นราวัลลภ์ ปฐมวัฒน
“จริงๆ ก็สนใจในศิลปะอยู่แล้ว แต่ช่วงที่เรียนตอนนั้นกลับไม่ได้เรียนด้านศิลปะตรงสาย เพราะเราไปเลือกเรียนด้านอักษรศาสตร์ ที่จุฬาฯ พอเรียนจบปริญญาตรีที่นี่ก็ตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อทางด้านศิลปะที่นิวยอร์ก ด้วยความชอบและรักด้านนี้ ทำให้มีโอกาสได้ซื้อหาหนังสือดีๆ มาเก็บไว้เยอะมาก พอกลับมาที่เมืองไทย เลยมีความคิดที่ว่าน่าจะหาที่ไว้แชร์ในเรื่องความรู้เฉพาะด้านเหล่านี้ เพราะเราน่าจะเอาสิ่งที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้คนที่รักศิลปะได้แบ่งปันกัน
“หนังสือส่วนมากเป็นของตัวเอง แต่หลังๆ เมื่อมีคนรู้จักที่นี่มากขึ้น ก็จะมีการบริจาคเข้ามาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาจากตัวเองเป็นหลัก รวมไปถึงทุนหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่เริ่มแรกก็มาจากตัวเองทั้งนั้น อาจจะมีในส่วนของความช่วยเหลือด้านต่างๆ อาจเป็นอุปกรณ์ หรือกิจกรรมแต่ในเรื่องของเม็ดเงินนั้นมันยากมาก เพราะแน่นอนว่าเขาจะต้องมองให้เห็นก่อนว่าเขาจะได้อะไร แต่เรากำลังทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ เพราะฉะนั้นเอาตามที่เราสะดวก พอทำเองได้ก็ลงมือ
ทำเลย
“โชคดีตรงที่สำหรับเมืองไทยมันมีการพึ่งพาอาศัยกันได้อยู่ ทีมงานที่เรามีก็เป็นอาสาสมัครทั้งนั้น ตอนนี้รู้สึกว่ามันได้ประโยชน์ก็เลยคิดว่าจะทำต่อไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้หลักๆ แล้วก็ทำหน้าที่ดูแลที่นี่คนเดียว ก็หนักนะคะ แต่ไม่เป็นอะไร เพราะมันคือสิ่งที่เรารัก บางครั้งก็อาจจะมีปัญหาบ้างนิดหน่อย อย่างเช่นเขียนโครงการต่างๆ ไปแล้วยังเงียบอยู่ ก็พยายามทำมันต่อไป เราอยากให้พื้นที่ตรงนี้อยู่ต่อไปให้ได้ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้แสวงหากำไร คนที่ได้ประโยชน์จากตรงนี้ก็คือทุกคน จริงอยู่ที่มันอาจจะเฉพาะกลุ่ม แต่ขณะเดียวกันเอง เราก็เปิดให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ คุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะด้านไหน แม้ว่าเราอาจไม่ได้มานั่งสอนหรือเวิร์คช็อปให้ แต่เรามีสื่อ มีหนังสือ มีไฟล์ดิจิตอลให้คุณได้เรียนรู้แน่นอน”
แม้ที่นี่จะถูกจัดวางเต็มไปด้วยหนังสือที่เกี่ยวข้องกับโลกของศิลปะ แต่ยังเปิดให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยเฉพาะการเสวนาพูดคุยทั้งในแง่มุมของสังคม ปรัชญา ฯลฯ หรือรวมไปถึงการจัดฉายภาพยนตร์ ซึ่งที่นี่ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมร่วมสมัยอีกด้วย ภายใต้ความคิดที่ว่าเป็นไปได้มากว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันด้วยตัวของมันเอง
“ไม่อยากให้จำกัดความว่าที่นี่คือห้องสมุดเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้เข้าใจหรือมองว่าที่นี่เป็นพื้นที่สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล เรื่องเกี่ยวกับแวดวงศิลปวัฒนธรรมมากกว่า ที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเป็นที่รู้จัก
มากขึ้น เพราะมีการเขียนโครงการต่างๆ เพื่อขอทุนสนับสนุนกับหน่วยงานต่างๆ ตามมูลนิธิต่างๆ ส่วนมากเป็นต่างประเทศ ของไทยจะได้ในเชิงของงบประมาณสำหรับจัดแต่ละกิจกรรมมากกว่าค่ะ เพราะในส่วนการบริหารจัดการห้องสมุดนั้น ส่วนมากไม่มีใครมีนโยบายให้ทุนดำเนินการห้องสมุดเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การทำห้องสมุดนี้ขึ้นมาแน่นอน
“ตอนนี้ก็พยายามรวบรวมเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแวดวงศิลปะอยู่เรื่อยๆ อย่างเทศกาลศิลปะที่คานส์ ประเทศฝรั่งเศส เราก็ไปร่วมเป็นประจำอยู่แล้ว เราพยายามทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้และไม่เกินศักยภาพ ดังนั้นสิ่งที่เราทำมันคือทำจากความรักในหนังสือ ในงานศิลปะ ในโลกศิลปะ มันจึงคือความสุขที่เราได้ทำ”
Know Her
>> หนังสือคือเพื่อนแท้ของเธอมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่แปลกที่งานของเธอจะยังคงเกี่ยวเนื่องหนังสือมาโดยตลอด
>> จุดเริ่มต้นที่เพาะบ่มเมล็ดพันธุ์ศิลปะในตัวเธอนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งที่เรียนคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่ทำให้เธอมีแนวคิดส่วนหนึ่งในรูปแบบอุดมคติ จากนั้นจึงได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ จากนิวยอร์ก
>> เธอมีโอกาสทำงานกับองค์กรทางศิลปะที่ชื่อ Asia Art Archive องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2543 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บและรักษาข้อมูลเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับศิลปะร่วมสมัยในเอเชีย และนั่นคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ เธอหันกลับมาทำ The Reading Room เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเก็บและค้นคว้าข้อมูลของคนรักศิลปะด้วยกัน
>> โดยสรุปแล้ว The Reading Room คือห้องสมุดที่ก่อตั้งโดยคุณนราวัลลภ์ และได้รับความร่วมมือโดยดำเนินการภายใต้ มูลนิธิส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะไทย ซึ่งเปิดบริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทุกคนสามารถไปใช้บริการได้ฟรี ตั้งแต่วันพุธ-วันอาทิตย์ 13.00-19.00 น. ที่ สาทรซอย 19 โทร.0-2635-3674