พล ตันฑเสถียร

พล ตันฑเสถียร

“ผมอยากนำเสนอการเป็นตัวแทนของคนธรรมดาที่ทำอาหารได้ครับ เมนูที่สอนต้องง่าย อย่างมีเมนูที่ใช้มืออย่างเดียวก็ทำได้เชื่อว่าคนที่ดูส่วนหนึ่งเห็นแล้วก็ต้องอยากทำ ในขณะที่บางคนดูในเรื่องของลีลาว่ามันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ แต่อาจจะไม่ทำ ดูเพื่อความรู้ความบันเทิงเท่านั้น ภาพของผมเคยเป็นนักแสดง เพราะฉะนั้นผมทำได้ คุณก็ต้องทำได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจะไม่ปล่อยของที่เรียนมา อย่างแล่ปลาอย่างเหนือชั้น ไปตลาดซื้อปลามาก็บอกให้เขาแล่ให้ ถ้าเผื่อว่าคนดูทำไม่ได้ หรือทำแล้วเป็นอันตรายเราก็จะไม่ทำ”

 

บางคนที่ดูรายการอาจสงสัยว่าการที่เขาออกไปเลือกซื้อวัตถุดิบในซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งการทำอาหารออกมาหน้าตาสวยงามเขาได้ทำอาหารเองหรือไม่ คำตอบคือเขาทำเองทุกกระบวนการ อย่างไรก็ตาม การทำอาหารก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นได้ในช่วงข้ามคืนมันต้องมาจากใจที่ต้องรักทางด้านการทำอาหารมาตั้งแต่แรกเริ่ม

 

“ตัวผมเองโดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนชอบงานศิลปะในหลายแขนง คนจะรู้จักผมในฐานะนักแสดงละครเวที ทีวี หรือภาพยนตร์ซึ่งงานที่ตัวเองชอบมันเป็นงานศิลปะหมดเลย ก็จะวาดรูปบ้าง ร้องเพลงก็เคย มันก็จะมีของบางอย่างที่ทำดีบ้าง ไม่ดีบ้าง อาหารก็คงเป็นอีกอย่างหนึ่ง ที่ว่าไม่ได้กินเพื่ออยู่อย่างเดียว อาหารมันคือศิลปะ ในบางสถานการณ์อาหารมันมากกว่าปัจจัย 4 เช่นอาหารสำหรับวันเกิด สำหรับครบรอบวันแต่งงาน มื้อนั้นเราอยากจะละเมียดเพราะฉะนั้นอาหารมันก็เป็นงานศิลปะได้เหมือนกัน

 

“ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ หลานๆ เยอะ บางทีเด็กๆ จะกินอาหารกล่องเราก็เลยไม่ค่อยชอบ มันก็เลยเริ่มต้นตอนที่เราตื่นขึ้นมาตอนเช้า มาทำอาหารให้หลานๆ กิน เด็กๆ จะขี้บ่นขี้เบื่อ มันก็มีข้าวต้มกุ๊ย ข้าวต้มทรงเครื่องบ้างเราก็จะหาลูกเล่น ลองเป็นเฟรนช์โทส แพนเค้ก เป็นนู่นเป็นนี่ ทำไปทำมาก็เริ่มสนุก (หัวเราะ)”

 

จากจุดนี้เองที่ทำให้การทำอาหารของเขาต้องมีหลักการมากขึ้น โดยการไปหาซื้อหนังสือทำอาหาร รวมทั้งอุปกรณ์ทำอาหาร จากมื้อเช้าที่ทำอาหารให้หลานก็กลายมาเป็นมื้อเที่ยง หรือแม้กระทั่งวันที่มีงานปาร์ตี้ที่บ้านเขาก็เป็นคนทำอาหารเองทั้งสิ้น มันจึงกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนานสำหรับเขาไปโดยปริยาย

 

เมื่อมีความรู้ด้านอาหารมากขึ้น และคลุกคลีกับคนในวงการอาหารได้สักระยะหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารสองร้านในพื้นที่เดียวกัน คือ Spring และ Summer อยู่บนถนนสุขุมวิทซอย 49 ซึ่งร้านอาหารทั้งสองนี้ ตั้งอยู่ในโซนเดียวกันเพียงแต่แยกประเภทออกมา ร้านอาหาร Spring จะเน้นอาหารคาว ส่วน Summer นั้นจะเป็นจำพวกของหวานมากกว่า

 

“ตอนเปิดร้านเราก็ยังมีอุปสรรคเรื่องพ่อครัว แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากของครอบครัวร้านอาหารกิจโภชนา เขาสอนผมทำอาหารนานมาก เราก็ได้มาจากตรงนั้น เราเป็นเชฟเองด้วย แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งมีที่ปรึกษาคืออาจารย์ศรีสมร คงพันธุ์ ก็เลยสนิทกันแกก็มาสอนเรื่องโภชนาการอาหารบ้าง”

 

“จากนั้น เลอ กอร์ดอง เบลอ (สถาบันสอนการประกอบอาหาร) จะมาเปิดที่เมืองไทยเราก็ไปลงทะเบียนก็เรียนจนจบคอร์ส ที่มีทั้งขนมและอาหาร ช่วงนั้นก็จะหยุดงานไปเลย 9 เดือน ค่อนข้างหนักนิดหนึ่งคือจันทร์ถึงเสาร์ เช้าถึงเย็น

 

“ทุกวันนี้แต่ละอาทิตย์ผมก็ยังเรียนทำอาหารญี่ปุ่นอยู่ อาทิตย์ละเมนู และยังได้อยู่กับอาจารย์แม่ศรีสมรในแต่ละวัน อย่างขนมบางอย่างที่จะหายไปแล้ว เราก็เอากลับมาทำ

 

“ผมเลยไม่เหมือนคนอื่นที่จบ เลอ กอร์ดอง เบลอ เรียนทำอาหารฝรั่งเศส แล้วมาทำรายการ แต่ผมจะทำเป็นทั้งอาหารไทยญี่ปุ่น อินเดียเล็กน้อย แล้วดันเป็นเชฟที่ต่างจากคนอื่น เพราะผมทำขนมด้วย แล้วเป็นคนชอบดื่มด้วย ชอบทำคอกเทล”

 

ในเรื่องของการทำอาหารเขาเปรียบเทียบได้อย่างน่าสนใจว่าเหมือนกับการแต่งตัว มันสามารถเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจเป็นอาหารฝรั่ง บางครั้งอาจเป็นอาหารไทย เรียกว่ามีความหลากหลายตามสภาพการณ์

 

“ถ้าถามถึงความชอบแล้ว ผมจะชอบอาหารทางเอเชียมากกว่าทางยุโรป แต่รู้สึกว่าทางยุโรปเขามีเทคนิคดี อย่างเทคนิคอาหารฝรั่งเศสก็ถือเป็นรากเง้าของเมืองผู้ดี เราก็เอาเทคนิคและรสนิยมของชาวเอเชียมาใช้ร่วมกัน

 

“เวลาคนทำอาหารจะต้องขึ้นอยู่กับอากาศและภูมิประเทศด้วยเราจะสังเกตว่า ถ้าเป็นอาหารฝรั่งเศสเขากินไก่ป่า กระต่าย กบ จะเป็นอาหารที่มีไขมันเยอะเพราะประเทศเขาหนาว มันจึงเหมาะกับอากาศแบบเขา แต่พอมาเป็นแบบเรา ถามว่ากินได้มั้ย กินได้แต่มันไม่ได้กินทุกวัน คนไทยกินของมันเยอะจะมีกลิ่นตัว เพราะอากาศร้อน เราก็เลยต้องมาปรับ เพราะฉะนั้นถ้าผมทำอาหารฝรั่งเศสให้คนไทย สัดส่วนของไทยจะเยอะกว่า หรือพิซซ่าถ้าทำให้เป็นรสชาติของคนอิตาเลี่ยนเลย ผมคิดว่าคนไทยอาจไม่ชอบก็ต้องปรับกัน เพราะฉะนั้นการทำอาหารมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าทำให้ใคร

 

“การทำอาหารเราต้องรู้ซึ้งถึงรากเหง้าจริงๆ ซึ่งมันไม่ได้จะต้องเป็นประวัติศาสตร์ แต่หมายความว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์ อันนี้ทำงานกับอันนี้แล้วมันเป็นยังไง อันนี้ทำไมห้ามใส่ตอนที่มันร้อน น้ำตะไคร้ทำไมสีไม่สวยมันต้องใส่ตอนไหนยังไง คือพวกนี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่เราต้องเรียนรู้ เพราะเชฟไม่ได้ทำอาหารสวยอย่างเดียวครับ แต่ใช้งานของที่มีให้มากที่สุดและทำให้คนกินอร่อย”

 

เห็นเขาเอาจริงเอาจังกับการเป็นเชฟขนาดนี้ ก็อดถามไม่ได้ว่าอยากจะกลับมาแสดงละครอีกหรือไม่ เขาตอบคำถามสุดท้ายของเรากลับมาอย่างไม่ลังเลว่า

 

“จะมีละครในช่วงกลางปีช่วงเดือนเมษานี้ครับ ผมเป็นคนชอบเล่นละคร แต่เป็นละครเวทีมากกว่า ตกเฉลี่ย 2 ปีต่อเรื่อง คือจะเล่นให้ตัวเองหายคิดถึงกับเล่นเพราะอยากเล่นจริงๆ ครับ”

พล ตันฑเสถียร คือนักแสดงนำในละครเวทีหลายเรื่อง