โอบอุ้ม จูตระกูล

โอบอุ้ม จูตระกูล

“ดิฉันค่อนข้างมั่นใจและตรงไปตรงมาทั้งทางด้านความคิดและสิ่งที่สื่อออกมา ดังนั้นเป็นธรรมดาที่คนอื่นๆ อาจจะดูว่าแรงสำหรับที่นี่ ที่เมืองไทยหากไม่ปรับคงอยู่ไม่ได้ แต่ดิฉันคงทำได้เพียงลดทอนให้เบาลงได้แค่นั้น เพราะยังยืนยันในข้อดีของการพูดตรงไปตรงมา ในด้านการสื่อสาร มันสำคัญ ยิ่งกับงานที่ดิฉันทำอยู่ มันจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดน้อยมาก แต่แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้คนเขาจะเกลียดเราได้ง่ายๆ แต่ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราตรงไปตรงมาในสิ่งที่ถูกต้อง ก็อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ

 

“คุณแม่จะสอนให้คิดเองให้เป็น และสอนให้เรียนรู้ที่จะทำงานมาตั้งแต่อายุ 14 ปีที่ไปอยู่ที่อังกฤษ ดิฉันได้เห็นการทำงาน เห็นการบริหารงานของท่าน ก็ยิ่งประทับใจว่าท่านเป็นคนเก่ง ท่านไม่เคยแบ่งแยกหน้าที่ว่าเป็นลูกแล้วไม่ต้องทำงานอะไรเลยในร้าน ดิฉันผ่านงานมาแล้วทุกอย่างในร้าน แถมหนักว่าคนอื่นด้วย (หัวเราะ) เพราะคุณแม่ท่านต้องบริหารคนมากมาย การที่เข้มงวดกับลูกให้คนอื่นได้รู้สึกว่าลูกก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับสิทธิพิเศษอะไรต่างจากพนักงานทุกคน และเมื่อถึงวันหนึ่งที่ได้มีโอกาสก้าวขึ้นอยู่ในตำแหน่งบริหาร สิ่งเหล่านั้นเองที่ช่วยให้ดิฉันได้นำมาปรับใช้จนมีวันนี้

 

“ในด้านอาหาร ตอนเด็กก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเชฟหรืออะไร พื้นฐานความรู้สึกตอนนั้นแค่ชอบชิมเฉยๆ พออายุ 18 ได้ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยต่อจนจบด้านประชาสัมพันธ์ที่อเมริกา ตอนที่ไปสมัครงานแรกเมื่อเรียนจบ ยอมรับเลยว่าช่วงนั้นมีความกดดันมาก เพราะเขามีกฎบังคับว่าภายใน 6 เดือนหลังเรียนจบ 
ต้องหางานทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะถูกส่งกลับ ทีนี้เวลาที่มีในแต่ละวันมันจะเป็นสิ่งที่มีค่ามาก พอบริษัท Western Union เรียกสัมภาษณ์ เขาบอกว่าดิฉันคุณสมบัติไม่ตรงบ้าง ไม่มีประสบการณ์ทำงานบ้าง รู้สึกแย่มาก คิดเลยว่า ก็ในเมื่อเราเพิ่งเรียนจบ ก็ย่อมต้องยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน เรามาสมัครงานที่นี่ก็เพื่อจะมีประสบการณ์การทำงานไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากได้คนที่มีประสบการณ์แล้วจะเรียกเรามาทำไม เขาก็อึ้งไปเลย (หัวเราะ)

 

“แต่หลังจากนั้นเขาก็ตอบรับดิฉันให้เข้าทำงานในตำแหน่งด้าน Marketing ต้องขอบคุณเขามากในโอกาสที่ให้ดิฉันได้เข้าไปมีประสบการณ์ที่ดีมากมาย เชื่อไหม พอไปถึงได้เจอหน้าคนเดิมที่สัมภาษณ์ คำแรกเลย เขาขอโทษดิฉัน และขอบคุณที่ได้เตือนสติให้เขาได้นึกถึงวันแรกที่ได้เข้ามาทำงานตรงนี้ เลยยิ่งประทับใจว่าเขาเป็นนายที่ขอโทษและขอบคุณคนเป็น เขาให้เกียรติเราจนยอมเสียหน้าได้”

 

แม้นั่นจะเป็นประสบการณ์ทำงานแรกที่มีความหมายต่อบันไดชีวิตก้าวต่อไปของเธอ แต่เมื่อเธอเลือกหันหลังให้กับงานออฟฟิศกลับมาที่อังกฤษ สิ่งที่เป็นตัวตนของเธอ ความสามารถด้านอาหารที่ซ่อนอยู่ เป็นสิ่งที่เธอนำมาใช้จนมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ เธอได้เริ่มเข้ามาดูแลงานร้านอาหารอย่างจริงจัง มีชื่อเสียงมากขึ้นจากความสามารถอันโดดเด่น และความได้เปรียบทางด้านภาษาที่ทำให้เธอแซงหน้าใครหลายๆ คน แต่เมื่อจุดหนึ่งเธอเบนเข็มกลับมาอยู่เมืองไทย ยังคงได้ทำงานด้านอาหารที่เธอรักที่ เอส ควิซีน, เอส เมดิคอล สปา ซึ่งเป็นร้านอาหารเพื่อคนรักสุขภาพ พร้อมกันนั้น เธอยังรับหน้าที่ผู้บริหารในสายงานที่แตกต่างออกไป

 

“ดิฉันได้มีโอกาสเข้าไปบริหารงานในตำแหน่ง Social Director ที่ ควินเทสเซนเชียลลี่ ไทยแลนด์ (Quintessentially Thailand) ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจแนวใหม่ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เป็นการบริการจัดการระดับอภิสิทธิ์พิเศษเฉพาะบุคคลจากประเทศอังกฤษ มีเครือข่ายด้านไลฟ์สไตล์ครอบคลุมกว่า 48 เมืองหลักทั่วโลก เพื่อนำเสนอประสบการณ์โดดเด่นไม่เหมือนใครให้กับสมาชิกระดับไฮเอนด์ ส่วนใหญ่สมาชิกมีอาชีพนักธุรกิจและนักบริหารระดับสูง แน่นอนว่าจะต้องเป็นงานที่หนักและมีความท้าทายมากๆ

 

“หลายๆ อย่างในการทำงานที่ผ่านมา ตั้งแต่ไปเป็นลูกน้องเขามาก่อน จนมามีกิจการเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญที่ได้เรียนรู้มาคือต้องเป็นผู้นำที่ดีให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะลำบากมาก เพราะการที่ได้เข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่งเก้าอี้สูงที่สุด เราต้องพร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่ลูกน้องได้ แต่เราก็ต้องดูด้วยว่าเขามีความเข้าใจในพื้นฐานของงานที่ทำบ้างหรือไม่ด้วย เพราะอย่างที่ ควินเทสเซนเชียลลี่ ไทยแลนด์ เราต้องการคนที่มีความสามารถด้านภาษา ถ้าไม่ได้ มันก็อยู่ไม่ได้ มันง่ายมากไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากเลย เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาจะต้องเข้าใจ และมีความสามารถตรงตามที่เราต้องการ พร้อมที่จะพัฒนาต่อได้ นั่นคือสิ่งที่ถือว่าเป็นปัญหาที่เราสามารถช่วยแนะนำได้

 

“ดิฉันอาจจะเป็นเจ้านายที่ดุและเข้มงวด ยิ่งถ้ากับลูกน้องที่สนิทจะยิ่งโดนเข้มงวดหนักกว่าคนอื่น นั่นเพราะอยากให้งานคืองาน อย่างบางทีเรื่องงานเราอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน หรือเขาทำงานไม่ได้ตามวัตถุประสงค์ เราเป็นคนให้เขาออกธรรมดาคนเขาอาจโกรธเกลียดกันไปเลยก็ได้ แต่นี่ดิฉันสามารถไปทานข้าว หรือไปไหนก็มีของมาฝากกันได้ เพราะดิฉันยึดหลักแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกจากกัน เหมือนวิธีการบริหารงานของคุณแม่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี

 

“แต่ถ้าถามว่าอินกับบทบาทไหนที่สุด ก็ต้องตอบว่าสอนหรือทำอาหารนี่แหละค่ะ เพราะมันคือศิลปะอันละเอียดอ่อน ดิฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับมัน”

 

Know Her

>> เธอศึกษาที่ มอร่าเฮาส์ (Moira House), อีสบอร์น และ ฮาร์ทเวล เฮาส์, ออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ก่อนจะไปต่อปริญญาตรีที่ อเมริกันยูนิเวอร์ซิตี้ วอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา สาขาการสื่อสารมวลชน  

>> เมื่อกลับมาที่อังกฤษ เปิดร้านอาหารไทย ‘บุษบง’ เพิ่มอีกสองสาขา จากนั้นเปิดร้านอาหาร ‘โอเรียนทอลบราสเซอรี’ และเปิดคาเฟ่ที่บริการอาหารไทยชื่อว่า ‘เทสตี้ ไทยคาเฟ่’ 

>> เธอได้รับการคัดเลือกโดยสถานทูตไทยประจำประเทศอังกฤษเป็นผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ประเทศไทยโดยใช้ลักษณะเด่นและความพิเศษของอาหารไทยเป็นสื่อ นอกจากนี้ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานสมาคมร้านอาหารไทยในประเทศอังกฤษอีกด้วย รวมทั้งได้รับรางวัล Q Mark, ‘Thai Test Thai Best’ ซึ่งเป็นโครงการร้านอาหารไทยทั่วโลกถึงสองครั้ง 

>> เธอเขียนหนังสือตำราอาหารหลายเล่ม อาทิ 100 สุดยอดเมนูอาหารไทย (100 Favorite Thai Dishes), Mini C’s Great Thai Dishes และ Healthy Dairy-Free Eating ทั้งหมดวางจำหน่ายทั่วโลก 

>> เธอได้รับเชิญให้เป็นเซเลบริตี้เชฟในรายการ Great Food Live และร่วมทำรายการ Global Thailand รายการที่เกี่ยวกับสังคมไทย ออกอากาศทางช่องทีจีเอ็น TGN (Thai Global Network) ช่อง 5 ออกอากาศไปทั่วโลก 

>> เป็นพรีเซ็นเต้อร์ช่วยโพรโหมต ผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้กับ บริษัทชาร์วูดส์ (Sharwoods), เทสโก้ ซุปเป้อร์มาร์เกต และเป็นพรีเซ็นเต้อร์ของรายการ Essential Thai Ingredients ซึ่งเผยแพร่ทาง Sky ช่องเคเบิลยอดนิยมของประเทศอังกฤษ รวมทั้งเธอยังเป็นเจ้าของสูตรอาหารไทยที่ BBC เชิญไปเผยแพร่ทั่วโลกอีกด้วย

หากความสนใจในตัวเธอนั้นมาจากเพียงแค่รูปร่างหน้าตา