ฟุตบอลไทยชุดดรีมทีม
เรื่องของฟุตบอลไม่ได้มีเฉพาะการแข่งขันปัจจุบันที่สนุกเข้มข้น ฤดูกาลนี้ผลงานของทีมโปรดตัวเองเป็นยังไง ทีมไหนจะเป็นแชมป์เพราะถ้าใครเป็นคนชอบอ่านหนังสือหรือประวัติศาสตร์ และได้ติดตามเรื่องราวของความหลังในแวดวงลูกหนังก็สามารถที่จะสร้างความเพลิดเพลินบันเทิงใจได้ไม่น้อย
สำหรับแฟนฟุตบอลไทยในยุคนี้ถ้าอายุสัก 20 กว่าปีขึ้นไป คงไม่มีใครไม่รู้จักทีมชาติไทยชุดดรีมทีม และ แมนฯ ยูไนเต็ดชุดคลาสออฟ 92 อย่างแน่นอน เพราะเป็นยุคเดียวกันที่แฟนบอลชาวไทยมีความสุขกับผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมชาติพร้อมกับได้เห็นความยิ่งใหญ่ของแมนฯ ยูไนเต็ดในยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันถ้าพูดถึง “ดรีมทีม” ที่เป็นนักเตะในชุดนั้น ทุกคนต้องรู้จักและร้องอ๋อเป็นอย่างดี เพราะนักเตะชุดนั้นส่วนใหญ่
ถ้าอยู่ในวงการฟุตบอลต่อก็ประสบความสำเร็จในอาชีพโค้ชฟุตบอลหลายคนไม่ว่าจะเป็น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่พาทีมชาติไทยกลับมายิ่งใหญ่เหมือนยุคที่เค้าเป็นนักเตะอีกครั้ง
หรือคนอื่นอย่าง ตะวัน ศรีปาน, ดุสิต เฉลิมแสน, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล, นทีทองสุแก้ว, กฤษฎา เพี้ยนดิษฐ์, เศกสรร ปิตุรัตน์หรือ วรวุธ ศรีมาฆะ ที่กำลังโลดแล่นรับเงินแสนกับอาชีพของตัวเอง
ย้อนกลับไปดูที่มานักเตะชุดดรีมทีมสมัยเป็นนักเตะต้องนึกถึง “บิ๊กหอย” วนัสธนา สัจจกุล ที่มาจากโมเดลนักฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดไปฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1990ที่ดึงนักเตะสหรัฐฯ ที่ค้าแข้งในต่างแดนมาอยู่รวมกันในศูนย์ฝึก ไม่ต้องกลับไปเล่นให้กับสโมสรและทางทีมชาติจะเป็นฝ่ายจ่ายเงินเดินให้กินนอนอยู่ในแคมป์ฝึกซ้อม
โดยจุดแจ้งเกิดของทีมชาติไทยชุดดรีมทีมคือรายการคิงส์คัพ ปี พ.ศ.2536 ที่ได้แชมป์ชนิดหักปากกาเซียนเพราะเป็นทีมชุดบีทั้งที่ถูกมองว่าเป็น Under dog หรือสำนวนไทยประเภทม้ารองบ่อน ขณะที่ทีมชุดเอกลับไม่ได้แชมป์และหลังจากนั้นก็ประสบความสำเร็จในภูมิภาคอาเซียนได้แชมป์ซีเกมส์ จนได้อันดับ 4 เอเชี่ยนส์เกมส์ในปี พ.ศ.2541 ที่มี ปีเตอร์ วิธ คุมทีม
ไม่ต่างจากบรรดานักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ดรุ่น คลาสออฟ 92 ที่ยุคนั้นสามารถผูกขาดความสำเร็จโดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีกติดต่อกันหลายสมัยหรือบรรดาฟุตบอลถ้วยต่างๆ ก็กวาดกันมาหมดแล้ว
ทั้ง ไรอัน กิกส์, เดวิด เบ็คแฮม, แกรี่ เนวิลล์,ฟิล เนวิลล์, พอล สโคลล์ และ นิกกี้ บัตต์ โดยทุกคนล้วนมาจากระบบเยาวชนที่ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” เชื่อมั่นและให้ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ ทั้งๆ ที่ถูกแฟนบอลหลายคนตั้งคำถามว่าจะประสบความสำเร็จได้จริงๆ เหรอ
อย่าง อลัน แฮนเซ่น อดีตกองหลังของทีมคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลออกมาพูดว่า “คุณไม่มีทางคว้าแชมป์ได้หรอก จากการใช้เด็กพวกนี้ลงสนาม” ซึ่งปีที่ป๋าเฟอร์กี้ใช้นักเตะชุดคลาสออฟ 92 เป็นแกนหลักของทีมจริงๆคือพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2538 - 2539 หลังจากขายพวกดาวดังก่อนหน้านี้อย่าง พอล อินซ์, อังเดร แคนเชสสกี้ หรือ มาร์ก ฮิวจ์ ออกไป
บทสรุปในปีนั้นคือทีมได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกและฟุตบอลถ้วยอย่างเอฟเอคัพ พร้อมทั้งเป็นการเขียนประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรในการผูกขาดแชมป์พรีเมียร์ลีก
กว่า 10 ปี
ถึงตอนนี้บรรดานักเตะในรุ่นนั้นก็แขวนสตั๊ดไปหมดแล้วซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะอยู่ในวงการลูกหนังต่อไปไม่ว่าจะเป็น กิกส์ ที่เป็นผู้ช่วย หลุยส์ ฟาน ฮัลล์ ในทีมชุดปัจจุบัน ฟิล เนวิลล์ ไปเป็นผู้ช่วยของ นูโน่ ที่บาเลนเซีย แกรี่ เนวิลล์ ทำงานสายสื่อมวลชนเป็นนักวิเคราะห์วิจารณ์
มีเพียงแต่ เดวิด เบ็คแฮม คนเดียวที่อยู่ในวงการบันเทิงมากกว่าเพื่อน เป็นนายแบบและเซเลบรวมทั้งมีธุรกิจกีฬาอยู่ในสหรัฐอเมริกา
เผลอแป๊ปเดียวก็ผ่านมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่หมดยุคดรีมทีมของทีมชาติไทยและยุคคลาสออฟ 92 ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่บังเอิญคาบเกี่ยวอยู่ในยุคเดียวกัน
สุดท้ายนี้เมื่อฟุตบอลฤดูกาลนี้จบลงหรือทัวร์นาเม้นต์จบลง มันก็จะกลายเป็นอดีต พอเวลาผ่านไปก็จะมี “คุณค่า”และ “ความขลัง” ในตัวมันเอง ที่เวลานึกถึงหรือกลับไปอ่านเรื่องราวเหล่านี้อีกครั้งก็มีความสุขครับ