พ.ท.น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์
“ผมมานั่งคิดย้อนหลังว่าทำไมทุกวันนี้ถึงได้มาเป็นศัลยแพทย์ความงาม ก็พบว่าส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเราได้คอนเส็ปต์ความงามมาตั้งแต่เด็กๆ จากคุณพ่อที่เป็นช่างทองและคุณแม่ที่เป็นช่างเสริมสวย มันทำให้เราเป็นคนละเอียด ความสัมพันธ์ของนิ้วมือทั้งสิบนิ้วมันสัมพันธ์กันหมด อุปกรณ์บางอย่างเนี่ย เรียกว่าเหมือนกันก็ว่าได้ เช่น กรรไกร ปากคีบอันเล็กๆ ทำให้เราได้ฝึกตั้งแต่เด็ก และทำให้มองว่าการทำงานตรงนี้เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
“คำว่าศิลปะคืออะไร อยู่ที่แต่ละคนตีความ สำหรับคำว่าศิลปะบนใบหน้ามันเป็นเรื่องของนามธรรมมากๆ จนกระทั่งบางครั้งเราต้องเข้าใจถึงความลึกของมัน ผมเป็นหมอศัลยกรรมก็จริง แต่ก่อนที่จะลงมือทำหน้าให้ใครสักคน เราต้องเข้าใจถึงจิตใจของคนไข้ก่อน เหตุผลที่เขาเดินเข้ามาหาเราเพราะเหตุใด เขาต้องการอะไร เหมือนกับการที่เราสั่งก๋วยเตี๋ยว ถ้าสั่งว่าเอาเปรี้ยวหน่อยนะ ไม่ต้องเผ็ดมาก คนทำเนี่ยตัดสินใจยาก เพราะไม่รู้จะเปรี้ยวระดับไหน เผ็ดเท่าไร จากจุดนี้ ทำให้เราต้องเข้าไปค้นหาเขา ค้นหาสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่เขาต้องการให้เจอ เขาต้องการอะไร และวิธีที่ผมเลือกก็คือการนั่งคุย เพื่อสัมผัสถึงสิ่งที่เขาเป็นให้ได้
“อย่างผมเคยเจอคนที่อยู่ๆ เข้ามาแล้วก็อยากเป็นโดม (ปกรณ์ ลัม) อยากเป็นอั้ม (พัชราภา) อยากสวยเหมือนคนโน้น อยากหล่อเหมือนคนนี้ เราทำให้เขาเลยไม่ได้ เพราะเราต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบ ต้องดูรูปหน้าเขาก่อน เขามีโครงหน้าที่ไปถึงโดมได้ไหม ถึงอั้มได้ไหม ระหว่างที่เราคุยกับเขา เราก็ต้องปูคอนเส็ปต์ให้เขาใหม่ ต้องคุยกับคนไข้ให้เข้าใจ เขาจะไม่เหมือนโดมหรืออั้มร้อยเปอร์เซ็นต์นะ แต่เขาจะสวยในแบบที่เขาสวยได้ที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้”
ปัจจุบัน การใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิครีทัชภาพใบหน้าเพื่อให้เกิดความสวยงามในคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเรื่องง่ายมากๆ แต่ในส่วนของศัลยกรรม ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย
“การใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิครีทัชไม่ใช่แค่ไม่เหมือนนะ เรียกว่าเกินจริงได้เลย ที่สำคัญเราไปสร้างจิตนาการที่ผิดให้กับคนไข้ด้วย เพราะกราฟฟิคทำได้ทุกอย่าง จมูกโด่ง ตาโต หน้ายาวแค่ไหนก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติ บางครั้งเราไม่สามารถทำตามเท่าที่เขาคาดหวังได้ เพราะมันมีข้อจำกัดอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ผิวหนังของคนมีข้อจำกัดไม่เท่ากัน การจะทำให้จมูกโด่งมากหรือโด่งน้อยความยืดหยุ่นของผิวหนังถือเป็นหลักสำคัญ เหมือนหนังยาง ความยืดหยุ่นมันมีจำกัด ถ้าเราไปยืดมันมาก มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเราต้องคุยกับคนไข้ให้เข้าใจ หน้าของคนจะมีบาลานซ์อยู่ ตั้งแต่ในแนวนอน ผิว คิ้ว ตา ริมฝีปาก มันจะมีสัดส่วนที่เท่ากัน คือเราจะมีหลักในการทำงาน และอธิบายให้คนไข้ฟังแล้ว บางคนคางสั้นจะได้รู้ว่าสั้นไปเท่าไร หรือว่าจมูกกว้างไปไหม เพราะจมูกควรจะกว้างเป็น 1 ใน 5 ระหว่างโหนกแก้มต่อโหนกแก้ม ตาสัดส่วนเท่าไร ปากสัดส่วนเท่าไร เราอธิบายให้เขาเข้าใจได้ไหมประเด็นอยู่ตรงนี้ล่ะ ถ้าหากเราไปสร้างความคาดหวังให้กับคนไข้มากเกินไปจนถึงจุดที่ศัลยกรรมไปไม่ถึงเมื่อไร ก็จะทำให้เกิดเรื่องตามมา”
ทุกงานที่เขาทำเป็นงานระดับมาสเตอร์พีชทั้งสิ้น เพราะต้องลงมือทำทีละคนๆ และทำด้วยตนเองทั้งหมด ที่ผ่านมาเมื่อไรที่งานชิ้นไหนสำเร็จ เขาจะแอบชื่นชมเล็กๆ อยู่ในใจ
“ผมลงมือทำเองทุกหน้า เพราะความงดงามของแต่ละคนเป็นเรื่องสำคัญ ความหล่อ ความสวยของคนไข้ มันจะสะท้อนไปที่จิตใจของเขา ทำให้เขาได้รับความเชื่อมั่น เกิดความเบิกบานขึ้นในจิตใจ ถ้ามีคนมาถามผมว่าถูกหลักศาสนาไหม ผมบอกได้เลยว่า ไม่ถูกหรอก เพราะว่าคุณไปพึงพอใจในสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เอาจิตใจไปผูกพันกับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ถ้าถามว่ามันปรับได้ไหม ปรับได้ ถ้าหากว่าวันนี้เราสามารถเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคนๆ หนึ่ง และทำให้เขามีความสุขกับสิ่งที่เขาต้องการได้ในระดับหนึ่ง ตรงนี้ต่างหากที่ผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากกว่า อย่างบางคนเขาไม่ได้มีปัญหาที่หน้าตา ปัญหามาจากจิตใจข้างใน เขาอาจจะคิดมากไป หน้าไม่สวย ผิวไม่เนียน หรือปัญหาอื่นๆ แต่เราต้องเข้าไปค้นหาให้เจอ อย่างบางคนเป็นถึงระดับนางงาม เขาก็ยังไม่พอใจ เราก็หาจุดที่จะแก้ไขให้เขาสบายใจขึ้นได้ เพราะเขาเลือกที่จะปรึกษาเรา ตาเขาอาจจะตกไปนิดนึง เราก็ดึงให้หน่อย เขาก็สบายใจ ปัญหาที่เกิดมันก็จบ เพียงแต่เราต้องรู้จักแก้ไขเท่านั้นเอง”
“ถ้ารักจะทำอาชีพนี้ อย่าเอาเงินเป็นที่ตั้ง ถ้าหากเขามีปัญหาแล้วเขาเลือกที่จะมาปรึกษาเรา แปลว่าเขาเลือกแล้วที่จะไว้ใจเราการที่เรามีคนไว้ใจ มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นสิ่งที่ดี เราต้องไม่ทำให้สิ่งที่เขาไว้ใจสูญสลายไป คือเราเป็นหมอจะบอกคนไข้ว่าเป็นอย่างไรก็บอกได้ บอกให้ทำตรงนี้เพิ่ม ตรงโน้นเพิ่ม เราก็ทำได้ คือถ้าเขายินยอมที่จะทำมันไม่ผิดอะไร แต่เมื่อไรก็ตามที่เราไปยุให้เขาทำเพิ่มตรงนั้น ตรงนี้ ตรงนั้นล่ะที่ผิดมาก เราต้องเอาความพึงพอใจของลูกค้า และความซื่อตรงต่อลูกค้าเป็นตัวตั้งแล้วเราก็จะประกอบอาชีพนี้ได้อีกนาน
“ผมเชื่อว่าทุกๆ คนย่อมอยากมีหน้าตาที่สละสลวย แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณจะตัดสินใจไปทำศัลยกรรมอะไรสักอย่าง ผมอยากให้คุณเช็กข้อมูลให้ละเอียดก่อน อย่าพึ่งเชื่อ ให้มีการเปรียบเทียบ หรือถ้าหากอยากได้ข้อมูลก็เข้าไปเช็กในอินเตอร์เน็ตก็ได้ข่าวสารมากมาย แล้วค่อยตัดสินใจทำจะดีกว่า”
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นหมอทางด้านศัลยกรรมความงาม สิ่งที่คุณหมอพอใจที่สุดก็คือเวลาได้เห็นคนไข้ที่ไม่ได้เจอมานานๆ แล้วจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรให้กับคนไข้คนนี้บ้าง เพราะนั่นหมายถึงความเป็นธรรมชาติจนแยกไม่ออก
“คือทุกอย่างมันเริ่มต้นจากธรรมชาติ ดังนั้นเวลาที่เราทำ คนอื่นจะบอกว่าเราทำศัลยกรรมพลาสติก และเมื่อไรก็ตามที่เราทำแล้วมันไม่ใช่ดูเป็นพลาสติก แต่มันเหมือนธรรมชาติมากกว่า ตรงนั้นจะสร้างความพอใจให้กับเราซึ่งเป็นคนทำมากๆ เราทำเต็มที่ทุกครั้ง เพื่อให้เราพอใจในงานของเรา และที่สำคัญที่สุด คนไข้ก็พอใจในผลงานของเราด้วย เพราะอวัยวะส่วนหนึ่งที่เราไม่เคยปิดได้เลยก็คือ ใบหน้าของเรานั่นเอง”