The Lost  Bladesman

The Lost Bladesman

เรื่องราวของมหากาพย์สามก๊กมีอยู่หลายฉากหลายตอนที่สามารถหยิบยกมาเล่าให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้ ครั้งนี้ เฟลิกซ์ ชง และ อลัน มัค ผู้ร่วมให้กำเนิดภาพยนตร์ไตรภาค Internal Affairs (อีกคนคือ แอนดรูว์ เลา) หยิบเอาเรื่องราวของสามก๊กในช่วง เทพเจ้ากวนอู หนึ่งเดียวของมหากาพย์สามก๊ก ที่ผู้คนยกย่องให้เป็นเทพเจ้า มาให้ได้ชมผ่านทางโลกเซลลูลอยด์ครับ

 

เนื้อหาของภาพยนตร์ในตอนนี้ เป็นตอนที่ กวนอู (นำแสดงโดย ดอนนี่ เยน) ได้ถูก โจโฉ (นำแสดงโดย เจียงเหวิน) จับตัวไป ในระหว่างที่กวนอูอยู่กับโจโฉนั้น โจโฉได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้กวนอูเข้ามาเป็นพวกตน ทำให้ต้อนรับกวนอูอย่างดี แต่ด้วยกวนอูมิอาจผิดคำสาบานต่อพี่น้องร่วมสาบานอย่างเล่าปี่ได้ เขาจึงบอกว่าเมื่อใดที่รู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ไหน เขาก็จะรีบไปหาโดยเร็ว โจโฉรับปากและให้คำมั่นว่า หากกวนอูอยากไป ตนก็มิอาจรั้งไว้ได้ แต่สำหรับแม่ทัพเอกทั้ง 5 ด่านของโจโฉหาคิดเช่นนั้นไม่ทั้งหมดขัดขวางไม่ให้กวนอูได้กลับไป จึงทำให้เกิดศึกฝ่า 5 ด่าน สังหารขุนพลของโจโฉขึ้น

 

ผมในฐานะที่เคยอ่านสามก๊กมาบ้าง หลังจากได้เข้าไปชมก็ได้อย่างน้อยๆ สองความคิดออกมา หนึ่งคือ กวนอู ถือเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องของความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี รวมถึงความมีน้ำใจต่อมิตรสหายและคนรอบข้างอย่างยิ่ง สอง คือ เรื่องราวในภาพยนตร์ มีบางส่วนที่ถูกแต่งเติม และไม่เหมือนกับในหนังสือที่เคยอ่าน ซึ่งผู้กำกับก็ออกมายืนยันว่าพวกเขาต้องการสร้างกวนอูด้วยการตีความแบบใหม่ และด้วยเหตุที่มีการตีความใหม่ เชื่อเหลือเกินครับว่า เหล่าบรรดาผู้ที่ชื่นชอบผลงานเดิม คงต้องรู้สึกแปลกๆ ไม่มากก็น้อย 

 

ความรู้สึกแปลกครั้งแรกที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของอาวุธ ในจินตนาการของเรานั้น อาวุธคู่กายของ กวนอู คือ ง้าวมังกรเขียว ซึ่งน่าจะดูทนทาน คมกริบ และยิ่งใหญ่ แต่ในเรื่อง ง้าวกลับหักโดยง่าย เพียงเพราะต่อสู้กับขงสิ้ว ที่ด่านตังเหลงก๋วน รวมทั้งเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพียงเพราะการฝ่าด่านแค่ด่านแรกเท่านั้น

 

เหตุผลหนึ่งที่ดูน่าจะเชื่อถือได้ก็คือบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับทั้งสองที่บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้กวนอูเป็นเทพเจ้าหน้าแดงอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาเท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นจึงทำให้คนดูสามารถเข้าไปใกล้กวนอูได้มากกว่าเดิม เพราะรู้สึกว่ากวนอูเป็นตัวละครที่จับต้องได้มากขึ้น

 

การเข้าใกล้ตัวละครนั้น ผู้กำกับทั้งสองไม่ได้ทำเพียงแค่กับตัวละครอย่างกวนอูเท่านั้น แต่กับโจโฉหรือแม้กระทั่ง ฮ่องเต้ ก็เช่นกัน อย่างฉากที่ทั้งสองคนต้องทำงานนั้น ก็ชี้ให้เห็นถึงการเข้าใกล้ความเป็นคนธรรมดาของตัวละครได้เป็นอย่างดี แม้ฮ่องเต้จะกล่าวว่ายุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่ต้องช่วยเหลือกัน ใครทำอะไรได้ก็ควรทำ ก็ตามที

 

ผู้กำกับทั้งสองยังพลิกบทบาทของโจโฉ จากที่หลายคนมองว่าเป็นคนไม่ดี ให้มีบทบาทที่โดดเด่น ดูดี รักษาสัจจะ แต่ก็ยังไม่วายทิ้งปมในความเป็นโจโฉที่น่าเกรงขาม และมักใหญ่ใฝ่สูงไว้ให้คนดูได้คิดตาม

 

ในส่วนของ ดอนนี่ เยน ที่รับบท กวนอู นั้น หากเราจินตนาการว่ากวนอูต้องรูปร่างสูงใหญ่ ดุดัน น่าเกรงขาม คงต้องเปลี่ยนความคิดสักหน่อย เพราะกวนอูในฉบับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไซส์เท่ากับตัวละครอื่นๆ ไม่ได้มีความใหญ่โตของร่างกายให้โดดเด่น แต่ด้วยความเป็น ดอนนี่ เยน ฝีไม้ลายมือในการบู๊ ก็ทำเอาคนดูได้เพลิดเพลินพอสมควรเหมือนกัน ยิ่งฉากระห่ำหลายๆ ฉากในการบู๊เพื่อฝ่าด่านที่สองที่เมืองลกเอี๋ยง ก็ดูสนุกไม่น้อย ยิ่งกวนอูโดนลูกดอกอาบยาพิษเข้าไป แต่ยังสู้ไม่ถอย นับว่าเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับผู้ที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราพยายามอย่างสุดชีวิต สิ่งดีๆ ก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ เหมือนอย่างกวนอูที่สามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ฝ่า 5 ด่าน ฆ่าเหล่าขุนพลของโจโฉมาได้

 

อีกตัวละครหนึ่งที่หากไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นตัวละครสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องในฉบับภาพยนตร์นี้ นั่นก็คือ ฉีหลาน สนมเอกของเล่าปี่ พี่ชายร่วมสาบาน โดยได้นักแสดงดาวรุ่งฮ่องกง ซุนหลี่ มารับบท โดยในเนื้อเรื่องนั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กวนอูไม่ตัดสินใจแหกค่ายหนีเพื่อกลับไปหาเล่าปี่ ก็เป็นเพราะเขาหลงรักซุนหลี่มาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะได้รู้จักกับเล่าปี่ แต่ด้วยความสัตย์ซื่อที่กวนอูมีอยู่ในตัว ทำให้แม้ว่าจะโดนฝ่ายโจโฉวางยาเพื่อให้ร่วมรักกับสนมของพี่ชายร่วมสาบาน เขาก็สามารถระงับจิตใจและผ่านมาได้ในที่สุด

 

ความโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น กวนอูกับโจโฉมีความเด่นพอๆ กัน และทำให้คนดูรู้สึกว่าโจโฉไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ผิดกับฮ่องเต้ที่น่าจะดูเป็นคนดี แต่กลับอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดในการสั่งฆ่าเพื่อไม่ให้กวนอูกลับไปหาเล่าปี่ได้

 

และไม่ว่าเรื่องราวในภาพยนตร์ ในหนังสือ หรือในโลกแห่งความจริงของกวนอูจะเป็นเช่นไร แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า ณ วินาทีนี้ ความซื่อสัตย์ที่เขาได้กระทำไว้เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน ได้ซึมซาบเข้าไปในหัวใจของหลายๆ คนที่รู้จักเขาแล้ว ไม่มากก็น้อยครับ

 
เมื่อไรก็ตามที่เราพยายามอย่างสุดชีวิต