อภิรดี  เอี่ยมพึ่งพร

อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร

คุณกิ๊ก อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร กรรมการบริหาร บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด ทายาทสาวของ คุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร มีพี่น้องทั้งหมดสามคน ปัจจุบันทั้งหมดได้ร่วมกันบริหารบริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด โดยเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหารเจนเนอเรชั่นที่ 3ของไฟว์สตาร์ เธอฉายแววของผู้หญิงทำงานที่แข็งแกร่งด้วยการทำงานอย่างหนักควบคู่ไปกับการศึกษาในระดับปริญญาตรีและโท จนเมื่อเธอได้กลับมารับหน้าที่บริหารธุรกิจของครอบครัว เธอจึงได้พลิกโฉมไฟว์สตาร์ให้กลับมาโดดเด่นในวงการธุรกิจภาพยนตร์ขึ้นอีกครั้ง

 

ชีวิตการทำงานแตกต่างกับตอนเรียน

“อันที่จริงในตอนนั้นก็ได้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เราตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะออกไปหาสิ่งใหม่ๆ ดิฉันทำงานหนักมาก ทำด้านมาร์เก็ตติ้ง แทบจะไม่มีวันหยุด ก็ทำไปเรื่อยๆ จนคิดว่าเราน่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจเองจะดีกว่า เพราะเราก็เหนื่อยขนาดนี้ ถ้าเราเหนื่อยและทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างขนาดนั้นเพื่อธุรกิจของเรามันน่าจะดีกว่า แต่พอกลับมาแล้ว มาทำธุรกิจของเราเอง ความคิดนั้นก็ได้เปลี่ยนไป เพราะว่า ณ ตอนนั้นเราคิดว่าเราทำเยอะแล้ว ซึ่งต่อให้ทำมากแค่ไหนก็เป็นแค่ลูกจ้าง แต่จริงๆ แล้วคำว่าเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบในหลายๆ เรื่อง แทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เกินกว่าที่เราเคยคิดไว้ในตอนนั้น ซึ่งมันหนักกว่าที่คิดไว้มาก เพราะการที่เราจะดำเนินธุรกิจให้ไปต่อ หรือการที่จะต้องดูแลคนในองค์กรให้ได้นั้นมันกลับกลายเป็นอะไรที่หนักยิ่งกว่า แล้วเราก็ไม่ทำงานน้อยไปกว่าที่เราเคยทำเลย แถมยังต้องมีการวางแผนล่วงหน้าอีก ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่าหัวหน้าเราในตอนนั้นทำแล้วมันดูง่ายๆ สบายๆ เขาวางแผนให้เราหมด เราเพียงแต่ทำตามหน้าที่ให้มันเต็มที่ เท่านั้นจบ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว

 

“เมื่อเกมมันเปลี่ยนไป เราต้องทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือเรายังคงเป็นคนชอบทำงานและสนุกไปกับการทำงาน สามารถตื่นมาเจ็ดวันทำงานตลอด ไม่มีเบื่อ เพราะทุกวันที่ใช้ชีวิตในการทำงานนั้นไม่เคยเหมือนกันเลยสักวันเราก็จะมี Assignment ใหม่ๆ แม้ว่าเราจะไม่ดูด้านโปรดักชั่น แต่เราก็ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจของการสร้างภาพยนตร์เรื่องต่างๆ สำหรับการที่เราเข้ามาทำงานตรงนี้ ก็ทำให้เราได้มีโอกาสได้พบเจอคนมากมาย รวมถึงได้เจอปัญหาใหม่ๆ ให้เราได้จัดการกับมัน เพราะว่าหนังเรื่องหนึ่งก็เหมือนโปรดักท์ตัวหนึ่งที่เราต้องมีการวางแผนงานตั้งแต่เริ่มต้นจบจบด้วยตัวเราเอง”

 

ไฟว์สตาร์คือรากเหง้าของความเป็นไทย

“เราภูมิใจที่จะบอกว่าไฟว์สตาร์เป็นบ้านหนังไทยที่มีหนังไทยมากที่สุดในประเทศไทย ที่นี่ให้โอกาสแก่ผู้กำกับ ดารานักแสดงทั้งเก่าและใหม่มากมาย เรียกได้ว่าไฟว์สตาร์เป็นโรงเรียนสร้างชื่อให้แต่ละคนมาแจ้งเกิดในวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่เรามีรากฐานของความเป็นหนังไทยที่แข็งแรง ทำให้เมื่อเราไปติดต่อทำธุรกิจกับต่างประเทศจึงได้รับการตอบรับไปในทางที่ดี เราสร้างหนังที่ทำให้ต่างชาติยอมรับในความเป็นไทยของเราได้อย่างชัดเจน เช่นการที่หนังผีของไทยได้รับเสียงตอบรับว่าน่ากลัวที่สุดในโลกนั้น เพราะด้วยพล็อตเรื่อง ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ยากที่จะเลียนแบบ เมื่อก่อนอาจเป็นแอ็คชั่น แต่ตอนนี้เป็นหนังผีแต่ที่เป็นตัวเปิดตลาดโลกจริงๆ เลยจะเป็นหนังอาร์ตเฮ้าส์อย่าง ฟ้าทะลายโจร คือเป็นหนังที่หาดูที่อื่นไม่ได้แล้ว เรามีวัฒนธรรมและรากเหง้าของความเป็นไทยที่ถูกนำมาแสดงออกได้อย่างชัดเจน เราก็ดึงจุดเด่นของความเป็นไทยออกมานำเสนอได้อย่างเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง ซึ่งนั่นเป็นส่วนที่ทำให้เราโตได้อีกไกลในตลาดต่างประเทศ”

 

มุมมองที่มีต่อวงการภาพยนตร์ไทย

“มองว่าภาพยนตร์ไทยยังไปได้อีกไกล เราจะมีผู้สร้าง ดารา หรือผู้กำกับใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมาย แต่จะอยู่ในรูปแบบของวัฏจักร คือมันอาจมีขึ้น แต่ก็มีลงด้วย เพียงแต่ว่าคนที่ควบคุมมันได้ดีที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ชนะ โดยการเป็นผู้อยู่ต่อไป เราต้องยอมรับว่าวงการนี้เป็นวงการที่ท้าทายมาก มีความเสียงสูงยิ่งกว่าการเล่นหุ้นเสียอีก เพราะถ้าเราเล่นหุ้นไม่เย็นวันนี้ หรือพรุ่งนี้เราก็เห็นผลของมันแล้ว แต่สำหรับการทำธุรกิจประเภทนี้นั้นมันเป็นการลงทุนแบบระยะยาว ดังนั้นคุณมีทุนอย่างเดียวไม่พอแต่ ต้องมีสายป่านที่ยาวพอสมควร พร้อมทั้งต้องมีคอนเน็คชั่นที่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะประคองตัวอยู่ได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีบ้างที่มีผู้สร้างหน้าใหม่เกิดขึ้นมาเรื่องสองเรื่อง แล้วก็หายไป”

 

ไม่หวั่นแม้ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง

“สำหรับปีนี้เราประสบความสำเร็จจากหนังเรื่อง บุญชู และ ลองของ 2 เป็นอย่างมาก ยอดปิดก็ค่อนข้างเป็นกำไรสำหรับในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และปีหน้าก็จะมีโปรเจ็คท์หนังอีกหลายเรื่อง ซึ่งเราได้มีการวางแผนงานไว้เป็นอย่างดี คาดว่าปีหน้าก็ไม่น่าจะแตกต่างไปจากปีนี้สักเท่าไหร่ แต่จำนวนหนังที่เข้าคงจะมีมากกว่าปีนี้ เรื่องต่อไปที่จะเข้าฉายก็คือเรื่อง “Before Valentine” เป็นหนังรักซึ่งจะเข้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ก่อนวันวาเลนไทน์ นอกจากนั้นจะมี “อนึ่งฯ คิดถึงพอสังเขป ภาค 3” ก็จะมีน้องๆ ดาราวัยรุ่น มากมายที่รอแจ้งเกิดอยู่เช่นกัน จากนั้นก็เป็นเรื่อง “เฉือน” โดยผู้กำกับเรื่องลองของ และเรื่อง “นางไม้” ซึ่งเป็นหนังผีเรื่องแรกของคุณ เป็นเอก ส่วน “อินทรีย์แดง” นั้นจะถือว่าเป็นหนังโปรเจ็คท์ใหญ่ในปีหน้าของไฟว์สตาร์เลยก็ว่าได้ เรามีการวางแผนวางขั้นตอนในการทำงานทุกครั้ง เราจึงพร้อมรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เสมอ”

 

พลังในการทำงาน

“คิดว่าพลังที่ว่านี้คือความแข็งแกร่งที่ได้รับมาจากคุณแม่ก็ว่าได้ เพราะคุณแม่ได้ปลูกฝังและสอนไว้ว่าไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง เพราะคุณพ่อเสียตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่จึงเป็นฮีโร่เพียงคนเดียวของเรา และด้วยความที่เป็นพี่สาวคนโตที่ต้องดูแลน้องเพราะในตอนนั้นที่คุณพ่อเสีย น้องๆ ยังเล็กมาก เราโตที่สุดจึงต้องช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของคุณแม่ให้ได้ เพียงอย่างเดียวที่เราจะไม่มีวันเป็นเลยคือเป็นภาระให้ท่าน เพราะฉะนั้นด้วยความคิดหรือความประพฤติของเราจึงอยู่ในกรอบที่ว่าเราจะทำให้ท่านเสียใจน้อยที่สุด ดังนั้นเรียกได้ว่าการที่มีพลังหรือมีใจให้กับการทำงานได้ขนาดนี้ก็เพราะมีคุณแม่เป็นต้นแบบเลยก็ว่าได้”

 

มีสไตล์ในการบริหารงานในแบบของตัวเอง

“เริ่มแรกมาดูแลในส่วนของงานต่างประเทศก่อน ตามด้วยมาร์เก็ตติ้งพีอาร์ ตลอดจนครอบคลุมเกือบทุกหน้าที่ เพียงแต่จะไม่ได้ดูแลในส่วนของโปรดักชั่น ซึ่งเป็นส่วนของน้องชายทั้งสองคนดูแลอยู่ แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาทำได้ไม่นาน แล้วก็ไม่ได้เรียนทางสายภาพยนตร์มาโดยตรง แต่เมื่อได้เข้ามาทำตรงนี้ก็ถือว่าโชคดีมากที่ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านได้ให้โอกาส และถ่ายทอดความรู้ให้ ทำให้เราได้เรียนรู้และเปิดรับ พร้อมกับศึกษาประสบการณ์ใหม่ๆ ไปด้วยกัน สำหรับในด้านการบริหารนั้นเราได้เปรียบตรงที่ไฟว์สตาร์เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งเราเป็นบริษัทภาพยนต์ที่เก่าแก่และอยู่มายาวนาน เมื่อเข้ามาทำ จึงไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ สิ่งที่เขามีมาและดีอยู่แล้วเราก็สานต่อและพัฒนามันให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง เรามีภาพยนตร์มากกว่า 250 เรื่องสิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปก็คือดูแลภาพยนตร์ที่เรามีอยู่และที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยวางเป้าหมายไว้ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ภาพยนตร์ของเราประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่ขาดทุนและ Stay on Top ต่อไปให้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นให้ได้ นอกจากเราจะแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจแล้ว ยังต้องแข่งกับตัวเอง เอาชนะตัวเองให้ได้”

 

วันว่างนอกโต๊ะทำงาน

“ด้วยความที่เป็นคนทำงานเยอะพอเหนื่อยก็พัก และก็มีบ้างที่ต้องใช้เวลาส่วนตัวไปกับการดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวคนรอบข้างให้ทุกคนมีความสุขได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้ได้มากที่สุด เพราะเราเห็นความสำคัญกับการใช้ชีวิตให้มีคุณค่า โดยเน้นความเรียบง่ายเพราะเราโตมาแบบนั้น มักจะใช้เวลาว่างแบบตามใจตัวเอง อารมณ์ไหนอยากทำอะไรก็ทำ จะไปไหนก็ไปเลยเคยมีแบบจะไปเที่ยวก็ออกไปซื้อตั๋ว แล้วก็ไปเลย ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง อะไรมาก เน้นพักผ่อน และเอนจอยกับการใช้ชีวิตให้มากๆเพราะงานที่ทำค่อนข้างหนักก็ต้องหาอะไรที่ผ่อนคลายทำ อย่างช้อปปิ้งกับสปาก็ช่วยได้เยอะ แต่ถ้าว่างก็จะดูหนังเป็นส่วนใหญ่ด้วยความที่เป็นคนชอบดูหนัง ในแต่ละเดือนจะดูหนังเยอะมาตลอด เพราะเราก็จะได้ความรู้ในหนังแต่ละเรื่องด้วยเช่นกัน” 

ตลอด 36 ปีที่ผ่านมาของไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น