ดอยชันอันหลบเร้น ... ห้วยจิโน
1...
ยามสายที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อากาศเย็นสบายและภาพแห่งเมืองของผู้คนแห่งขุนเขาปรากฏชัดแถบหน้าโรงเรียนอมก๋อยวิทยาคม อำเภอที่ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นประชากรชาวไทยภูเขา ทั้งมูเซอ ปกาเกอะญอ ลีซอ และม้ง เด็กๆ เจื้อยแจ้วอยู่ในชุดประจำเผ่า ขณะที่รถราที่จอดเรียงรายล้วนเป็นรถโฟร์วีลไดรฟ์เขรอะโคลน ผลิตผลอย่างกาแฟกำลังออกผล รอยยิ้มปะปนอยู่ในการงาน
หลังจ่ายเสบียงทั้งสดและแห้ง รถคันเล็กก็แยกขวาเลาะเวียนไปตามเนินขึ้นลง ผืนนากว้างไกลเหลือเพียงที่ราบสีน้ำตาลหลังฤดูเก็บเกี่ยว
แยกซ้ายเข้าสู่ถนน รพช. ชม. 40521 อากาศเย็นเยียบพร้อมการสวนลงมาของรถกระบะบรรทุกกะหล่ำปลีเป็นระยะ แนวสนสองและสามใบเรียงรายบ่งบอกถึงความสูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง
แต่ละหมู่บ้านผ่านไปอย่างเชื่องช้า เส้นทางหลังผ่านฤดูฝนเป็นหลุมหล่ม แม้แห้งกรังแต่ก็เต็มไปด้วยร่องลึกและหินลอย เราผ่านแยกทางเข้าบ้านตุงติงสู่บ้านผาปูนดง เพื่อนบางคนหลงใหลในแง่มุมของทางสายทรมานช่วงล่างรถขอพักลงลั่นชัตเตอร์ ขณะที่ผมถอนใจโล่งเมื่อก้มไปเช็กใต้ท้องรถแล้วมันปกติ
บางช่วงของความสูงชันแลกมาด้วยวิวกระจ่างตาของป่าไม้ครึ้มทึบในต้นฤดูหนาวที่เตรียมตัวจะเปลี่ยนสี เรามาถึงบ้านสงินเหนือด้วยความอ่อนโรย หนทางยังอีกยาวไกลตามความยากของเส้นทาง ทางในหมู่บ้านเปลี่ยนเป็นคอนกรีตบางช่วง เด็กๆ เจื้อยแจ้วอยู่ในโรงเรียน
จากบ้านสงินเหนือ เราผ่านพ้นไปตามปาสนและความสูงเหนือพื้นล่าง ทิ้งหมู่บ้านให้ลับหลังอยู่ในหลายลูกดอยอันพ้นผ่าน สำหรับคนหลงรักการขับรถกลางขุนเขา ถนนสายนี้อาจเป็นเหมือนบททดสอบฝึกปรือการใช้เกียร์สโลว์ แต่กับผู้คนบนแดนดอย มันเป็นทั้งสลักกุญแจยามฤดูฝนที่กักขังพวกเขาไว้กับภูเขา และเป็นเหมือนบานประตูใหญ่ยามถนนหมาดแห้ง พร้อมจะพาพวกเขาก้าวออกไปสู่โลกข้างล่าง
ตรงทางแยกหน่วยจัดการต้นน้ำแม่จ๊าง แลนด์สเคปงดงามเกินกว่าจะขับผ่านเลยไปเฉยๆ ทางดินยกระดับคดโค้งไปกับเนินเขา เบื้องล่างคือแนวป่าสนที่ได้รับการปลูกทดแทนจากการแผ้วถางทำไร่ฝิ่นในอดีต หนองน้ำสะท้อนสีฟ้าสดเป็นฉากหน้า อากาศชื่นห่มคลุมผืนป่า ภูเขายามบ่ายเงียบกริบ หลงเหลือเพียงเสียงแมลงกรีดปีก
ไม่นานนักเราไต่สันดอยขึ้นหวังมามองฝั่งอมก๋อยเบื้องล่าง วิวเปิดกว้างรอบทิศทางแต่หมอกฟุ้งกระจายด้วยแรงลม เบื้องหน้า ราวกับมันคือหนทางเถื่อนที่มีแต่ผู้คนของภูเขาเท่านั้นที่รู้จักมันดี
แนวรั้วท่อนไม้เล็กๆ ถูกยกออกเมื่อเราขึ้นสู่จุดสูงสุดของเทือกดอยราว 1,660 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ที่ทำการของหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโนเงียบเชียบและปกคลุมด้วยหมอกยามเย็นอยู่ทุกทิศทาง ลานกางเต็นท์ โรงครัว และอาคารสำนักงานไล่ระดับอยู่บนเนินดอย
ฟ้าใกล้มืดเร่งเร้าให้เต็นท์ถูกกางและเซ็ตแคมป์ บางคนเลือกเข้าไปหลบลมกรูเกรียวในห้องของอาคารสำนักงาน มื้อค่ำง่ายๆ ถูกปรุงอย่างเร่งด่วนก่อนความมืดจะโรยตัว
หลังมื้อค่ำ ลดทอนปลดเปลื้องความเป็นเมืองลงสู่ความเรียบง่ายกลางขุนเขา เหลือเพียงเดือนดาวและอากาศหนาวเหน็บ เครื่องดื่มอุ่นๆ ดูจะเหมาะยิ่งที่ทำให้ใครสักคนจะรู้สึกผ่อนคลายพร้อมจะนั่งมองขุนเขาและชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ในป่าเขากลางความมืดมิดเบื้องหน้าอย่างไม่ต้องตั้งคำถามและความคาดหวัง
2...
ยามเช้าไม่เปิดโอกาสให้วิวทะเลหมอกเป็นภาพแรกที่พานพบ เรารีบเร่งตัวเองเพื่อที่จะลงไปรู้จักโลกอีกใบของคนข้างบนนี้และเมื่อเราดิ่งลงหุบ ผ่านทางแยกไปบ้านระมีดหลวง หนทางลดระดับลงด้วยการวนไปมาราวทางอันไม่มีจุดสิ้นสุดในเขาวงกต
บางช่วงคือหุบนาขั้นบันไดแปลงมโหฬาร กระท่อมกลางนาไม่ว่างเปล่า หญิงปกาเกอะญอในผ้าทอผืนสวยก้าวเข้าสู่ไร่นาที่เพิ่งผ่านพ้นการเก็บเกี่ยว เตรียมแผ้วถางผืนดินเดิมสู่ไร่หมุนเวียนอย่างฟักทอง ฟักเขียว เพื่อความสมบูรณ์ของดินต่อข้าวไร่ของฤดูกาลถัดไป
พื้นที่ป่าต้นน้ำระดับ 1 เอ ข้างบนนี้ หากเป็นในดวงตาและความทรงจำของเฒ่าปกาเกอะญอ มันล้วนผ่านความบอบช้ำและการเยียวยามาหลายห้วงตอน จากไร่ฝิ่นที่ปกคลุมแดนดอยภาคเหนือ ต่อเนื่องสู่ไร่กะหล่ำปลีเบื้องล่างที่ดำเนินคู่ขนานอยู่กับคืนวัน การริเริ่มปลูกป่าทดแทนและดูแลป่าของผู้คนข้างบนนี้ไม่เพียงบอกกับพวกเขาว่า สิ่งจริงแท้อันเหมาะสมกับผู้คนปกาเกอะญอคือป่าและต้นน้ำ ทว่าอาจหมายถึงสิ่งที่พวกเขาอยากสื่อสารกับคนที่อยู่ปลายน้ำด้วยว่า เราต่างมีโลกใบเดียวกันที่ต้องร่วมดูแลสืบสาน
หันมามองบ้านห้วยจิโน ผืนป่ารอบด้านล้วนสมบูรณ์อย่างถึงที่สุด สายห้วยที่เบื้องล่างไม่เคยแห้งเหือดและชื่นเย็นอย่างที่คนบนนี้เคารพศรัทธา ตามบ้านแคมป์ของคนงานเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเด็กน้อยเกิดใหม่ หญิงชรา และการงานที่ไม่ได้มีเงินเป็นคำตอบ
ราวกับโลกอุดมคติที่เดินขนานอยู่กับโลกอีกใบที่เราจากมา ...
3...
จากหน่วยย่อยของหน่วยฯ ห้วยจิโน ทางที่ได้รับการเกรดเปิดบางช่วงอย่างที่ผ่านมาค่อยๆ สลายตัวตน เหลือเพียงหนทางทรหดหลังฤดูฝน เชื้อเชิญให้คนไม่เคยคุ้นได้ไหลตัวเองไปเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
ถนนลัดเลาะไปตามความสูงขึ้นลงและสภาพป่าหลายชนิด บางช่วงป่าไผ่คลี่คลุมเป็นอุโมงค์สีเขียว ขณะที่บางเวลา ยามต้องใส่โฟร์โลว์ขึ้นสู่สันยอด ลมหนาวกรูใบสนสามใบร่วงเป็นพรมรอรับรอยล้อ
ราว 1 ชั่วโมงเราตัดเลาะลงสู่บ้านยองแหละ มาสัมผัสได้ว่าคนในหมู่บ้านตามเทือกดอยแห่งนี้ล้วนเป็นญาติพี่น้องที่มีจุดแรกเริ่มมาด้วยกัน
ควันไฟจากก้อนเส้าข้างบนเรือนลอยอ้อยอิ่งแม้เป็นยามสาย เด็กน้อยในชุดเชควาสีขาวบริสุทธิ์เอ่ยสวัสดีเป็นภาษาไทย มันมีค่าพอๆ กับรอยยิ้มที่เราได้รับ เป็นมิตรอย่างไม่ต้องกลัวใครจะมาครหาว่าเรามองโลกอย่างงดงามเกินจะเป็น
ครกกระเดื่องเสียงดังตึ้กๆ พร้อมๆ กับข้าวไร่ที่เริ่มเห็นสีขาวนวลเจือน้ำตาล ด้านหลังคือหญิงสาวในชุดเชโม่ซูสีดำขลับบ่งบอกว่าเธอมีครอบครัวแล้ว ทุกบ้านที่เราขึ้นไปเยี่ยมเยือนมักเชื้อเชิญร่วมวงข้าวด้วยคำ “เอาะเม” เมื่อเห็นเราอิดโรยจากการเดินทาง
ภาพเช่นนี้เป็นอยู่อย่างจริงแท้เคียงคู่คนปกาเกอะญอแทบทุกหลืบของหุบเขา ชัดเจนว่าผืนปาและสายน้ำข้างบนนี้ล้วนหล่อหลอมสิ่งดีงามเหล่านี้ขึ้นมาพร้อมวิถีแห่งบรรพบุรุษ
เราเดินเลาะไปตามสีสันของบ้านยองแหละ เห็นภาพใบขี้โย หรือใบยาสูบที่ตากเรียงแสนสวยบนหลังคาของบ้านแต่ละหลัง ได้เยี่ยมชมเตาฟืนและมิตรภาพของผู้คนในครัวที่อยู่บนเรือนนอน ที่ไม่เคยแยกจาก ตามคติการตั้งบ้านเรือนของชาวปกาเกอะญอ ตราบเท่าที่พวกเขายังเลือกจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
หากแต่กับบางคนข้างล่าง พันธนาการจากหลายสิ่งอย่างที่พอกพูนก็ทำให้เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวเช่นนี้ยากเย็นนักที่จะมองเห็นมันเป็นความงาม
จากบ้านยองแหละ เราใช้เวลายาวนานช่วงปลายสายข้ามห้วยหลายสาย ทางที่ถูกฉาบด้วยฝนบางๆ อันแสนจะลื่น ลัดข้ามห้วยยองแหละและเทือกดอยอีกหลายลูก ยาวไกลลงสู่บ้านขุนตื่น ห้วยขุนตื่นไหลแรงและมหาศาลด้วยปริมาณน้ำ
เด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านขุนตื่นยังคงมาทำการบ้านแม้เป็นวันหยุด ศาลาหน้าโรงเรียนนั้นแสนรื่นรมย์ที่มีลำห้วยไหลผ่าน ครูสาวชาวปกาเกอะญอจากพื้นล่างเดินพาเรารู้จักกับอาคารเรียนหลังเล็กที่มีทุกสิ่งอย่างเท่าที่โลกแห่งการศึกษาเบื้องต้นจำเป็นต้อง
มีนาทีเช่นนั้นใครสักคนอาจไม่จำเป็นต้องเพรียกหาคำจำกัดความของความแตกต่าง แม้โลกจะเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำซ้ำซ้อน
เราย้อนทวนหนทางที่นำพาเรามาสู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่กระจายตัวกันในหุบเขา ขากลับมักแสนสั้น รอยยิ้มและมุมสวยงามตามหลืบเขาที่จมตัวเองอยู่กับมันในช่วงเช้าและบ่ายไหลเวียนย้อนสู่สายตา
กลับมาเหนือความสูงของหน่วยฯ ห้วยจิโน หมอกครึ้มและลมโหมซัดความเย็นเยียบผลักดันให้เราใช้ยามค่ำเช่นเดิม แคะซอเดินวนดูความเรียบร้อย มื้อค่ำของวันนั้น เราได้แลกเปลี่ยนว้อดกาดีกรีแรงกับเหล้าข้าวไร่ต้มใสแจ๋ว เดือนดาววิบวับอยู่เป็นช่วงๆ ตามกำลังลงที่ผ่อนเพลาลง
ตกดึกดาวชัดลมกวัดไกว ก่อนที่ใครสักคนจะซุกตัวเข้าในถุงนอนและหลับใหลไปในราตรีประดับดาวของห้วยจิโนที่ปรากฏให้เห็นเพียงชั่วครู่ คล้ายห้วงตอนรื่นรมย์ของชีวิต ที่ไม่ได้มีบ่อยครั้ง แต่ก็งดงามและน่าจดจำ ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด
เราจากลาหน่วยเล็กๆ ที่ทำงานอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตและขุนเขาอันแสนกว้างใหญ่ของผู้คนปกาเกอะญอ หลายคนเอ่ยประโยค “คี เลอะ นา เน่อ เก๊อะ บะ ต่า โช่ เง” อันหมายถึงขอให้โชคดี เมื่อรู้ว่าเราเลือกที่จะลงไปตามหนทางทรหดสู่บ้านสมอมแฮด ไม่ย้อนไปแบบขามา
ระหว่างขับรถโยกคลอนไปตามหนทางสายชราที่พาเราเวียนเป็นวงกลมเล็กๆ ในเขตภูเขาแสนกว้างใหญ่ของอมก๋อย ผมนึกถึงรูปแบบชีวิตกลางขุนเขาถูกผลิตซ้ำและย้ำเตือนตัวตนของคนที่อยู่กับป่าเขาไปตามแรงเหวี่ยงของวันเวลา
สิ่งใดกันแน่ผลักดันให้หลายคนเดินออกจากหนทางชีวิตที่ถูกขีดมาแต่ดั้งเดิม
ความใฝ่ฝัน โลกเปรียบต่าง หรือการแสวงหาชีวิตที่ดีงามกว่าที่เป็นอยู่
บางที่เมื่อผ่านพ้นพายุฝนสาดซัด ลมหนาวคลี่เผย และแดดอุ่นเรืองรองทอแสง ใครสักคนอาจพานพบว่าที่ที่เคยเหยียบยืนหายใจนั้นงดงามกว่าแห่งหนใดๆ ที่เขาเคยผ่านพ้นแรมรอน
How to Go?
จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ผ่านอำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง อำเภอฮอด ผ่านออบหลวง ถึงบริเวณบ้านบ่อหลวง แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1099 ไปอีกราว 49 กิโลเมตร ถึงอำเภออมก๋อย รวมระยะทางจากเชียงใหม่ถึงอมก๋อยราว 180 กิโลเมตร
จากอำเภออมก๋อย เมื่อผ่านโรงเรียนอมก๋อยวิทยาคมทางขวามือ แยกขวาที่สี่แยกหลักไปตามทางลูกรัง ผ่านบ้านสมอมแฮด สู่บ้านยางเปา แยกซ้ายเข้าถนน รพช. ชม. 40521 ผ่านบ้านผาปูนดง บ้านสงินเหนือ ก่อนถึงบ้านอูตูม แยกซ้ายผ่านหน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน รวมระยะทางจากอำเภออมก๋อยราว 29 กิโลเมตร ทว่าเส้นทางเป็นดินลูกรังสูงชัน ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อและควรท่องเที่ยวนอกฤดูฝน
ติดต่อสอบถาม
หน่วยจัดการต้นน้ำห้วยจิโน หมู่ที่ 17 ตำบลอมก๋อย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 - 5390 - 3969 และ 08 - 6051 - 2018
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทรศัพท์ 0 -5322 - 1095 www.fca16.com