Football in North Korea
ลองสังเกตกันบ้างไหมว่าทำไมฟุตบอลเกาหลีเหนือ แม้ไม่ได้เป็นทีมเกรดเอ แต่สามารถต่อกรกับพวกระดับหัวแถวของเอเชียได้อย่างสูสี ขนาดที่ว่าทีมชาติไทยของเราเองยังหนาวๆ ร้อนๆ ทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อ
เนื่องจากเกาหลีเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ปิดประเทศยิ่งกว่าจีนหรือเวียดนามเสียอีก หากเข้าร่วมการแข่งขันไม่ว่าครั้งใด จึงแทบไม่มีใครรู้จักข้อมูลและฟอร์มนักกีฬาในครั้งล่าสุดได้เลย ดูได้จากการจับฉลากแบ่งสายฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชียนั้น เกาหลีเหนือไม่ได้สนใจอันดับฟีฟ่า ปล่อยให้ทีมหลุดไปอยู่ในโถที่ 4 ซึ่งแทบจะจมบ๊วยของเอเชียอยู่แล้ว
เมื่อผลการจับฉลากปรากฎว่าในสายมีทีม อุซเบกิสถาน, บาห์เรน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีเหนือ และเยเมน ซึ่งผลการแข่งขันเกาหลีเหนือสามารถเอาชนะทีมวางอันดับดีกว่าได้ทั้งหมด (2/10/58) เริ่มตั้งแต่ ชนะเยเมน 0 – 3 ชนะอุซเบกิสถาน 4 – 2 ชนะบาเรน 0 – 1 ขึ้นเป็นจ่าฝูงแบบสบายๆ
เมื่อลองย้อนกลับไปดู ในความจริงแล้วทีมฟุตบอลเกาหลีเหนือเก่งแบบเงียบๆ ซึ่งพวกเขาเคยไปฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1966 ในครั้งนั้นเองพวกเขาสามารถเอาชนะอิตาลีได้ด้วย และในครั้งล่าสุดปี 2010 พวกเขาก็ไปวาดลวดลายในฟุตบอลโลกมาแล้ว ยังไม่นับรวมฟุตบอลทีมหญิงและชุดเยาวชนที่สามารถต่อกรระดับแถวหน้าของเอเชียและทีมระดับโลกได้ไม่แพ้กัน
เหตุผลที่ทีมฟุตบอลเกาหลีเหนือแข็งแกร่งทั้งที่ไม่มีซูเปอร์สตาร์ดัง น่าจะมาจากวินัยการฝึกซ้อมที่จริงจัง นักเตะมีความมุ่งมั่นสูงมาก มีระบบความฟิตของร่างกายที่ดีรวมทั้งระบบทีมที่พร้อม และถ้าดูรายชื่อนักเตะเกาหลีเหนือแล้วหลายคนสลับสับเปลี่ยนไปเล่นนอกประเทศตลอดเวลาเช่นในลีกของญี่ปุ่น เกาหลี บางคนได้ไปเล่นในยุโรป ซึ่งนักเตะอย่าง รี กวาง ซอน และ ปัก นัม โชล ก็ยังเคยมาเล่นในไทยลีกเรียบร้อย
นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังมีฟุตบอลลีกของตัวเอง (ที่ไม่ค่อยได้เป็นข่าว) มาตั้งแต่ปี 1980 มีการแบ่งเป็น3 ดิวิชั่น มีสนามเป็นของตัวเองและกองเชียร์ จัดขึ้นเหมือนลีกชั้นนำทั่วไป (แต่ตามสไตล์รัฐบาลเกาหลีเหนือ) ซึ่งมีการส่งทีมสโมสรเข้าไปเล่นในระดับถ้วยใบเล็กของเอเชีย อย่าง AFC President Cup แบบพอเป็นพิธี
เมื่อเห็นแบบนี้แล้วจึงไม่แปลกใจเลยว่าความจริงแล้วฟุตบอลเกาหลีเหนือมีระบบการจัดการแทบจะเหมือนมาตรฐานในประเทศฟุตบอลชั้นนำที่เขามีกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ หากเกาหลีเหนือจะสร้างผลงานเข้าสู่รอบลึกๆ ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในครั้งนี้ได้