ใช้เงินจากบัญชีผมนั่นแหละ ก็ติดลบไปเรื่อย ๆ ทีนี้มันติดลบอยู่ 2 ล้านกว่าบาทในช่วงปี 2012 เป็นจุดที่เกือบจะต่ำที่สุด ตอนนั้นเริ่มมี Investor เข้ามาคุยหลายเจ้า และมีคนสนใจเยอะมาก เรารู้สึกเชื่อมั่นว่าถ้ามีเข้ามาลงทุนเราจะได้เงินที่ลงไปคืน เพราะฉะนั้นก็เลยใช้เงินเพิ่มครับ ช่วงนั้นหลังจากติดลบ 2 ล้านกว่า ก็ติดลบประมาณเกือบ 6 ล้าน แต่ไม่ได้กลัวแล้ว ตอน 2 ล้านกว่านี่กลัวมากกว่า จริง ๆ คือเราคุยกับ Investor ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องหาทางลงทุนด้วย 

“ในปี 2012 ถึงแม้ว่าเรายังไม่ใหญ่มากแต่เราก็ดีที่สุดในตลาดแล้ว เราเรียนรู้จากประสบการณ์ จากการสังเกตต่างประเทศที่ผ่านมา จากการคุยกับนักลงทุนเขาก็บอกว่าเขาอยากลงทุน แต่เราจะเชื่อเขาหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เราก็ต้องดูออพชั่นในมือเขาด้วย สิ่งที่ช่วยทำให้เราหาทุนได้คือเราต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเรา Grow Up แล้วก็ต้องคุยกับเขา ผมคิดว่าผม Base On ความจริงเท่านั้น ถ้าเกิดผมบอกว่าปีหน้าผมจะโตเท่านี้ นั่นคือผมคิดว่าผมทำได้จริง ๆ ไม่ได้บอกไปเพื่อให้เขาลงทุน ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาเราก็เริ่มภูมิใจในตัวเองแล้ว

“จุดมุ่งหมายหรือหลักไมล์ต่อไปเราอยากจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่เป็นอันดับหนึ่งด้านไลฟ์สไตล์ทั้งหมดไม่ใช่แค่ร้านอาหารอย่างเดียว แล้วมีคนใช้ทุก ๆ วัน ทุกวันนี้เราเป็นแค่แอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับร้านอาหารเป็นหลัก แล้วมีคนใช้ประมาณอาทิตย์ละครั้ง ซึ่งมันยังไม่ดีพอ มองว่า 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี นั่นคือ Service ที่เราเพิ่มขึ้นมาตอนหลัง ๆ เราจะต้อง Support Vision ตรงนั้น เช่น ตอนนี้เรามี Category อื่นที่ไม่ใช่ร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบิวตี้ เรามี Service อื่น ๆ เช่น Delivery เราเอาเข้ามาเพื่อให้คนใช้แอพวงในบ่อยขึ้น มีสถานการณ์ที่ใช้แอพวงใน ไม่ใช่แค่ตอนออกไปกินข้าวนอกบ้านเท่านั้น แต่เป็นตอนที่อยู่กับบ้านแล้วอยากจะกินอะไรสักอย่างด้วย มีสถานการณ์ที่ใช้บ่อยขึ้น คนก็ใช้บ่อยขึ้น แอพพลิเคชั่นก็จะโตมากขึ้น มันก็เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ขึ้น ทุกคนแฮปปี้ ทั้งผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นก็ตาม

“หลังจาก ปี 2012 เราไม่เคยกลัวคู่แข่งอีกเลย เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันวัดกันที่ความเร่งครับ ว่าใครโตได้เร็วกว่า ไม่วัดที่ Size ในปัจจุบัน พูดง่าย ๆ คือ อะไรที่สำคัญต่อเรา เช่น User จำนวนร้านอาหาร จำนวนรีวิว จำนวนคนตามในโซเชี่ยเน็ตเวิร์คEngagement อะไรต่าง ๆ พวกนี้เราวัดผลทั้งหมด เพราะเรารู้ว่าเราโตขึ้นวันละเท่าไหร่ แล้วก็พอเดาได้ว่าคู่แข่งโตขึ้นประมาณวันละเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าคู่แข่งจะโตเร็วเท่าเรา เขาก็ไม่มีทางตามเราทัน ถ้ามีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา เช่น จากต่างประเทศเข้ามาที่เมืองไทยกว่าเขาจะโตให้ได้เท่าเรา ต้องใช้เวลาไม่รู้กี่ปี เรามีร้านอาหารอยู่แล้วประมาณสองแสนร้าน มีรีวิวเกือบล้านรีวิว มีรูปภาพหลายล้านรูป มีสมาชิกประมาณสองล้านกว่าคน มันไม่มีใครที่สามารถสร้างทุกอย่างนี้ได้ในชั่วข้ามคืนครับ

“ธุรกิจออนไลน์โตขึ้นอีกแน่นอน ผู้บริโภคเป็นคนเลือกเองว่าเขาจะใช้โทรศัพท์มือถือทั้งวัน ทุกคนก็ใช้โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา เพราะฉะนั้นตราบใดที่พฤติกรรมของคนมันเป็นแบบนี้ ธุรกิจออนไลน์มันก็มีสิทธิ์โต เหมือนกับมีช่วงหนึ่งที่ทุกคนกลับบ้านแล้วต้องดูทีวี ตอนนี้ทุกคนกลับบ้านไม่ค่อยมีคนดูทีวีแล้ว พนักงานผมไม่ดูทีวีกันเท่าไหร่ ติดโทรศัพท์มือถือแทน ถ้าอีกหน่อยมี Wire Device คืออาจไม่ต้องดูมือถือแล้วทุกอย่างมันขึ้นที่แว่นหรือเปลี่ยนไปเป็นอุปกรณ์อื่นแทนแต่มันก็ออนไลน์อยู่ดี สื่ออาจจะต้องเปลี่ยนรูปแบบแต่ Content ที่คนต้องการยังคงเหมือนเดิม”

คลุกวงใน

“ผมมีพี่น้องสามคน ผมเป็นลูกคนเล็ก มีพี่สาว 2 คน คุณพ่อทำงานเป็นเจ้าของกิจการโรงพิมพ์ คุณแม่ทำงานบริษัท ตอนเด็ก ๆ เรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญจนจบมัธยมปลาย ต่อที่วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนจบก็ทำงานที่รอยเตอร์ ทำประมาณ 4 ปี ก็ไปเรียนต่อ MBA ครอบครัวก็อบอุ่นดีครับ ก็เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะขยัน ช่วงที่ทำงานรอยเตอร์ ภายใน 1 ปีผมได้รับการโปรโมตเป็น Team Lead มีทีมงานประมาณ 10 คน ซึ่งเป็น Direct Report อีก 2 ปีผมได้โปรโมตเป็น Manager ผมมีทีมงาน 30 คน เป็น Manager ที่อายุน้อยที่สุดในบริษัท เรารู้แล้วว่าเราเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ ก็เริ่มมีความมั่นใจ สักพักหนึ่งก็อยากไปเรียนต่อ อยากไปลองเปลี่ยนดูว่านอกจากทำงานบริษัทแล้วเราทำอะไรได้อีก จนก่อตั้งวงในขึ้นมาอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ครับ

“อาหารจานโปรด ผมชอบหลายอย่างนะ ชอบที่เป็นต้นตำรับ ไม่ค่อยชอบอาหารฟิวชั่น ยกตัวอย่างถ้าจะไปกินราเมนผมจะเข้าร้านราเมนโดยตรง ไม่เข้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีซูชิหรือขายหลายอย่าง คือจะเลือกไปร้านที่โดดเด่นในแนวทางของเขาเลยครับ 

“สำหรับเป้าหมายของผมที่ตั้งไว้ ตอนนี้อาจมาได้สักครึ่งทาง สำหรับวิชั่นแรกใกล้ถึงแล้วครับ แต่วิชั่นเราเปลี่ยนได้ ย้ายได้ วิชั่นเป็นเหมือนเพดานของธุรกิจครับ แต่ถ้าไม่ติดวิชั่นพอชนเพดานมันก็หยุดแค่นั้นมันก็ง่ายไปแล้ว ผมก็เลยต้องเพิ่มวิชั่นไปอีก ต้องเปลี่ยน เราไม่ได้ทำแค่อาหารอย่างเดียวแล้ว อีกหน่อยอาจจะบอกว่าเราไม่ได้ทำแค่เมืองไทยอย่างเดียว อาจจะไปต่างประเทศก็ได้แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ เราเริ่มต้นช่วงแรกในกรุงเทพฯ อย่างเดียว ตอนนี้เราบอกว่าต้องการทั้งประเทศไทย ก็เปิดออฟฟิศเพิ่ม ตอนนี้ก็มี 6 ออฟฟิศแล้วที่เชียงใหม่, ชลบุรี, หาดใหญ่, ภูเก็ต, โคราช และกรุงเทพฯ ในแต่ละจุดเราก็มีพนักงานทั้ง Sale และ Content ที่ดูแลอยู่ 

“ในอนาคตธุรกิจของผมก็ยังอยู่ครับ แต่อาจมีเรื่องของ Mobile Payment เข้ามาเพิ่มช่องทางมากขึ้น เช่น จองโต๊ะ ไม่ต้องจ่ายเงินสดหน้าร้าน จองแล้วตัดเงินอัตโนมัติ Online Transaction มันต้องเกิดขึ้น ออนไลน์กับออฟไลน์มันต้องเชื่อมกันมากขึ้น เราอาจจะเริ่มไปสนับสนุนทีมที่อยากจะทำ Startup ขึ้นมาแล้วมองหา Funding เราอาจจะไปสนับสนุนตรงนั้นได้ ในทางเดียวกันก็หาไปด้วยว่าอยากทำอะไรต่อ แต่ถ้าเราจะทำต่อไปมันต้องใหญ่กว่าเดิม ต้องเปลี่ยนประเทศได้ ต้องเป็นอะไรที่ Fundamental กับประเทศของเรา” 

Best Startup Tech Companies คลุกวงใน