ยศศิริ ใบศรี

ยศศิริ ใบศรี

สมัยก่อน มิวสิควิดีโอในบ้านเรายังมีงบประมาณที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ยอดขายเพลงน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ค่ายเพลงต่างๆ ต้องปรับตัวและหาทางเลือกใหม่ จนกลายเป็นว่าต้องลงทุนต่ำ แต่คุณภาพของมิวสิควิดีโอต้องสูงหรืออย่างน้อยก็เทียบเท่าของเดิม พูดแบบนี้แล้วใครจะไปทำได้ แต่มีคนทำได้แล้วครับ

 

เขามีชื่อว่า ต้น ยศศิริ ใบศรี เขาเป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอที่กำกับภาพเคลื่อนไหวของเพลงแนวอินดี้มาแล้วนับไม่ถ้วน เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง MV เพลงศิลปินอินดี้ชื่อดังมากมาย อาทิ เบา เบา (Singular) ทิ้ง (สิงโต นำโชค) จันทร์เจ้า (Slot Machine) หน่วง (Room 39)

 

ผลงานของเขามีความโดดเด่นในแง่ของศิลปะ มุมมองการถ่ายภาพ วิธีคิด การนำเสนอเรื่องราว สีสัน หรือแม้กระทั่งรูปแบบการตัดต่อ ซึ่ง MV ที่เขาทำยังต่างจากผู้กำกับรายอื่นก็คือใช้คนน้อยที่สุด บางครั้งเหลือเขาเพียงคนเดียวก็พอ และที่น่าสนใจก็คือ งานระดับเกรดเอหลายเพลงของเขานั้น ถ่ายทำด้วยกล้อง SLR ที่ถ่ายวิดีโอได้ มาใช้ในการทำงานแต่ได้ภาพเหมือนใช้ฟิล์มถ่ายทำ ไม่ต้องพูดถึงงบประมาณการถ่ายทำที่น้อยกว่า MV ที่มีโปรดักชั่นขนาดยักษ์แบกภาระด้วยค่าใช้จ่ายมากมาย เขาจึงเหมือนเป็นคนมาเติมเต็มศักยภาพของค่ายเพลงอินดี้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการงานที่ดูดี

 

“ผมกล้าพูดเลยว่า D90 ออกมาตอนนั้น ผมเอามาได้อาทิตย์เดียวผมทำ MV เลย เป็นเพลงที่ชื่อ ให้เธอ ของ สครับ ที่เลือกใช้เพราะช่วงนั้นกำลังตื่นเต้น เพราะผมชอบถ่ายรูป ผมชอบใช้เลนส์ฟิชอาย ผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องของระบบรายละเอียดภาพในบ้านเรา ถ้าใช้กล้องตัวนี้ถ่ายมันเหลือเฟือ ก็เลยนำมาใช้ จนเดี๋ยวนี้ใครก็เอามาใช้ เพราะมันคล่องตัวกว่า”

 

ขั้นตอนการทำมิวสิควิดีโอของคุณต้นนั้น เริ่มจากการตีความหมายของเพลงก่อน จากนั้นดูว่าศิลปินคนี้หรือกลุ่มนี้เป็นแนวไหน ศิลปินคิดอะไรอย่างไรกับเพลงนี้ ยิ่งถ้าเป็นวงใหม่ๆ เขาจะเอาความหมายของวงกับเพลงมารวมกัน แล้วก็หาคีย์เวิร์ด
สั้นๆ ของเพลงมาสร้างเรื่องราวบนเทคนิคที่ถนัด พอกระบวนการคิดเหล่านี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เขาจะเอาไปเสนอค่ายเพลงว่าต้องการแบบนี้รึเปล่า โดยเขาจะไม่เสนอเรฟเฟอร์เรนซ์เหมือนคนอื่นๆ เพราะเชื่อว่าว่ามันจะเป็นการผูกติดเกินไป และเป็นการเปรียบเทียบกันมากกว่า

 

“ผมจะแค่บอกว่าภาพเป็นประมาณนี้นะ โทนสีประมาณนี้ ถ่ายสถานที่ แบบนี้นะ น้อยครั้งที่เราจะใช้เรฟเฟอร์เรนซ์ให้เขาเห็นภาพด้วย มันไม่เหมือนโฆษณาที่จะต้องเป๊ะ มันยังพอดิ้นได้มาก คือ MV มันจะมาวัดกันตอนตัดต่อ เพราะโครงสร้างของเพลงมันเป็นตัวบอกว่ามันมีกี่ซีนอยู่แล้ว ผมยังคิดว่างานของผมเป็นงานทดลอง เป็นงานอินดี้ค่อนข้างสูง”

 

เนื่องจากช่วงหลังๆ งานแต่ละชิ้นของเขาเป็นงานที่ถ่ายทำค่อนข้างเร็ว เขายอมรับว่ามันทำให้ระบบการคิดที่ลึกซึ้งทำได้ลำบากกว่าเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะในการทำงานของเขา หลักๆ แล้วที่เขาจะพบปัญหาก็คือเรื่องของ
งบประมาณกับเวลา

 

“ปัญหาข้อแรกคืองบประมาณต่ำ มันก็แล้วแต่ระดับของศิลปิน เวลาคิดก็จะคิดว่าทำได้ไหม เงินพอรึเปล่า เพลงบ้านเราส่วนใหญ่มีโลเกชั่นสวย หานางแบบคนนึงก็จบ ถ้าเกิดเอาแบบมหาชนหน่อยก็มีเรื่องราวรักอกหักก็พอ ผมเคยทำต่ำสุดหมื่นบาท แต่ก็เคยทำด้วยงบสูงสุดสองล้านบาท หลักๆ เลยคือ MV จะดีไม่ดีมันอยู่ที่เพลง เพราะถ้าโครงสร้างเพลงไม่ดี ความหมายของเพลงไม่ดี ทำ MV ให้ตายยังไงมันก็ไม่ดี”

 

“เรื่องของเวลาก็เป็นปัญหาข้อที่สองของผม บางทีมีการคุยงานกันน้อย ไม่กี่อาทิตย์ เจอกันอาทิตย์หน้าถ่าย อีกอาทิตย์เสร็จแล้ว ผมทำได้นะ ถ้า 1 เดือนมีเพียง 1 ตัว แต่ด้วยงบแค่นี้ ต้องทำเดือนหนึ่งสองถึงสามตัวขึ้นไปถึงจะอยู่ได้ ยอมรับว่าหลังๆ งานของผมไม่ค่อยดีเหมือนปีที่แล้ว เพราะความรับผิดชอบสูงขึ้นเยอะ ผมทำงานให้วงใหญ่ขึ้น งบประมาณเยอะขึ้นแต่คนก็เยอะขึ้นตาม แต่ไม่ว่าวงจะใหญ่ขึ้นแค่ไหน ผมก็ยังทำคนเดียวอยู่เหมือนเดิม มันก็กลายเป็นว่าผมแยกออกไม่ได้เพราะทุกอย่างมันคือตัวผม ก็เลยเหนื่อย”

 

ในส่วนของงานมาสเตอร์พีซที่เขาอยากจะนำเสนอนั้นเป็นผลงาน MV ของวง Slot Machine ที่มีชื่อเพลงว่า “จันทร์เจ้า” และความไม่ธรรมดาของ MV เพลงนี้ก็คือ ได้เข้าชิง Channel V Awards ปีนี้ถึง 6 รางวัล โดย MV ตัวนี้มีการร่วมงานกับผู้กำกับอีกคนหนึ่ง

 

“มันเริ่มจากที่ผมทำ MV ให้กับ Slot machine เป็นตัวที่ 4 ในเชิงความหมายของเพลง มันเป็นในเชิงเล่าเรื่อง ซึ่งผมไม่ถนัดเล่าเรื่อง แต่ผมมาเจอกับพี่เปเล่ (คริสโตเฟอร์ วอชิงตัน) ในสไตล์จัดๆ ของผมเนี่ย รวมกับการเล่าเรื่องของพี่เขา ผมก็บอกว่าอยากถ่ายที่นี่ โลเกชั่นที่นี่นะ โครงสร้างเป็นแบบนี้แล้วพี่ช่วยเล่าเรื่องให้หน่อย แล้ว Slot machine ก็ให้คำจำกัดความมาว่าเป็นการจากลาที่ดี คือ Goodbye”

 

เมื่อได้ค็อนเส็ปต์ตามที่ตกลงก็มีการขนทีมงานไปถ่ายทำกันในป่า ซึ่งตัวเขาและผู้กำกับอีกคนหนึ่งก็ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่บางคนไม่ถนัด จนกลายเป็นการรวมตัวของผู้กำกับที่สร้างแนวคิดใหม่ๆ ใน MV จะเป็นเรื่องราวของการบูชาสามเหลี่ยมของทางวง Slot machine ที่แฝงแนวคิดความศรัทธา ทำให้ MV ที่ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ

 

“ผมใช้กล้องธรรมดา เลนส์ตัวเดียว ถ่ายเหมือนเดิม แถมต้องวิ่งไปล้มไป เพราะต้องวิ่งตามนักแสดง มีปีนต้นไม้ พอกลับมากล้องพังเลย ถ้าดูเบื้องหลัง เพลงนี้ทำการบ้านค่อนข้างนาน ประมาณหนึ่งเดือน เตรียมตัวกันนาน กว่าจะได้ถ่าย แถมใช้เวลา
ตัดต่ออีกเกือบเดือน ถ่ายจริงประมาณ 2 วัน แต่มันคุ้มค่าเวลาของการทำงาน แล้วต้องบอกด้วยว่าวงนี้ค่อนข้างชัดเจนเพลงก็ชัดเจน ทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี”  

MV กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วสำหรับการโปรโมท